2.2 ยั่วโทสะ
ฟาหยางผู้หลงตัวเอง เชื่อสนิทใจว่าตนจะต้องเป็นมหาบุรุษที่กอบกู้สองพิภพ กระทั่งเจียวซือปรากฏตัวขึ้น ชายหนุ่มผู้เปล่งรัศมีของดำและขาว ตราตรึงใจของเหล่าเซียนอาวุโสจนต้องยอมรับเขาเป็นศิษย์และสอนวิชาต่างๆ ให้อย่างเต็มใจ
ฟาหยางถูกกลบฝังดินในทันใด
ความเจ็บช้ำที่ได้รับนั่นมากล้นจนแปรเปลี่ยนเป็นความแค้น รอวันจะได้เอาคืนเจียวซืออย่างใจจดใจจ่อ
“หากมันเข้าใกล้เจ้าอีกเพียงก้าวเดียว ข้าฆ่ามันแน่”
เจียวซือได้ยินเสียงเรียบกระซิบที่ข้างหูก็สะดุ้งด้วยความตกใจ เขาส่ายหน้าไปมา ส่งสายตาห้ามปราบองค์ชายหัวร้อนทันที
“เจ้า...สบายดีหรือไม่” ฟาหยางเห็นเจียวซือมีท่าทีแปลกไป ก็เริ่มเกิดความสงสัย
“ขะ...ข้า สบายดี เพียงแต่ว่า...เอ่อ ข้าขอตัว”
เจียวซือรีบกล่าวตัดบทสนทนาก่อนหมุนตัววิ่งออกไปอย่างเร็ว ในมือกำตำราของตัวเองแน่นจนกระดาษยับยู่ยี่ไปหมด ครั้นวิ่งมาได้ไกลแล้วจึงหยุดยืนหอบหายใจอยู่ครู่หนึ่ง
“ทำไมองค์ชายต้องทำให้กระหม่อมลำบากด้วย”
เมื่อได้ยินคนร่างเล็กเอ่ยถาม หมิงยู่ก็ค่อยคลายมนตร์บังตาของตนออก “ข้าทำเจ้าลำบากที่ไหน เห็นอยู่ชัดๆ ว่าพวกมันจงใจรังแกเจ้า”
“ถึงอย่างนั้นก็เถอะ หากกระหม่อมไม่ตอบโต้ เรื่องก็น่าจะจบไม่ใช่หรืออย่างไร”
“เจ้าคิดว่ามันจะจบจริงๆ นะเหรอ อย่าโง่ไปหน่อยเลย”
เจียวซือถอนหายใจอย่างเอือมระอา ไม่รู้จะต้องทำเช่นไรให้หมิงยู่เลิกยุ่งกับตนเสียที อย่างน้อยก็ขอเวลาเป็นส่วนตัวสักวันก็ยังดี คิดไปคิดมาก็พลันนึกอะไรได้ เจียวซือจึงค่อยๆ เปิดคอเสื้อของตนขึ้น เผยให้เห็นรอยจ้ำสีชมพูแซมม่วงบริเวณลำคอ
“องค์ชายทำกระหม่อมเจ็บ” เสียงเล็กเอ่ยอย่างน่าสงสาร
หมิงยู่ทำหน้านิ่งหากแต่แววตากลับเป็นประกายด้วยรอยยิ้มกรุ้มกริ่ม “ถ้าซ้ำอาจจะหายก็ได้”
เจียวซือยืนตะลึงตาค้าง ไม่คาดคิดว่าหมิงยู่จะพูดเรื่องน่าอายเช่นนี้ได้อย่างหน้าตาเฉย ก่อนหมิงยู่จะขยับกายเข้ามาใกล้และจรดริมฝีปากเบาๆ ลงบนรอยจ้ำนั่น
“องค์ชาย!!”
“ทำไมเจ้าขี้โวยวายนัก ข้ากำลังช่วยดูแผลให้เจ้าอยู่นะ”
โกหกน่าตาย แบบนี้มันไม่ใช่การดูแล้ว!!
เจียวซือรีบผลักตัวหมิงยู่ออกไป ก่อนจะกล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเครืออีกครั้ง “กระหม่อมเจ็บจริงๆ องค์ชายโปรดเมตตาด้วยเถิด กระหม่อม...”
เจียวซือรู้ว่าน้ำตาของตนเป็นจุดอ่อนสำหรับหมิงยู่ แม้จะเพียงแค่เล็กน้อยแต่ก็ทำใจชายหนุ่มสั่นไหวได้
หมิงยู่ก้มลงมองเจียวซือด้วยความตกใจ เขารีบถอยหลังไปสองก้าวก่อนจะเอ่ยขอโทษด้วยความรู้สึกผิด “ข้าทำเจ้าเจ็บมากหรือ เจียวซือ...ข้าไม่ตั้งใจ ข้าคงเผลอตัวไปหน่อย”
เจียวซือลอบยิ้มคล้ายจิ้งจอกน้อยแสนเจ้าเล่ห์ “มิเป็นไรองค์ชาย แต่หากได้สมุนไพรซานซีมาต้มดื่มก็คงจะดี น่าเสียดายที่แถวนี้ไม่มีสมุนไพรเช่นนั้น...”
หมิงยู่ยืดอกของตนขึ้นพร้อมกล่าวอย่างกระตือรือร้น “ข้าจัดการเอง เจ้ารอที่นี่นะ ข้าจะรีบไปรีบกลับ” ว่าแล้วร่างสูงก็พลันหายวับไปในทันที
เจียวซือถอนหายใจอย่างโล่งอก ในที่สุดก็จะได้อ่านตำราอย่างสบายใจเสียที ทว่ากลับได้ยินเสียงเย่อหยิ่งดังขึ้นทางจากด้านหลัง เมื่อหันกลับมาก็พบฟาหยางยืนจ้องมาทางตนด้วยใบหน้าเริงร่าคล้ายกุมชัยชนะบางอย่าง
“เหมือนข้าจะเห็นของดีเข้าเสียแล้ว”
