ตอนที่สอง บ้านแห่งความรัก 3
เวลาไม่ถึงชั่วโมงจากสนามบินกลับมาที่วังหลวง
แต่เมื่อเข้าสู่เขตอาคารซึ่งเป็นวังของตนเองชีคชารีฟก็ค่อนข้างแปลกใจที่คนของเขามาแจ้งว่ามารดาของตนเองรอคอยอยู่ที่บริเวณอุทยานใจกลางวังของเขา
สวนสวยงามที่เต็มไปด้วยต้นไม้เมืองร้อนนานาพันธุ์ที่ได้รับน้ำอย่างเหมาะสมและอากาศยามเย็นที่ความร้อนจางหาย อากาศเย็นเริ่มแผ่กระจายบนท้องฟ้าเต็มไปด้วยดวงดาวและมองเห็นดวงจันทร์อย่างชัดเจนในคืนเดือนเพ็ญทำให้บริเวณนั่งเล่นในอุทยานกลางวังของชีคชารีฟเหมือนพื้นที่แดนสวรรค์ที่เหมาะแก่การมาเยือน... แต่ด้วยว่าที่วังของมารดาก็มีสวนเช่นนี้ไม่ต่างกันทำให้ชีชารีฟเชื่อว่ามารดามีเรื่องจะคุยกับเขาแน่นอนถึงได้มานั่งชมจันทร์รอจนค่ำมืดเช่นนี้
“ท่านแม่ครับ” เขาทำความเคารพมารดาก่อนจะเดินไปนั่งที่เก้าอี้ฝั่งตรงข้าม “ท่านแม่มีอะไรหรือเปล่าถึงได้มารอลูกจนมืดค่ำขนาดนี้”
“นี่ไม่คิดว่าแม่จะคิดถึงลูกที่ลูกไปต่างประเทศนานจนต้องมานั่งรอเจอหน้าลูกหรือไง”
“ผมไปแค่สามวันเองนะครับท่านแม่ไม่นานพอที่จะคิดถึงแล้วล่ะครับ” เขาบอกมารดาอย่างรู้ทัน “ ท่านแม่จะพูดอะไรบอกมาดีกว่าครับเดี๋ยวจะดึกเกินเวลานอนนะครับ”
“ชอบรู้ทันทั้งพ่อทั้งลูกเชียว” ผู้เป็นมารดาบ่นอุบอิบและชีคชารีฟก็อมยิ้ม
“แม่จะมาคุยด้วยเรื่องที่ไปเมืองไทย งานเป็นยังไงบ้าง”
“ก็ดีครับผมไปเจรจากับเจ้าของเครือโรงพยาบาลเอกชนที่ใหญ่ที่สุดของไทยเพื่อให้ความร่วมมือเกี่ยวกับการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยระหว่างประเทศด้วยสายการบินแห่งชาติของเราและก็ได้ความร่วมมือกับโรงเรียนแพทย์ถึงสามแห่งเกี่ยวกับการแลกเปลี่ยนนักศึกษา ส่วนนาคินก็เจรจาเรื่องความร่วมมือทางการทหารสำเร็จ”
“อย่างนั้นหรือ ก็ดีแล้วประเทศของเราจะได้พัฒนาให้ครบและครอบคลุมทุกด้านแล้ว แม่ก็นึกว่าลูกจะพากันอยู่ต่ออีกนิดหน่อยเพราะว่าแม่ให้นาคินตามหาคนให้แม่อยู่” ชีคคาไอช่าพูดและสังเกตแววตากระตือรือร้นในเรื่องที่คุยมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัดของลูกชาย
“เรื่องที่ตามหาครอบครัวของเพื่อนท่านแม่ที่เคยพาลูกๆ มาเยี่ยมท่านแม่ที่เบเดนเมื่อยี่สิบปีก่อนแล้วท่านแม่จำได้ว่าเขามีลูกสาวน่ะหรือครับ”
“ใช่แล้ว ลูกรู้ด้วยหรือ”
“รู้สิครับนาคินเล่าให้ผมฟังและจะอยู่ตามหาครอบครัวนั้นต่อแต่ผมสั่งให้นาคินกลับมาพร้อมกันเพราะเรื่องนั้นไม่ได้สำคัญเท่างานที่นี่” คำตอบของลูกชายทำให้ชีคคาไอช่าหน้าเผือดสีเมื่อคิดว่าลูกชายไม่ยอมให้นาคินตามหาครอบครัวของเพื่อนตนเองเพราะว่าหึงนาคินและคำถามของลูกชายยิ่งทำให้ท่านชีคคาอึ้ง
“ผมได้ยินมาว่าท่านแม่อยากให้ลูกสาวบ้านนั้นได้เป็นคู่หมายของนาคินจริงหรือเปล่าครับ”
“เอ่อ...” ชีคคาไอช่าเครียดเล็กน้อยเมื่อต้องคุยเรื่องนี้เพราะกลัวความจริง ดูเหมือนชีคชารีฟจะกังวลใจกับเรื่องนี้พอกันมันยิ่งทำให้ท่านชีคคาแทบใจสลาย “ความจริงแล้วลูกคงเข้าใจผิด นาคินไม่ได้บอกลูกหรือว่าแม่คิดว่าลูกอาจจะไม่อยากแต่งงานกับคนที่ท่านพ่อของลูกหาให้อย่างฟาห์ติมะเลยอยากติดต่อครอบครัวเพื่อนรักเพื่อทาบทามลูกสาวบ้านนั้นมาเป็นศรีสะใภ้” ชีคคาไอช่าบอกความจริงกับลูกชายและเห็นแววตาไม่ยินดียินร้ายของลูกชายที่นางคิดหาคู่ให้แล้วก็เก็บความแปลกใจบนใบหน้าแทบไม่มิด
“ถึงว่า นาคินถึงได้มุ่งมั่นตามหาแบบไม่ได้ดูเดือดร้อนอะไรเลยที่แท้ก็รู้ว่าไม่ได้จะถูกบังคับให้แต่งงานเอง ตอนผมเตือนว่าหาเจอแล้วจะโดนท่านแม่คลุมถุงชนถึงได้ไม่ดูเดือดร้อนเพราะอย่างนี้นี่เอง” ชีคชารีฟหัวเราะ
“แล้วลูกไม่กังวลหรือไง ถ้าหาเจอแล้วคนที่จะถูกทาบทามให้แต่งงานด้วยจะเป็นลูกเสียเองนะ”
“ไม่หรอกครับ ถ้าลูกสาวบ้านนั้นถูกใจผมก็ไม่มีปัญหา” คำตอบของลูกชายทำให้คนเป็นมารดาเหมือนยกภูเขาออกจากอก
“ตอนแรกแม่นึกว่าลูกจะพอใจแต่งงานกับฟาห์ติมะ ได้ยินอย่างนี้แม่ก็เข้าใจลูกแล้วว่าทำไมลูกไม่ยอมแต่งงานเพราะว่าไม่อยากแต่งงานกับคนที่ท่านพ่อของลูกหาให้ใช่ไหม”
“ผมแต่งงานกับใครก็ได้ครับ ยกเว้นฟาห์ติมะ”
คำตอบแบบพลั้งปากออกมาของชีคชารีฟทำให้ชีคคาไอช่าคิดว่าที่ผ่านมาเขาไม่ได้คิดอะไรกับนาคินเพียงแต่ที่ไม่อยากให้นาคินแต่งงานก่อนเพราะว่าตัวเองจะแพ้ที่แต่งงานทีหลังหรือว่าอะไรเทือกนั้น
“จริงเหรอลูก”
“ครับ” ชีคชารีฟไม่คิดว่ามารดาจะจริงจังเรื่องนี้เขารับปากเพื่อให้ท่านสบายใจเท่านั้น เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะหาครอบครัวนั้นเจอหรือไม่ เมื่อไม่มีข้อมูลอะไรที่ช่วยตามหามากนักนอกจากรูปถ่ายอีกทั้งหาเจอแล้วลูกสาวบ้านนั้นอาจมีแฟนหรือแต่งงานไปแล้วก็ได้ใครจะไปรู้
“แม่ไม่มีอะไรมากแค่มาถามความคืบหน้าเรื่องนี้เท่านั้นเดี๋ยวแม่จะกลับแล้ว” อารมณ์ของชีคคาไอช่าแจ่มใสขึ้นจากหน้ามือเป็นหลังมือนัยน์ตาที่เต็มไปด้วยความกังวลบัดนี้เต็มไปด้วยความหวังและความยินดี
“เดี๋ยวผมไปส่งครับ” เขาลุกขึ้นจะเดินไปประคองมารดาแต่ชีคคาไอช่าโบกมือปฏิเสธ
“ไม่ต้องหรอก ลูกเหนื่อยแล้วพักผ่อนเถอะ แม่สั่งให้คนในฮาเร็มของลูกเตรียมปรนนิบัติลูกแล้วลูกอยากให้ใครนวดหลังให้สบายๆ ก็ไปเลือกเองเถอะ แม่ไม่รบกวนเวลาพักผ่อนของลูกแล้วล่ะ”
“ท่านแม่รู้ใจลูกเหลือเกินนะครับ เดินทางมาหลายชั่วโมงได้นวดตัวสักนิดคงช่วยให้หายเหนื่อยได้บ้าง” ชีคชารีฟยิ้มให้มารดาที่นึกเป็นห่วงคนรอบข้างไปเสียทุกเรื่อง
ชีคคาไอช่าเห็นลูกชายแยกตัวไปที่ฮาเร็มของเขาเองแล้วก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก รอยยิ้มแห่งความพอใจผุดพร่างพราวบนดวงหน้าที่ยังคงเค้าความสวยไม่เปลี่ยนแปลง
“ที่ผ่านมาเราคงคิดมากไปเองสินะ ลูกชายของเราไม่ได้ผิดปรกติอะไรสักนิดเลย ก่อนนี้คิดไปได้ยังไงกัน” ชีคคาไอช่านึกขันตนเองยิ่งนัก ระหว่างที่เดินกลับวังพร้อมคนติดตามโทรศัพท์ของชีคคาไอช่าดังขึ้นเครื่องมือสื่อสารที่ท่านคุ้นชินถูกหยิบขึ้นมาเพื่อพูดคุยกับปลายสาย
“ว่าอย่างไร มีความคืบหน้าหรือเปล่า” ท่านชีคคาพูดสายกับท่านทูตเบเดนประจำประเทศไทยผู้ที่ท่านให้ติดตามหาครอบครัวของเพื่อนที่ไม่ได้ติดต่อกันมาหลายปีเพราะว่ามีคนช่วยตามหาอยู่ทางนั้นเมื่อชีคชารีฟสั่งไม่ให้นาคินตามเรื่องนี้ท่านจึงไม่ได้เดือดร้อนนัก
“อะไรนะ ค้นหาเจอแล้วเหรอจริงเหรอ ฉันไม่อยากจะเชื่อ ถ้าอย่างนั้นส่งรูปภาพและข้อมูลมาทางอีเมลฉัน ฉันจะติดต่อไปอีกครั้งขอบคุณมากที่สุดค่ะท่านทูตที่ทำให้ฉันได้พบครอบครัวของเพื่อนฉันอีกครั้งหนึ่ง”
ชีคคาไอช่าวางสายแววตาของท่านมีแต่ความตื่นเต้นแผนการต่างๆ ในอนาคตถูกวางแผนเต็มหัวของท่านไปหมด ไม่มีวันไหนที่ท่านชีคคารู้สึกดีขนาดนี้มาก่อน
แค่คิดว่าลูกชายจะได้เป็นฝั่งเป็นฝาท่านชีคคาก็อิ่มอกอิ่มใจไปล่วงหน้าแล้ว
