บท
ตั้งค่า

3.1 ภพชาติ

ฟาหยางยกเอาเรื่องที่เจียวซือแอบลักลอบพูดคุยกับปีศาจมาขู่ชายหนุ่ม เพราะสถานที่แห่งนี้เป็นดั่งสถานศึกษาของผู้มีสายญาณสีขาว เป็นเขตหวงห้ามของพลังมืดหรือกระทั่งมนตร์ดำ หากอาจารย์ล่วงรู้ว่ามีเซียนฝึกหัดฝ่าฝืนกฎที่ได้ตั้งไว้จะถูกขับไล่ออกจากหุบเขาแห่งนี้ทันที

แม้เซียนหนุ่มผู้เย่อหยิ่งจะไม่รู้ว่าปีศาจตนเมื่อครู่คือใคร แต่ก็สัมผัสได้ถึงพลังอำนาจที่เปี่ยมล้นจนน่ากลัว ซึ่งความจริงเขาก็สังเกตเห็นรังสีแปลกประหลาดรอบตัวเจียวซือมาสักพักใหญ่แล้ว จึงตั้งใจสะกดรอยตามลูกครึ่งเซียนเพื่อหาข้อกระจ่างในความสงสัย

“ที่ผ่านมาก็คงใช้กลโกงมาตลอดเลยสิท่า”

“เปล่าเสียหน่อย ข้ามิเคย...”

“คำพูดแก้ตัวของเจ้า ใครๆ ก็พูดได้”

เจียวซือถอนหายใจอย่างจนปัญญาจะอธิบาย “แล้วจะให้ข้าทำเช่นไร”

ฟาหยางยิ้มพร้อมแววตาเจิดจ้าเป็นประกายทันที ราวกับเบ็ดที่ผูกล่อไว้ถูกปลาตัวใหญ่งับเข้าให้แล้ว เจ้าตัวคลี่พัดขึ้นก่อนแสร้งส่ายหน้าไปหน้าคล้ายว่ากำลังลำบากใจอะไรสักอย่าง “ข้าเองก็หาได้มีจิตคิดประสงค์ร้ายต่อเจ้า เอาเป็น...สำนึกตนที่หน้าน้ำตกโลกันตร์เป็นอย่างไร”

สีหน้าของเจียวซือเปลี่ยนเป็นซีดเผือดในทันทีที่ได้ยินชื่อน้ำตกโลกันตร์ เขาได้แต่ยื่นตัวแข็ง ลังเลไม่กล้ารับปาก

“นี่ข้าก็เมตตาเจ้ามากแล้วนะ หากเจ้าบริสุทธิ์ใจก็ไม่จำเป็นต้องกลัวมิใช่หรือ”

เมื่อฟาหยางเอ่ยปากกดดันอีกครั้ง เจียวซือก็ไม่มีทางเลือกอื่นจึงจำใจยอมเดินตามสหายจอมเจ้าเล่ห์ไปยังสถานที่ลับยังสุดขอบหุบเขา

น้ำตกโลกันตร์ สถานที่หวงห้ามและศักดิ์สิทธิ์ของเหล่าเทพ เป็นดั่งประตูที่เชื่อมระหว่างโลกคนเป็นและโลกวิญญาณ มิติกาลเวลาที่ทับซ้อนอาจกลืนกินพลังชีวิตของผู้ที่ย่างกาย หากไม่ฝึกฝนตนมามากพอก็แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่เอาชีวิตรอดไปจากที่นี่ได้

แต่ถึงสถานที่แห่งนี้จะน่ากลัวมากเพียงใด ก็ใช่ว่าจะไม่มีผู้ใดอยากมาเยือน เนื่องด้วยตำนานที่เล่าขานถึงเจ้าแห่งยมโลก ผู้มีชื่อเสียงด้านความยุติธรรม ซื่อตรง และเฉียบขาด

จึงเปรียบสถานที่แห่งนี้เป็นศาลที่ใช้พิจารณาติดสินความผิด พิสูจน์ความซื่อสัตย์ในใจ หากโป้ปดเพียงนิด วิญญาณก็อาจถูกฉีกกระชากเป็นผุยผงได้ในชั่วพริบตา

ฟาหยางเหลือบมองคนตัวเล็กที่ยืนอยู่ด้านข้าง ใบหน้านั่นเรียบเฉยสวนทางกับแววตาที่เริ่มสั่นกลัว

“ข้าไม่ได้มีเวลาทั้งวันหรอกนะ” ฟาหยางกล่าวเร่งเร้า

เจียวซือสูดหายใจลึกก่อนก้าวไปข้างหน้าสองก้าว ยกสองมือขึ้นคำนับ “ข้าน้อยเจียวซือ มาที่หุบเขาแห่งนี้เพียงเพื่อร่ำเรียนวิชาให้ได้เลื่อนขั้นเป็นเซียนชั้นสูง ไม่มีเจตนาอยากแข่งขันหรือเอาชนะผู้ใด กระทั่งใช้เล่ห์กลหรือมนตร์ดำใดๆ ข้าน้อยกระทำทุกอย่างด้วยความบริสุทธิ์ใจ ขอท่านเทพผู้เที่ยงตรง ยืนยันความบริสุทธิ์แก่ข้าน้อยด้วย”

กล่าวจบก็ก้มศีรษะลงอย่างนอบน้อมตามฉบับเซียนชั้นผู้น้อย

สายลมอ่อนๆ พัดมาปะทะร่างของทั้งสองเบาๆ พร้อมเสียงน้ำตกที่สาดซัดและตกกระทบกันที่พื้นน้ำเบื้องล่าง เงียบสงบไร้ซึ่งการตอบสนองใด

เจียวซือไม่ได้โกหก เขาบริสุทธิ์ใจ

ฟาหยางกำพัดในมือแน่นด้วยความหงุดหงิด กระทั่งเห็นใบหน้าแป้นแล้นมองมาก็ยิ่งทำชายหนุ่มโกรธจนแทบกลั้นอารมณ์ไม่อยู่ ขณะกำลังจะหมุนตัวเดินออกไปก็พลันนึกอะไรขึ้นมาได้ จึงหันกลับมาพร้อมกล่าวถ้อยคำใสซื่อ

“ว่าแต่...ความสัมพันธ์ของเจ้ากับปีศาจตนนั้น มันอย่างไรกันหรือ”

ฟาหยางเห็นเจียวซือนิ่งอึ้งก็ได้ทีกล่าวถามซ้ำ “คนรู้จัก สหาย เจ้านาย หรือ...”

“แค่สหายเท่านั้น!” เจียวซือโพล่งออกไปด้วยใบหน้าที่แดงก่ำ “ข้ากับเขา เราเป็นเพียงสหาย ไม่อาจเปลี่ยนเป็นอื่นได้”

และแล้วทันใดนั้นก็ปรากฏเป็นแสงสีแดงเจิดจ้า น้ำที่กำลังไหลสู่เบื้องล่างหมุนเคว้งราวพายุหมุนขนาดย่อม ร่างของเซียนหนุ่มถูกพลังบางอย่างดึงเข้าสู่ห้วงน้ำอย่างไม่ทันตั้งตัว เจ็บปวดและแสบร้อนไปทั่วร่าง ราวถูกคมมีดกรีดไปทั่วอย่างไร้ความปรานี เจียวซือกัดริมฝีปากแน่นพยายามใช้พลังของตัวเองเข้าสู้ต่อแรงกดดันนี้

เวลาคล้ายจะผ่านไปเนิ่นนาน จนร่างที่ไม่ไหวจะต่อกรเริ่มร่วงลงสู่พื้นพิภพเบื้องล่าง ก่อนจะกลับกลายเป็นลูกไฟสีขาวพุ่งทะยานออกไปด้วยแรงดึงดูดที่มองไม่เห็น

ฟาหยางหัวเราะออกมาอย่างสาแก่ใจ ต่อไปนี้ก็มีเพียงเขาเท่านั้นที่จะเป็นหนึ่งเหนือใคร!

ขณะเดียวกันหมิงยู่ก็กลับมาพร้อมตะกร้าใบใหญ่ที่ภายในบรรจุสมุนไพรมากมายหลากชนิด ร่างสูงมองซ้ายแลขวา วิ่งวุ่นไปทั่วเพื่อหาเจียวซือ แต่ก็ไร้ซึ่งวี่แววของเซียนหนุ่ม

ใจของหมิงยู่สั่นสะท้านด้วยความหวาดหวั่น เขาพยายามรวบรวมสติให้มั่น หลับตาลงพลางสูดหายใจลึก กลิ่นหอมอ่อนๆ ของต้นสนเป็นกลิ่นที่หมิงยู่โปรดปรานหนักหนา ...กลิ่นประจำตัวของเจียวซือ

ผ่านไปเพียงครู่ เหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นพลันไหลเข้ามาในห้วงความคิด สองมือใหญ่พลันกำหมัดแน่นจนเส้นเลือดปูดโปน ใบหน้าถมึงทึงลงทุกขณะ สองเท้าเร่งรีบไปยังสำนักศึกษาโดยเร็ว

บรรดาเซียนทั้งหลายต่างพากันตกอกตกใจที่เห็นร่างดำทะมึนกระทืบเท้าเข้ามาอย่างเดือดดาล นัยน์ตาแดงก่ำด้วยเพลิงโทสะมุ่งตรงไปยังฟาหยาง พร้อมกระชากคอเสื้อของอีกฝ่ายอย่างแรง

“กล้าดียังไงแตะต้องเจียวซือของข้า!!”

เสียงดุดันตะคอกใส่หน้า ทำฟาหยางที่วางมาดหยิ่งทะนงมาตลอดสะดุ้งโหยงด้วยความตกใจ

“พะ...พูด...อะไร ข้าไม่...”

“อย่ามาโกหก!!”

ราวถูกคนตรงหน้าบีบหัวใจเอาไว้ก็ไม่ปาน อึดอัด หายใจไม่ออก เหงื่อไหลซึมออกมาจากหน้าผากของเซียนหนุ่มไม่หยุด ตั้งแต่จำความได้เขาไม่เคยหวาดกลัวอะไรเท่านี้มาก่อน

“นี่มันเรื่องอะไรกัน!”

เสียงทุ้มต่ำดังขึ้นจากทางด้านหลัง พร้อมชายอาวุโสที่ค่อยเดินเข้ามา ฟาหยางได้ทีรีบผลักหมิงยู่ออก แล้วรีบวิ่งไปฟ้องอาจารย์ของตนโดยไว “ท่านอาจารย์ช่วยศิษย์ด้วย ปีศาจตนนี้แอบลักลอบเข้ามาหาเจียวซือ ทั้งยังจะทำร้ายศิษย์อีก”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel