บทที่ 1 หายตัว (2)
สลิลโรสพยักหน้าเห็นด้วย แล้วความคิดห่าม ๆ ก็เกิดขึ้นในหัว “คุณแม่คะ ปีหน้าโรสขอประกวดนางงามบ้างนะ”
คุณหทัยพันธ์ย่นคิ้วเข้าหากันย้ายสายตามายังลูกสาวคนเล็กทันที “นึกสนุกอะไรขึ้นมา?”
หญิงสาวไหวไหล่ “โรสแค่อยากประกวดนางงามเหมือนพี่เจน”
“แล้วทำไมปีนี้ถึงไม่เข้าประกวดล่ะ?”
“กลัวพี่เจนไม่ได้ตำแหน่งไง โรสก็เลยเสียสละให้” สลิลโรสตอบยิ้ม ๆ ติดทะเล้น แต่ผู้เป็นแม่กลับค้อนคมใส่ด้วยความหมั่นไส้
“แม่ว่าคุณสมบัติของเรามีมากเกินที่กองประกวดจะรับไหวนะยัยโรส ไม่มีนางงามขาสั้นนะลูก”
“คุณแม่อะ” พอถูกแหย่สลิลโรสจึงหน้าง้ำงอนขึ้นมาทันที “โรสสูงตั้ง 160 เซ็นฯ นะ”
“พี่สาวเราสูง 178 เซ็นฯ”
พอคุณหทัยพันธ์เกทัพขึ้นมา สลิลโรสจึงทำปากยื่น “งั้นโรสเปลี่ยนใจไปประกวดเทพีสงกรานต์ หรือไม่ก็นางนพมาศก็ได้”
คุณหทัยพันธ์อมยิ้มอย่างเอ็นดู “ถ้าเราลงประกวดแม่จะเป็นผู้สนับสนุนให้ก็แล้วกัน”
“คุณแม่น่ารักที่สุดเลย” สลิลโรสยิ้มกว้าง ก่อนหยิบขนมขบเคี้ยวใส่ปากแล้วดูการประกวดมิสเอเชีย แปซิฟิก อินเตอร์เนชั่นแนลต่อ ว่าสาวงามจากประเทศไหนที่ได้ครองมงกุฎแห่งเกียรติยศ...
อันที่จริงตัวสลิลโรสไม่เคยมีความฝันอยากเข้าประกวดนางงามกับใครเขาหรอก แต่เพราะเธอมีพี่สาวเป็นแบบอย่างที่ดีมาตลอด เธอจึงอยากลุกขึ้นมาทำอะไรให้ครอบครัวรู้สึกภาคภูมิใจในตัวเธอบ้าง ซึ่งเธอยังไม่เคยทำสิ่งนั้นสำเร็จเลยสักครั้ง...
เธอเพิ่งเรียนหนังสือจบมหาวิทยาลัยมาหมาด ๆ เรื่องงานการไม่ต้องพูดถึง ทุกวันนี้เธอยังแบมือขอเงินจากแม่และพี่สาวใช้อยู่เลย การที่เธอเป็นลูกคนเล็กของครอบครัวนี่ล่ะ ทุกคนในบ้านจึงตามใจเธอเป็นพิเศษ อยากเที่ยวไหนก็ได้เที่ยว อยากได้อะไรก็ได้ ซึ่งสิ่งที่สลิลโรสชอบและรักเป็นชีวิตจิตใจก็คือ การท่องเที่ยวในสถานที่ที่เธออยากไปนั่นเอง...
เธอโชคดีตั้งแต่ลืมตาดูโลกด้วยซ้ำ จะบอกว่าคาบช้อนเงินช้อนทองก็ไม่ผิด เพราะฐานะทางบ้านของเธอค่อนข้างร่ำรวยพอสมควร พ่อของเธอเป็นนักธุรกิจชาวอเมริกา ทำธุรกิจเกี่ยวกับน้ำมัน ลงทุนในหลายประเทศโดยเน้นพื้นที่ของตะวันออกกลางเป็นส่วนใหญ่ เธอจึงมีโอกาสได้เดินทางท่องเที่ยวทั่วโลก ไปกับครอบครัวตั้งแต่ยังจำความได้ ในช่วงปิดเทอมเธอจะไปเที่ยวในหลาย ๆ ประเทศ และทุก ๆ ประเทศที่เธอไปเยือนจะสร้างความประทับใจให้กับเธอเสมอ
แต่ประเทศที่เธอชื่นชอบเป็นพิเศษและอยากเดินทางไปเยี่ยมเยือนอีกครั้งก็คือ ประเทศฝรั่งเศส เพราะที่นั่นเป็นเมืองน้ำหอมของโลก อีกทั้งยังเป็นดินแดนแห่งแฟชั่นโชว์ ซึ่งเธอให้ความสนใจเรื่องนี้ และเธอก็เชื่อว่าสาว ๆ จากทั่วทุกมุมโลกคงไม่อาจปฏิเสธในสิ่งที่เธอสนใจเช่นกัน
พอได้เห็นสารคดีเกี่ยวกับประเทศคาเธียร์ผ่านหน้าจอทีวี และรวมถึงภาพเก็บตัวที่ทางกองประกวดนำมาเผยแพร่ให้ชาวโลกได้เห็น สลิลโรสจึงให้ความสนใจกับประเทศนี้ขึ้นมาเป็นพิเศษ
เธอมีความฝันว่าอยากขี่อูฐต้วมเตี้ยมเที่ยวชมท้องทะเลทรายในยามที่พระอาทิตย์อัสดง และเต้นระบำหน้าท้องข้างกองไฟโดยมีครอบครัวของเธอปรบมือให้กำลังใจ ซึ่งถ้าความฝันของเธอเป็นความจริงขึ้นมาเมื่อไหร่ล่ะก็ เธอจะถ่ายรูปและโพสต์รูปลงเฟสบุ๊กเพื่ออวดให้คนทั้งโลกได้อิจฉาเธอเลยคอยดู
“โรส แล้วเจนบอกมั้ยว่าจะเดินทางกลับมาเมืองไทยเมื่อไหร่?” อยู่ ๆ คุณหทัยพันธ์ก็หันมาถามลูกสาวอีกครั้ง
“บอกค่ะ อีกสองวันก็ถึงไทยค่ะ แต่นี่เป็นกำหนดการคร่าว ๆ นะคะ” สลิลโรสหันไปตอบมารดา ขณะที่มือยังหยิบขนมขบเคี้ยวใส่ปากเคี้ยวตุ้ย ๆ จนคุณหทัยพันธ์ต้องตีมือลูกสาวคนเล็ก
“โอ๊ย! คุณแม่ตีโรสทำไม?” หญิงสาวทำหน้าง้ำสะบัดมือไปมา ก่อนเอานิ้วแหย่เข้าปากเพื่อดูดเครื่องปรุงที่ติดอยู่ปลายนิ้วเรียวเล็ก
"ตีเพราะเราชอบกินขนมจุกจิกไง พอได้แล้วเดี๋ยวก็อ้วนเป็นตุมหรอก คราวนี้ต้องเปลี่ยนเป็นประกวดเทพีช้างน้ำแน่ ๆ”
“คุณแม่ก็พูดไปนู่น ปีหน้าโรสเข้าประกวด ค่อยรีดน้ำหนักทิ้งก็ได้นี่คะ” ว่าแล้วสลิลโรสจอมดื้อจึงหยิบมันฝั่งทอดเข้าปากจนหมดถุง จากนั้นจึงตามด้วยน้ำหวานแดง
คุณหทัยพันธ์ได้แต่ส่ายหน้าอย่างอิดหนาระอาใจกับพฤติกรรมการกินของลูกสาวคนเล็กที่ดื้อตาใสได้ตลอดเวลา อย่าว่าจะส่งสลิลโรสเข้าประกวดนางงามเลย เห็นลูกสาวมีพฤติกรรมการกินแบบนี้แล้ว นางคิดว่าน่าจะให้สลิลโรสไปเป็นพรีเซนเตอร์ตามสถาบันลดน้ำหนักมากกว่า
ดูว่าสิ่งนี้น่าจะรุ่งกว่าการประกวดนางงามเยอะเลย...
