บท
ตั้งค่า

7.1 สุดกลั้น

หลานอานฉวนกอดปลอบหลานมู่หลันอยู่สักพัก จนเด็กสาวเริ่มสงบสติอารมณ์และหยุดร้องไห้ หลานอานฉวนจึงค่อยพยุงร่างบางให้ลุกขึ้นเพื่อพานางกลับบ้าน

ทันใดนั้นหลานปู้จงก็พรวดพราดเข้ามาก่อนง้างหมัดต่อยเข้าที่ใบหน้าของบุตรชายจนเซถอยหลังไปชิดผนังด้านข้าง “อานฉวน!! เจ้าเป็นบ้าหรือไง รู้หรือไม่ว่าชายที่เจ้าเพิ่งทำร้ายเป็นใคร!!”

หลานอานฉวนจับไปที่มุมปากของตนก่อนจะสบถคำด่าออกมา ทำหลานปู้จงเบิกตากว้างอย่างไม่เชื่อในสิ่งที่ได้ยิน

บุตรชายที่สงบเสงี่ยมและไม่เคยมีปากเสียงกับเขามาก่อน บัดนี้กำลังยืนชี้หน้าด่า ทั้งยังจ้องเขม็งพร้อมแววตาคมกริบประดุจใบมีดคม

“จะ...เจ้าลูกไม่รักดี!! กล้าดีอย่างไรมาชี้หน้าด่าข้า!! เจ้าลูกอกตัญญู!!”

“ให้กตัญญูต่อบิดาเช่นท่าน ข้ายอมให้ไฟนรกเผาร่างเสียยังดีกว่า!!”

ด้วยอารมณ์โกรธทำให้หลานอานฉวนขาดสติ เผลอเข้าไปกระชากตัวของหลานปู้จงและลงมือทำร้ายบิดาของตนไม่ยั้ง

หลานมู่หลันที่ยังอยู่ในอาการหวาดผวาวิ่งไปนั่งหลบอยู่ที่มุมห้อง สองมือเล็กยกขึ้นปิดหู หลับตาแน่น ตัวสั่นระริกพร้อมน้ำตาที่ไหลอาบหน้า

“กรี๊ด!!! อานฉวน หยุดนะ!!”

ยีจางหลันที่เพิ่งมาถึงรีบวิ่งเข้ามาห้ามหลานอานฉวน เขาผลักเด็กหนุ่มที่กำลังบีบคอสามีของตนออกไป ก่อนจะพ่นคำด่าสารพัดและก้มลงดูอาการของหลานปู้จง ที่บัดนี้ใบหน้าปูดบวมทั้งยังกระอักเลือดออกมากองโต

“นี่พ่อเจ้านะ!! เจ้ากล้าทำเช่นนี้ได้อย่างไร!! ข้าจะแจ้งทางการให้มาจับเจ้า!!”

สิ้นเสียงกรีดร้องของยีจางหลัน เด็กรับใช้สามคนของโรงเตี๊ยมก็วิ่งเข้ามาจับตัวของหลานอานฉวนทันที โทษฐานที่ก่อความวุ่นวายและรบกวนเวลาพักผ่อนของแขกคนอื่น

หลานอานฉวนสะบัดไหล่ของตนออกจากการเกาะกุม ก่อนเดินไปทางที่หลานมู่หลันนั่งอยู่ เขาช้อนร่างบางขึ้นอุ้ม เหลือบมองบิดาที่นอนจมกองเลือดด้วยสีหน้าเรียบเฉย และก้าวเดินออกจากห้องอย่างไม่แยแส

“ไอ้เนรคุณ!! ฉันขอสาปแช่งแก!! แกต้องไม่ตายดีแน่!!”

ยีจางหลันวิ่งตามออกมาด่าไล่หลัง นางแผดเสียงดังอย่างเดือดดาล พร้อมตะโกนใส่ร้าย บอกพวกคนที่มามุ่งดูว่าหลานอานฉวนเป็นลูกอกตัญญู ทำร้ายพ่อตัวเองจนปางตาย สมควรนักที่จะได้รับโทษทัณฑ์จากสวรรค์

หากแต่เด็กหนุ่มที่กำลังเป็นห่วงอาการของหลานมู่หลันไม่สนใจและรีบก้าวเดินอย่างเร่งรีบ อยากพาน้องสาวของตนกลับบ้านให้เร็วที่สุด แต่แล้วจู่ๆ อู๋ซวนเหยาหรือก็คือใต้เท้าอู๋ เจ้าของโรงเตี๊ยมแห่งนี้ วิ่งเข้ามาขวางหน้าพร้อมเด็กรับใช้อีกห้าถึงหกคน

“เจ้าเด็กบ้า!! เจ้าเป็นใคร กล้าดีอย่างไรมาก่อความวุ่นวายในโรงเตี๊ยมข้า!” อู๋ซวนเหยาตวาดดังลั่นก่อนสั่งคนให้จับตัวสองพี่น้องลงไปยังห้องโถงด้านล่าง พร้อมให้เด็กรับใช้ไปลากตัวพ่อแม่ของทั้งสองมาด้วย

“วันนี้มีแต่ลูกค้ารายใหญ่ เดินทางมาจากเมืองหลวงทั้งนั้น พวกเจ้าช่างไม่รู้ที่ต่ำที่สูง อยากคอขาดหรืออย่างไร!”

“ใต้เท้าโปรดเมตตา ข้ากับสามีหาได้มีเจตนาทำให้ใต้เท้าเดือดร้อน หากแต่เพราะ...” ยีจางหลันปรายตาไปทางหลานอานฉวน ก่อนสบถคำด่าชุดใหญ่ “เพราะเจ้า!! ไอ้เด็กปีศาจ!!”

“ใต้เท้า ข้าน้อยจะไม่ใช้ข้ออ้างที่ว่าตนเป็นเด็กไม่รู้ประสีประสา แต่เพราะเป็นห่วงกลัวน้องสาวจะถูกกระทำไม่ดี จึงหุนหันพลันแล่น ทำอะไรโดยขาดความยั้งคิดเช่นนี้ ใต้เท้าโปรดลงโทษข้าน้อยได้ตามแต่ท่านจะเห็นสมควร”

คำพูดฉะฉานพร้อมแววตาแน่วนิ่ง ทำอู๋ซวนเหยานิ่งอึ้งไปพักใหญ่ พลางลอบคิดว่าเด็กหนุ่มผู้นี้ช่างฉลาดในการใช้คำพูด ดูมีสง่าราศียิ่งนัก

“เจ้าชื่ออะไร”

“เรียนใต้เท้า ข้าน้อยอานฉวน แซ่หลาน”

“อานฉวนงั้นหรือ” อู๋ซวนเหยาลูบเคราตัวเอง รู้สึกถูกชะตาในตัวเด็กหนุ่ม ขณะเหลือบมองไปที่เด็กสาวที่นั่งตัวสั่นอยู่ข้างๆ ราวลูกแมวน้อยหลงทาง ก็ทำใจที่กำลังดาลเดือดอ่อนยวบ รู้สึกเอ็นดูและสงสารเด็กสาวในคราวเดียว

“แล้วเจ้าเล่าแม่นางน้อย มีชื่อว่าอะไร”

หลานมู่หลันเงยหน้ามองหลานอานฉวนอย่างกล้าๆ กลัวๆ ครั้นเห็นพี่ชายผงกศีรษะ นางจึงเอ่ยตอบด้วยเสียงสั่นเครือ “ขะ...ข้าน้อยมู่หลัน... หลานมู่หลันเจ้าค่ะ”

อู๋ซวนเหยาพยักหน้าเข้าใจในทันที “ที่แท้พวกเจ้าทั้งสองก็เป็นพี่น้องกันนี่เองสินะ แล้วที่ว่ากลัวน้องสาวจะถูกกระทำไม่ดีหมายความว่าอย่างไร”

หลานอานฉวนเล่าเรื่องความอัปยศที่เกิดขึ้นแก่อู๋ซวนเหยา เล่าว่าพวกเขาสองพี่น้องถูกกระทำเช่นไร กระทั่งถูกนำมาขายในคืนนี้

“บัดซบที่สุด! มีพ่อแม่ที่ไหนทำเรื่องเลวทรามเช่นนี้กับลูกตัวเองบ้าง!”

แม้อู๋ซวนเหยาจะไร้ซึ่งบุตรสืบสกุล แต่ก็ใช่ว่าจะไม่เข้าใจหัวอกของคนเป็นพ่อแม่ เพราะตนเองกับภรรยานั่นตั้งใจหนักหนาอยากมีเด็กน้อยวิ่งเล่นอยู่ในจวนสักสองสามคน แต่วาสนานั่นน้อยนิด ไม่อาจมีได้ตามใจปรารถนา พอมารับรู้เรื่องราวโหดร้ายเช่นนี้จากเด็กทั้งสอง ก็ทำบุรุษรู้สึกเดือดดาลเป็นอย่างมาก

“พวกเจ้าสองคนจิตใจอำมหิตนัก! ทำพวกเขาเกิดมาแล้วไยถึงไม่เลี้ยงดูให้ดี ทำเช่นนี้ยังกล้าเรียกตัวเองว่าพ่อแม่ได้อีกหรือ!” อู๋ซวนเหยาหันไปสั่งให้เด็กรับใช้จับสองสามีภรรยาส่งทางการเป็นการด่วน

หลานปู้จงตัวสั่นด้วยความกลัวรีบยกมือประสานพร้อมก้มศีรษะขึ้นลงเป็นพัลวัน “ตะ...ใต้ ใต้เท้าโปรดเมตตา ข้าน้อยผิดไปแล้ว”

ยีจางหลันก็หวาดกลัวเช่นกัน ใบหน้าซีดเผือด รีบคลานเข่าเข้าไปกราบกรานพร้อมบีบน้ำตาขอความเห็นใจ “ใต้เท้าเมตตาด้วย อย่าจับข้ากับสามีเข้าคุกเลยนะเจ้าค่ะ”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel