9
‘แฟนแกเปล่าวะ...ออกไปกับใครก็ไม่รู้’
‘เฮ้ย นี่มันหมอพัฒน์นี่’
‘ไหนว่าวันนี้เขาติดเคสด่วน มาทานข้าววันครบรอบกับรินไม่ได้ไง’
‘อาถรรพ์ 7 ปีเข้าแล้ว...’
นิ้วมือเรียวสวยเลื่อนอ่านข้อความใน Line group เพื่อนสนิท ด้วยความรู้สึกใจชาปนสั่น...
ภาพของแฟนหนุ่มกับหญิงสาวที่เธอไม่เคยรู้จักมาก่อน ทำเอาเรี่ยวแรงทั้งหมดเหมือนได้ถูกสูบออกไป ตลอดการคบหารินนารีไม่เคยเจอเรื่องพวกนี้
และดูเหมือนว่าเพื่อนๆ ของเธอก็น่าจะช่วยอะไรไม่ได้ นอกจากจะพากันซ้ำเติม
ตื๊ดดด!
เสียงแจ้งเตือนจากโทรศัพท์ ที่ดังมาซ้ำๆ แต่ชายหนุ่มไม่ยอมรับ ทำเอาคนที่นั่งรับประทานอาหารอยู่ตรงข้าม ต้องเหลือบมองหน้าเขา
“มีอะไรด่วนรึเปล่า ไม่รับหน่อยเหรอ”
“เดี๋ยวค่อยโทรกลับก็ได้” คนที่ฟังเธอเล่าเรื่องราวชีวิตตัวเองที่ผ่านมา ด้วยความตั้งใจ...ไม่อยากที่จะให้มันสะดุด จนไม่ถึงจุดที่เธอต้องการจะพูดกับเขาจริงๆ สักที
“พูดต่อเถอะ”
“ไม่มีอะไรแล้ว ก็มีแค่นี้แหละ” เธอว่าอย่างสบาย เมื่อตัดสินใจว่าจะไม่รบกวนเขา
ยิ่งเห็นเขาดีกับตัวเองมากเท่าไหร่ เธอยิ่งไม่กล้าที่จะทำลายความรู้สึกนั้น...เธอกลัวแสนกลัว ว่า ‘หนี้’ จะทำให้เธอเสียเขาไป
เพราะเอาเข้าจริงๆ เธอไม่มีวันรู้เลยว่า ตัวเองจะหามาคืนเขาได้เมื่อไหร่
“ของขายไม่ดี แล้วตอนนี้มีรายได้พอไหม” คนที่อยากจะเข้าประเด็นและช่วยเหลือ ตัดสินใจที่จะถามออกไปตามตรง
“ก็เรื่อยๆ นะ...พออยู่ได้”
“จริงเหรอ” เขาย้ำอย่างจริงจังและไม่อยากที่จะให้เธอแบกรับมันคนเดียวอีกต่อไปแล้ว
“จริงสิ ฉันจะโกหกแกไปเพื่ออะไร” เธอพยายามที่จะว่าอย่างสบายๆ ทั้งๆ ที่ตอนนี้ก็สองทุ่มกว่าแล้ว
เวลาของเธอเหลือ อีกไม่กี่ชั่วโมงแล้ว
ตื๊ดดด!
“ริน...” แล้วนันทพัฒน์ก็เอ่ยชื่อหนึ่งออกมา นิชนันท์หันมองตามไปช้าๆ และก็พบว่ามีผู้หญิงคนหนึ่งยืนตัวสั่น น้ำตาไหลอยู่
“มันไม่ใช่แบบนั้นนะริน รินอย่าเพิ่งเข้าใจผิด” ชายหนุ่มลุกขึ้นอย่างไม่ลังเล ต่อหน้าต่อตาคนที่คิดว่าตัวเองยังคงพอจะมีหวัง
แม้จะเป็นเศษเสี้ยวของความหวัง
“ทำไมไม่รับโทรศัพท์ ติดธุระด่วนมากเหรอ” น้ำเสียงใสเอ่ยออกมาอย่างแหบโหย ไม่มีทีท่าของการเกรี้ยวกราดหรืออยากจะด่าทอ
นิชนันท์หันไปมองเธอด้วยความรู้สึกผิด
“คือไม่ได้มีอะไรนะคะ ดิฉันเป็นเพื่อนของหมอพัฒน์ค่ะ” เธอรีบบอกตามตรง เพราะไม่อยากจะให้เพื่อนเดือดร้อน
“ทำไมพัฒน์ต้องโกหกรินด้วยคะ รินทำผิดอะไรเหรอ...” ผู้หญิงที่สนใจแค่ผู้ชายของตัวเอง น้ำตาไหลพรากออกมา จนเขาต้องคว้าเธอเข้ามากอด
ความน่าทะนุถนอมและเหมือนไม่มีพิษภัยอะไรของผู้หญิงตรงหน้า ทำเอานิชนันท์ยิ่งสะเทือนใจ
ยิ่งรู้สึกผิด ที่ตัวเองโทรไปขอเจอเพื่อนรัก
“พัฒน์ขอโทษริน เดี๋ยวเรากลับไปคุยกันที่คอนโดนะ” เขาว่าอย่างไม่ลังเล พร้อมเรียกพนักงานเช็กบิล หันไปมองหน้าเพื่อนสาวที่มองเขาอยู่ก่อน พร้อมพยักหน้าให้...เชิงว่าไม่เป็นไร
ไม่มีการโวยวายให้อับอาย มีแต่ความน่าสงสารที่เต็มตื้นไปทั้งใจ
นิชนันท์อยากจะหยิก ทุบตีตัวเอง ที่มีความคิดบ้าๆ
คิดว่าอยากจะเก็บพรหมจารีของตัวเองเอาไว้...เพื่อในวันหนึ่ง คนที่ยังไม่แต่งงาน อาจจะมีอะไรพัดพาให้ได้มาลงเอยกับเธอก็เป็นได้
งี่เง่าสิ้นดี..งมงายยิ่งกว่าเชื่อเรื่องผี
เธอด่าทอตัวเองตลอดการเดินทางกลับที่พัก ซึ่งเวลาของมันก็ล่วงเลยมาถึง 22.30 น.พอดี
ยังไม่ยอมอาบน้ำ เอนกายลงไปกับเก้าอี้...
หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา เข้าไปในหน้า Facebook
-ไม่รู้ว่าจะบรรยายความรู้สึกนี้ออกมาเป็นภาษาอะไรดี ไม่รู้ว่าจะสื่อสารมันออกมาในรูปแบบไหนได้
มันเต็มไปด้วยความชัดเจนเลยนะ แต่ไม่กล้า...ไม่กล้าที่จะเอ่ยมันออกมา เพราะถ้ากล้า...คงจะหน้าหนา หน้าด้านเต็มที
ถ้าตบตัวเองได้ ก็อยากจะตบ
เหมือนยืนอยู่หน้ากระจก แล้วก็ตะโกนด่าตัวเองปาวๆ
โธ่เอ๊ย...บ้าจริง
อึดอัดจัง
อึดอัดมากเลย...แต่ก็พูดออกไปไม่ได้
นี่สินะ ที่เขาเรียกว่าการ ‘ละอาย’
ละอายแก่ใจ-
พอได้ระบายความอัดอั้นออกมาเป็นตัวอักษร เธอก็วางโทรศัพท์เอาไว้ ไปชำระร่างกายให้ตัวเองได้สดชื่น
ไม่สนใจแล้ว ว่าจะมีใครมากดไลก์ คอมเมนต์ หรือเลื่อนผ่านมันไปเฉยๆ
เธออยากจะพักสมองและหัวใจ แม้ว่าเรื่องตัดดอกเบี้ย กำลังจะหมดเวลาลงใน 1 ชั่วโมงครึ่งนี้ก็ตาม
