บทที่ 2 ออกตามหา (4)
สลิลโรสที่มีเพียงกระเป๋าสะพายติดตัวจึงถูกผลักดันให้ออกจากพื้นที่ของสนามบินโดยด่วน แต่เธอก็ไม่อยากไปจากที่นี่นัก ทั้งนี้เป็นเพราะเธอหาเพื่อนทั้งสองไม่เจอ
พอทำอะไรไม่ได้สลิลโรสจึงทิ้งตัวนั่งกับพื้นเอามือกุมขมับ ความเครียดและความกลัวกำลังเล่นงานเธอ น้ำตาไหลเอ่อมาคลอเบ้า
นี่มันเรื่องบรมซวยชัด ๆ!! พี่สาวของเธอถูกลักขโมยตัวและหายไปอย่างไร้ร่องรอยระหว่างประกวดนางงาม ไหนเธอต้องพลัดหลงจากเพื่อนรักทั้งสอง และที่แย่สุด ๆ ในชีวิตก็คือ เธอต้องมาเจอกับระเบิดลูกโตที่ระเบิดตูมตามจนแผ่นดินสะเทือน!
พอเจอเหตุการณ์ร้ายแรงเข้า สลิลโรสจึงเปลี่ยนทัศนคติที่มีต่อประเทศคาเธียร์ทันที
ประเทศนี้ไม่ต่างจากประเทศตะวันออกกลางที่มีผู้ก่อการร้ายเลยด้วยซ้ำ!!!
“พระเจ้า โปรดเมตตาลูกด้วยเถิด” หญิงสาววิงวอนเสียงแผ่ว
ท่ามกลางผู้คนที่เคลื่อนไหวเพื่อหนีเอาชีวิตรอด เธอมองเห็นผู้คนที่วิ่งวุ่นจนไม่รู้ว่าใครเป็นใคร ทุกคนดูกระตือรือร้นที่จะไปจากสนามบิน ส่วนเธอกลับกระทำในสิ่งที่ตรงข้ามกับพวกเขา เธอหยุดนิ่งอยู่กับที่ เพราะไม่รู้จะทำอะไรกับสิ่งที่เกิดขึ้นในตอนนี้
ครั้นจะเปลี่ยนใจเดินทางกลับประเทศไทย เธอก็ทำไม่ได้ เพราะเพื่อนรักทั้งสองได้พลัดหลงจากเธอไปแล้ว ครั้นจะตามหาหนุงหนิงกับแมมมอธ เธอก็ไม่รู้ว่าจะไปตามหาทั้งสองจากที่ไหน และที่สำคัญไปกว่านั้นก็คือ เจ้าหน้าที่ของที่นี่ดูมีงานให้ทำจนล้นมือเลยทีเดียว
สลิลโรสสูดลมหายใจเข้าปอดลึกก่อนลุกขึ้นยืนเต็มความสูง อีกทั้งกวาดสายตาหาเพื่อนของเธออีกครั้ง ทว่าเธอกลับหันไปสบตากับใครบางคนเข้า ชายหนุ่มรูปงามนัยน์ตาสีมรกต ผิวกายขาวสะอาดและหล่อเหลาราวกับเทพบุตรในเทพนิยาย เขาแต่งกายด้วยชุดพื้นเมืองของชาวคาเธียร์ ดูน่าเกรงขามและเขาได้เดินตรงดิ่งเข้ามาหาเธอ
เพียงแค่เห็นหน้าเขาใกล้ ๆ หัวใจดวงน้อยของสลิลโรสถึงกับกระตุกวูบขึ้นมาทันที!!
เหมือนเวลาหยุดหมุนไปชั่วขณะ เธอลืมแม้กระทั่งว่าตัวเองกำลังเป็นทุกข์กับการที่พลัดหลงจากเพื่อนรัก เธอจ้องเขาตาไม่กะพริบ เรียกว่ามองเขาอย่างเสียมารยาทเลยทีเดียว แต่ดูเหมือนผู้ชายคนนี้จะไม่สบอารมณ์เท่าไหร่นัก หน้าตาของเขาเหมือนคนปวดท้องที่กินอาหารบูดเข้าไปก็ไม่ปาน
“เธอควรรีบออกไปจากที่นี่”
“ฉันพลัดหลงกับเพื่อน” สลิลโรสขอความเห็นใจจากเขา ทว่าระหว่างนั้นเสียงระเบิดลูกที่สองจึงดังขึ้นอีกครั้ง!!!
“กรี๊ด!” สลิลโรสเอามืออุดหูกรีดร้องด้วยความตกใจ
ผู้คนรอบข้างพากันกรีดร้อง ลูกเล็กเด็กแดงร้องไห้จ้าอีกทั้งวิ่งวุ่นราวกับมดรังแตก แม้แต่ตัวเธอเองก็ยังขวัญหนีดีฝ่อกับเหตุการณ์ในครั้งนี้ เธอตั้งใจจะวิ่งสุดฝีเท้าเพื่อไปให้พ้น ๆ จากสถานที่อันตรายแห่งนี้ แต่ขาเจ้ากรรมกลับก้าวไม่ออกซะนี่ ซ้ำเธอยังสั่นน้อย ๆ สิ่งที่ทำได้ คือเธอได้แต่ยืนหน้าซีดปากสั่นอยู่กับที่
“ทางนี้” ชายหนุ่มดวงตาสีมรกตดูดุและมีอำนาจสั่งเสียงเข้ม ก่อนจูงให้เธอวิ่งไปกับเขา
ระเบิดลูกต่อไปทำงานทันที ซึ่งมันอยู่ไม่ไกลจากจุดที่เธอวิ่งมามากนัก แต่อานุภาพการทำลายร้างของมันก็สะเทือนไปทั้งหัวใจของเธอเลยทีเดียว สลิลโรสเห็นผู้คนหวีดร้องและวิ่งหนีตายกันจ้าละหวั่น เธอเองก็เป็นหนึ่งในนั้น แต่เธอโชคดีกว่าคนอื่นตรงที่ว่า เธอมีเจ้าของบ้านคอยนำทาง!
“ทางนี้ เร็ว!”
สลิลโรสไม่สนใจอะไรอีก เธอรู้อย่างเดียวว่า เธอต้องรอดชีวิตเท่านั้น และผู้ชายตัวโตซึ่งแต่งกายรุ่มร่ามพร้อมผู้ติดตามอีกโขยงของเขาได้พาตัวเธอไปยังรถลีมูซีนติดฟิล์มกรองแสงดำสนิท
ส่วนผู้ติดตามของเขาอีกส่วนหนึ่งได้ขึ้นรถอีกคัน พอก้าวขึ้นรถและปิดประตูเท่านั้น ทุกความวุ่นวายจากโลกภายนอกจึงอันตรธานหาย
สิ่งที่เข้ามาแทนที่คือความสงบอันนำมาซึ่งความกังวลมากมาย...
สลิลโรสมองผู้คนที่วิ่งหนีความตายผ่านกรอบกระจกรถยนต์ ขณะที่เธอยังหอบหายใจเหนื่อยและรู้สึกแสบคอไปหมด ทั้งนี้เป็นเพราะเธอได้สูดเอาฝุ่นควันเข้าไปนั่นเอง จากนั้นเธอจึงย้ายสายตามายังหนุ่มรูปงามหน้าดุ นัยน์ตาสีเขียวมรกตซึ่งนั่งอยู่ในฝั่งตรงข้ามที่ยื่นมือเข้ามาช่วยชีวิตเธอเอาไว้
“ขอบคุณสำหรับความช่วยเหลือค่ะ ฉันชื่อสลิลโรส”
หญิงสาวกล่าวขอบคุณอย่างซาบซึ้งและแนะนำตัวไปพร้อม ๆ กัน แต่ดูเหมือนคู่สนทนาจะไม่สนใจเธอแม้แต่น้อย เขาทำหน้าราวกับแบกโลกทั้งใบเอาไว้ด้วยซ้ำ อีกทั้งเขาและผู้ติดตามกลับพูด
