บทที่ 1 หายตัว (1)
สลิลโรสหยิบมันฝรั่งใส่ปากเคี้ยวตุ้ย ๆ ขณะที่สายตาทรงเสน่ห์ยังจับจ้องอยู่ที่หน้าจอทีวีซึ่งกำลังถ่ายทอดสด การประกวดมิสเอเชีย แปซิฟิก อินเตอร์ เนชั่นแนล พอพิธีกรบนเวทีประกาศชื่อมิสไทยแลนด์ นางสาวอารยา สรรพคุณากร สมิธ ตัวแทนจากประเทศไทย สลิลโรสแทบจะนั่งไม่ติดโซฟาตัวนุ่ม
“คุณแม่ นั่นไงพี่เจน!!”
ดวงตาคู่สวยทรงเสน่ห์ที่แฝงความซุกซนจับจ้องอยู่ที่พี่สาวคนสวย ซึ่งสวมชุดว่ายน้ำสีขาวแบบทูพีช คาดสายสะพายมีตัวหนังสือเป็นภาษาอังกฤษติดที่หน้าอกว่า Miss Thailand ซึ่งเดินเท้าสะเอว ฉีกยิ้มออกมาโพสต์ท่าสวย ๆ หมุนตัวตามสเต็ปเพื่อให้กรรมการให้คะแนน และให้ช่างภาพได้บันทึกภาพ
คุณหทัยพันธ์ยิ้มบางอย่างภาคภูมิใจกับภาพที่เห็น ไม่อยากเชื่อสายตาด้วยซ้ำว่าลูกสาวคนโตในวัย 24 ปีจะได้เป็นตัวแทนของประเทศไทยไปประกวดมิสเอเชีย แปซิฟิก อินเตอร์เนชั่นแนล ณ ประเทศคาเธียร์
“ถ้าพ่อของโรสมีชีวิตอยู่ ต้องภูมิใจในตัวลูกทั้งสองแน่นอน”
สลิลโรสปรายตามองมารดานิดหนึ่ง “คุณแม่ว่าคุณพ่อเชียร์พี่เจนอยู่มั้ย?”
“แน่นอนลูกรัก พ่อของลูกเฝ้ามองพวกเราอยู่บนสวรรค์” คุณหทัยพันธ์ตอบน้ำตาซึม
“หนูก็ว่าอย่างนั้น คุณแม่ว่าพี่เจนจะได้มงกุฎมาครองมั้ย”
สลิลโรสเปลี่ยนเรื่องคุย สายตายังไม่ละไปจากหน้าจอทีวี ทั้งนี้เธอไม่อยากให้แม่ต้องเศร้าโศกกับเรื่องการจากไปของพ่อนั่นเอง ถึงจะผ่านมาหนึ่งปีเต็มแล้วก็ตาม แต่เมื่อเอ่ยถึงมิสเตอร์เควิน สมิธ บิดาที่เธอรัก ก็ยังเป็นเรื่องเศร้าสำหรับแม่ของเธอ...
“พี่เรามีมงกุฎเพชรของประเทศไทยอยู่แล้ว จะได้ตำแหน่ง หรือไม่ได้ตำแหน่ง ก็ไม่สำคัญแล้วล่ะ” คุณหทัยพันธ์ตอบอย่างภาคภูมิใจในความสามารถของลูกสาว
สลิลโรสทำหน้ามุ่ยเล็กน้อย “แต่โรสอยากให้พี่เจนได้มงกุฎมิสเอเชีย แปซิฟิกมาครองอีกนะ เท่ดีออก โรสจะได้คุยกับใคร ๆ ได้ว่าโรสมีพี่สาวเป็นนางงามแปซิฟิก”
“ทุกประเทศก็คาดหวังให้นางงามของประเทศเขาได้มงกุฎไปครองทั้งนั้น แค่ลูกสาวของแม่ได้ออกทีวีถ่ายทอดสดไปทั่วโลก แค่นี้แม่ก็ปลื้มใจแล้วล่ะ” คุณหทัยพันธ์ในวัยห้าสิบเศษ ซึ่งยังสวยไม่สร่างและในอดีตเคยเป็นนางงามสงกรานต์ยิ้มอย่างมีความสุข
ส่วนสลิลโรสที่นั่งขัดสมาธิ กอดอกดูการถ่ายทอดสดผ่านดาวเทียมพยักหน้าเห็นด้วย
“ก็จริง พี่เจนไม่ได้อยากประกวดนางงามตั้งแต่แรก โรสสงสัยจังเลย คุณแม่กล่อมพี่เจนยังไง พี่เจนถึงยอมเข้าประกวด ขนาดกรรมการบริษัทของคุณพ่อขอเป็นผู้สนับสนุน พูดกล่อมตั้งนานเป็นชั่วโมง พี่เจนยังไม่ฟังเลย” สลิลโรสหันมามองมารดาแวบหนึ่ง
“มันต้องมีของล่อใจหน่อย พี่สาวของเราชอบแต่งหน้า แม่ก็เลยบอกไปว่า ยื่นสมัครไปก่อนเถอะ ถึงตกรอบก็ยังได้เครื่องสำอางฟรีกลับมาใช้ แล้วยัยเจนดันหลงกล” คุณหทัยพันธ์บอกยิ้ม ๆ
สลิลโรสหัวเราะคิกคัก “คุณแม่หลักแหลมมากเลยนะคะ”
“ยัยเจนอยากงกของฟรีเอง แต่ก็ดี พี่สาวของเราจะได้มีประสบการณ์”
สลิลโรสพยักหน้าเห็นด้วย ก่อนย้ายสายตามาที่ที่วีจอยักษ์อีกครั้ง สาวงามทุกประเทศสร้างความเพลิดเพลินให้กับเธอมากมาย เธอรู้ว่าตัวแทนจากทุกประเทศสวยและมากด้วยคุณสมบัติจนไม่มีที่ติ ทุกคนคู่ควรกับมงกุฎแห่งเกียรติยศทั้งนั้น
แต่การแข่งขันครั้งนี้ต้องมีผู้ชนะเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น ผู้ที่ได้รับมงกุฎกับสายสะพายแห่งเกียรติยศพร้อมของรางวัลมากมาย ต้องเป็นผู้ที่พร้อมที่สุด ตอบคำถามได้ตรงใจกรรมการมากที่สุด ซึ่งเรื่องนี้ก็อยู่ที่ดุลพินิจของคณะกรรมการเท่านั้น
แต่ทว่าเมื่อจำนวนผู้เข้าประกวดจากหลาย ๆ ประเทศในภาคพื้นเอเชียถูกคัดออกจนเหลือเพียงสาวงาม 10 คนในรอบสุดท้าย ตัวแทนของประเทศไทยจึงตกรอบ ซึ่งเรื่องนี้ทำให้สลิลโรสใจแป้วได้เช่นกัน
“เฮ้อ อุตส่าห์เชียพี่เจน อดเลย” สลิลโรสถอนหายใจออกมาเบา ๆ ทำหน้าเซ็ง
“เอาน่า อย่างน้อยพี่สาวของเราก็ได้สร้างชื่อเสียงให้คนไทย”
