1.2 เซียนฝึกหัด
เจียวซืออาศัยอยู่กับบิดาของตนที่แดนปีศาจมาได้ระยะหนึ่ง ก็เกิดสงครามระหว่างเผ่าปีศาจและเทพขึ้น แม่ทัพห่ายกู่สิ้นชีพในสนามรบและทิ้งเจียวซือให้ต้องกำพร้า
ราชาปีศาจเห็นถึงคุณงามความดีของแม่ทัพห่ายกู่ จึงรับเจียวซือมาเลี้ยงดูให้เติบโตคู่กับหมิงยู่ บุตรชายของตน
นับแต่นั้นก็คล้ายกับชีวิตของเจียวซือจะสงบสุขเรื่อยมา กระทั่งพลังในตัวของเขาเริ่มสำแดงฤทธิ์ เจิดจ้าและบริสุทธิ์จนสามารถทำลายล้างดินแดนของเผ่าปีศาจได้ แต่ก็ยังมีอีกหนึ่งพลังหลับใหลอยู่ภายใน ทั้งลึกลับและเย็นเยือกจนน่าหวาดกลัว
เจียวซือต้องเลือกระหว่างสองสายเลือดที่หมุนเวียนอยู่ภายในร่างของตน
ใจของบุรุษเอนเอียงไปทางด้านมืดอย่างไม่ต้องสงสัย สาเหตุหลักก็เพราะใจของเจียวซือผูกติดอยู่กับหมิงยู่ เขาไม่อาจนึกภาพที่ตนต้องอยู่โดยปราศจากคนผู้นี้
แต่เมื่อสืบทราบถึงมารดาผู้ยังมีชีวิตอยู่บนสรวงสวรรค์ ความหวังที่อยากพบหน้าผู้ให้กำเนิดก็ทำใจไขว้เขว จนท้ายที่สุดเจียวซือก็เลือกจะมาใช้ชีวิตอยู่ ณ ที่แห่งนี้ ฝึกฝนตนให้เป็นเซียนระดับสูง เพื่อสักวันจะมีโอกาสได้พบกับมารดาของตนอีกครั้ง
“กระหม่อมมีความสุขดี โปรดองค์ชายอย่าเป็นกังวล”
หมิงยู่ส่ายหน้าอย่างไม่เชื่อในคำพูดของชายหนุ่ม เขาสาวเท้าเข้ามาใกล้ จ้องมองร่างที่สั่นเทาด้วยแววตาคมกริบปานจะจับโกหกของคนตรงหน้า “เจ้ากับข้าโตมาด้วยกัน ความรู้สึกเจ้าเป็นอย่างไร ทำไมข้าถึงจะไม่รู้”
“องค์ชายไม่เข้าใจกระหม่อมหรอก โปรดอย่า...”
ยังไม่ทันที่เจียวซือจะกล่าวจบ ก็พลันถูกหมิงยู่ดึงเข้าไปกอดไว้แน่น องค์ชายผู้ดื้อดึงซุกหน้าลงที่ซอกคอของอีกฝ่ายอย่างไม่อาจต้านทานต่อแรงปรารถนาที่มี
“องค์ชายปล่อยกระหม่อม!” เจียวซือดิ้นรนอยู่ภายในอ้อมแขน หากแต่ก็ไม่สามารถสลัดให้หลุดได้ ร่างกายของเขาไหนเลยจะสู้หมิงยู่ แม้ตนจะเป็นถึงบุตรของแม่ทัพใหญ่ แต่ก็เป็นเพียงครึ่ง หาได้เป็นปีศาจเต็มตัวอย่างหมิงยู่ อีกทั้งพละกำลังก็มีไม่มากเท่า
“กลับกับข้าเถิด ข้าสัญญาจะปกป้องเจ้าเอง”
เจียวซือนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง หางตาของเขาเริ่มร้อนผ่าวกระทั่งเริ่มมีน้ำใสๆ เอ่อล้นออกมา
หมิงยู่ก้มมองคนในอ้อมแขนด้วยความตกใจ “เจียวซือ!? เจ้าเป็นอะไร”
“องค์ชายจะปกป้องกระหม่อมได้อย่างไร” เจียวซือเอ่ยถาม
“ข้าคือองค์ชายรัชทายาท ไม่นานก็จะได้รับตำแหน่งราชาของหมู่มวลปีศาจ มันผู้ใดกล้าทำเจ้าขุ่นเคือง ข้าจะควักหัวใจมันให้สิ้น!” หมิงยู่ตอบกลับด้วยน้ำเสียงเฉียบขาด นัยน์ตาคมกล้าดุจใบมีดพร้อมจะสังหารผู้ที่พบพาน
เจียวซือยิ้มบางก่อนจะแกะมือของหมิงยู่ออกจากเอวของตน “ขอบพระทัยในความหวังดี หากแต่กระหม่อมไม่อาจกลับไปได้จริงๆ โปรดองค์ชายเข้าใจและอย่าเสียเวลากับกระหม่อมอีกเลย”
เจียวซือโค้งศีรษะให้คนตรงหน้าก่อนจะหมุนตัวเดินออกมา แต่หมิงยู่ก็โผเข้ากอดจากทางด้านหลัง “อย่าไปนะ... อย่าไป” ราวกับหัวใจถูกบางอย่างบีบรัดจนไม่อาจหายใจได้สะดวก
หมิงยู่ไม่อาจจากไปโดยปราศจากเจียวซือได้ ตั้งแต่วันที่เซียนหนุ่มเดินทางออกจากแดนปีศาจ หมิงยู่ก็เฝ้าติดตามเขามาตลอด เฝ้ารอจะได้พูดคุยและกอดเจียวซืออีกครั้ง
ทว่ามันกลับเป็นความสุขของหมิงยู่เพียงฝ่ายเดียว เพราะไม่เพียงเจียวซือจะไม่ตอบรับความรู้สึกของหมิงยู่แล้ว ยังหมางเมินและผลักไสเขาไปให้พ้นทางของตนอีก
“องค์ชายกลับไปเสียเถิด หากสหายของกระหม่อมหรืออาจารย์ท่านใดมาเห็นเข้า กระหม่อมอาจโดนทำโทษได้”
เมื่อได้ยินเจียวซือออกปากไล่เป็นครั้งที่สอง หมิงยู่จึงจำต้องคลายมือของตนออกและถอยกลับมายืนอยู่ทางด้านหลังด้วยท่าทีผิดหวัง สองมือกำหมัดแน่น พยายามระงับโทสะที่ปะทุขึ้น
เจียวซือไม่เหลียวกลับมามองหมิงยู่แม้แต่น้อย สร้างความเจ็บปวดแก่องค์ชายปีศาจมากนัก แววตาอาลัยมองแผ่นหลังบอบบางจนลับสายตา “ข้าไม่มีวันตัดใจจากเจ้าแน่ เจียวซือ...ข้าจะทำให้เจ้ายอมรับข้าให้จนได้”
