บทที่ 4 ตัวปลอมของหยางเหม่ยลี่
4
ตัวปลอมของหยางเหม่ยลี่
สรัญรัตน์มองตัวเองในกระจกเห็นเงาที่สะท้อนเห็นหญิงสาวสวยทุกกระเบียดนิ้วอยู่ในนั้น เธออยู่ในชุดกี่เพ้าสีแดงทำจากผ้าไหมจีนปักดอกไม้สีดำชายยาวแค่ตาตุ่ม ผ่าข้างทั้งสองข้างสูงจนน่าหวาดเสียว แต่นั่นยังไม่เท่าคอเสื้อด้านบนที่เป็นเหมือนปลอกคอติดกระดุมหน้า ต่ำลงมาเป็นช่องโหว่งเว้าลึกจนเห็นเนินอกเบียดชิดขาวผ่อง เธอกลืนน้ำลายลงคอก่อนจะหมุนตัวมองรอยสักรูปดอกกุหลาบสีแดงตวัดก้านเกี่ยวรัดมังกรดำอหังการ์ นี่เป็นลอยสักที่เธอถูกบังคับให้ลอกเลียนแบบรอยสักของหยางเหม่ยลี่ เวลานี้มันตราตรึงอยู่กลางแผ่นหลังและอีกทีคือต้นขาอ่อน พี่ชายต่างมารดาบอกว่า รอยสักนี้เป็นสัญลักษณ์ของหยางเหม่ยลี่ เธอจะต้องมีมันอยู่บนร่างเพื่อให้หยางโจวหมิงเชื่อ
น่าขำที่คนร้ายกาจอย่างเขาจะเชื่อเพียงแค่ได้เห็นรอยสัก หรือแค่เธอแต่งตัวเป็นสาวจีนแต่งหน้าเข้มจัดไม่ต่างจากเล่นงิ้ว หรือแค่มีผ้าปิดหน้าแล้วจะทำให้เขาเชื่อว่าเป็นน้องสาว น่าตลกสิ้นดี พญามังกรดำหรือจะโง่ถึงขนาดนั้น
“เสร็จหรือยัง” ธัชชัยเข้ามาถามเมื่อเห็นว่ามันนานเกินไปแล้ว
“ค่ะ” เธอได้แต่ตอบรับเบาๆ แล้วเดินตามออกไปประหนึ่งนางทาสที่รอลงอาญา
ธัชชัยส่งเธอขึ้นรถ ที่จะพาเธอไปต่อเครื่องบิน เขาไม่สิ้นคิดถึงขนาดพาเธอไปส่งให้ถึงฮ่องกง เพราะการไปเหยียบฮ่องกงในตอนนี้คือการก้าวขาลงหลุมฝังศพ
“ขอบใจเธออีกครั้งนะตันหยง หวังว่าเธอจะทำให้เขาใจอ่อนได้ ฮ่ะ ฮ่ะ ฮ่ะ”
สรัญรัตน์กัดปากแน่นอย่างไม่รู้สึกเจ็บ แต่ในเมื่อเธอเลือกแล้ว เธอจะเปลี่ยนใจไม่ได้ ได้แต่ภาวนาขอให้บิดาปลอดภัยเท่านั้นพอ
หยางโจวหมิงนั่งอยู่บนเก้าอี้หนังสุดหรู ลำขาแข็งแกร่งตวัดไขว่ห้างอย่างเช่นที่ชอบทำ มือใหญ่วางอยู่บนที่เท้าแขนปลายนิ้วกลางเคาะไปมาคล้ายคนกำลังใช้ความคิด ดวงตาสีสนิมเรียบนิ่งเหมือนทะเลไร้คลื่น เขากำลังรอคอยน้องสาวของตัวเอง อีกไม่กี่นาทีต่อจากนี้ เขาจะได้พบกับหยางเหม่ยลี่
“คุณชายครับ คุณหนูมาแล้วครับ”
“ไปพาตัวนายอรรถวัฒน์มา แล้วพวกแกก็ออกไปให้พ้น เหลือไว้แค่ 3 คนพอ”
“ครับ”
ไม่กี่อึดใจต่อมา ร่างหนาของชายชราก็เดินเข้ามาอยู่ในห้อง
หยางโจวหมิงพิจารณานายอรรถวัฒน์อยู่เงียบๆ เขาเห็นความกระวนกระวายที่แสดงออกมา มันเหมือนกับว่านายอรรถวัฒน์อยากจะไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุดก็ไม่เชิง ดวงตาสีสนิมจ้องไปที่ประตูใหญ่ของห้องสลับกับการมองชายชราตรงหน้า ดวงตาของประมุขแห่งอัคราบริรักษ์ไม่ได้สบตากับเขาเลยแม้แต่น้อย มันกำลังให้ความสนใจแค่ประตูใหญ่เหมือนกับว่าประตู่นั้นสร้างขึ้นมาจากทองคำ มีค่าและมีราคามหาศาล
“คงอยากกลับบ้านมากเลยสินะ” เขาเอ่ยขึ้น ล้วงบุหรี่ออกมาจุดสูบ
“ก็...ฉันคิดถึงลูกมากนี่นา” ชายชราตอบ
“งั้นเหรอ คุณกำลังคิดถึงนายธัชชัยหรือลูกสาวอีกคนอยู่ล่ะ”
คำถามของพญามังกรดำทำให้ลมหายใจของนายอรรถวัฒน์ถึงกับสะดุด มือหนาเย็นเฉียบเหงื่อออกเต็มมือ เขาพยายามทำตัวไม่ให้มีพิรุธใดๆ ออกมาจนถูกจับได้ แต่ความเป็นห่วงและรั้งรอบุตรสาวเพียงคนเดียวที่กำลังจะเดินผ่านประตูเข้ามา ก็ทำให้เขาถึงกับต้องกลั้นใจอยู่หลายครั้ง
“ทั้งสอง”
“ระหว่างนายธัชชัยกับลูกสาวของคุณ ชื่ออะไรนะ” หยางโจวหมิงชวนคุยไปเรื่อยๆ
“สรัญรัตน์ เธอชื่อสรัญรัตน์หรือตันหยง”
“อ้อ...ระหว่างนายธัชชัยกับ...ตันหยง คุณรักใครมากกว่ากัน”
นายอรรถวัฒน์เหลือบตาขึ้นสบตาสีสนิม หมายจะจ้องมองให้รู้ความจริงจากใจหยางโจวหมิง แต่ดวงตาคู่นั้นมันช่างนิ่งเหลือเกิน
“ฉันรักลูกทั้งสองคนเท่ากัน แต่ตันหยงว่านอนสอนง่าย น่ารัก และไม่ดื้อเท่าธัชชัย”
“ท่าทางคุณจะมีลูกที่เป็นอภิชาตบุตรสินะ ใช่หรือเปล่า คนไทยเขาเรียกลูกประเสริฐแบบนี้หรือเปล่า”
นายอรรถวัฒน์เม้มปากไม่ตอบคำถาม เพราะรู้สึกว่าคำถามนั้นมันเริ่มเข้าตัวเรื่อยๆ หยางโจวหมิงฉลาดหลักแหลมกว่าที่ใครๆ คิดไว้ แล้วแบบนี้สรัญรัตน์ไม่แย่หรอกหรือ
“เอาล่ะ ผมจะไม่ทำให้คุณเสียเวลาอีกต่อไปแล้ว” บอกก่อนจะหันไปสั่งลูกน้องเสียงเรียบ “ให้เหม่ยลี่เข้ามาได้” ชายชราถึงกับหัวใจกระตุก เขาเห็นลูกน้องคนหนึ่งของหยางโจวหมิงเดินเข้ามากระซิบบอกอะไรบางอย่างที่ข้างหูของเจ้านาย และเห็นดวงตาสีสนิมเหลือบมองมายังเขา มือหนาเริ่มเหี่ยวย่นไปตามกาลเวลาเผลอตัวกำหมัดแน่น แล้วคลายออกอย่างรวดเร็ว
“ทันทีที่เหม่ยลี่เข้ามาในนี้ คุณก็ก้าวออกไปได้เลย ผมจะให้คนไปส่งคุณที่สนามบิน ไม่ต้องห่วงเรื่องความปลอดภัย คุณได้กลับบ้านแน่คุณอรรถวัฒน์”
เพียงประโยคสุดท้ายสิ้นสุด ประตูก็เปิดออกพร้อมกับร่างอรชรในชุดกี่เพ้าสีแดงสวยก้าวเข้ามา หยางโจวหมิงหรี่ตาลงมองผู้หญิงที่ก้าวเข้ามาหยุดอยู่ตรงหน้า
“ไปสิคุณอรรถวัฒน์ ได้เวลาที่คุณจะต้องกลับบ้านแล้ว”
นายอรรถวัฒน์ปรายตามองหญิงสาวที่แต่งตัวงดงามไม่ต่างจากสาวจีนแผ่นดินใหญ่คนอื่นๆ ร่างนั้นยืนนิ่งแทบไม่ไหวติงจนชายชราไม่แน่ใจว่าเธอมองเขาบ้างหรือเปล่า เขากล้ำกลืนความเป็นห่วงเป็นใย ความเจ็บปวดแทบกลัดหนอง น้ำตาหลั่งออกมาช้าๆ หากแต่สมองสั่งให้ขาก้าวต่อไป เมื่อไตร่ตรองดีแล้วว่าการเดินจากไปในครั้งนี้ เป็นการแลกเปลี่ยนชีวิตกับชีวิต
ไม่ใช่ว่านายอรรถวัฒน์รักตัวกลัวตาย แต่เพราะเขาไม่อยากให้หยางโจวหมิงจับได้ว่าหญิงสาวที่ยืนอยู่ตรงนี้ ไม่ใช่หยางเหม่ยลี่ ถ้าผู้ชายมากพิษสงอย่างนั้นรู้เข้า ทุกอย่างจะต้องจบเห่ และบางทีแม้แต่ชีวิตของบุตรสาว เขาก็ไม่อาจช่วยเหลืออะไรได้
การเดินออกไปถือเป็นการเสี่ยง ปล่อยให้ลูกสาวต้องเผชิญหน้ากับพญามังกรดำผู้เย่อหยิ่งและร้ายกาจที่สุดของเกาะฮ่องกง แต่การเสี่ยงครั้งนี้ก็เพื่อทุกคน เขาพยายามคิดว่าความงดงามและน่ารักของสรัญรัตน์จะทำให้พญามังกรดำอ่อนฤทธิ์ลงบ้างไม่มากก็น้อย และความรู้สึกบางอย่างก็บอกให้เขาแน่ใจ ว่าบุตรสาวจะไม่เป็นอันตรายใดๆ ตราบใดที่อยู่ในอุ้งมือของหยางโจวหมิง
‘ดูแลตัวเองให้ดีๆ นะลูก พ่อรักลูกมากนะตันหยง’
‘คุณพ่อขา คุณพ่อปลอดภัย ตันหยงก็ดีใจมากแล้วค่ะ ไม่ต้องเป็นห่วงตันหยงนะคะตันหยงรักคุณพ่อค่ะ’
สองเสียงกระซิบอยู่ในหัวใจ โดยไม่จำเป็นต้องเปล่งออกมาให้ใครได้ยิน ไม่จำเป็นต้องสบตา ไม่จำเป็นต้องเห็นหน้า แค่ความรักความผูกพันอันเหนียวแน่น สายใยของความเป็นพ่อลูกย่อมเชื่อมถึงกันได้ทุกขณะ วันนี้ทั้งคู่ต้องจากกันไป แต่วันหน้าถ้าไม่สิ้นชีวาวาย ความรักจะนำพาให้พ่อกับลูกต้องกลับมาพบกันอีกครั้ง
“เป็นยังไงบ้างน้องพี่ สบายดีหรือเปล่า”
สรัญรัตน์รู้สึกแปลกๆ กับคำถามของผู้ชายตรงหน้า นี่หรือคือการทักทายน้องสาวที่เขาตามไล่ล่าทุกคนที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการหายตัวไปของเธอ คำถามนี้มันเป็นคำถามแสนธรรมดา เหมือนคนไปเที่ยวแล้วกลับมาพบกันเท่านั้น
“ค่ะ สบายดี”
“การพบกันครั้งนี้รู้สึกแปลกๆ นะว่ามั้ย” ชายหนุ่มขยี้บุหรี่ที่กำลังจะหมดมวน แล้วจะจุดบุหรี่มวนใหม่ต่อ “ดูเธอไม่ดีใจเลยที่เห็นพี่ อ้อ...ทำไมเธอต้องปิดปากปิดจมูกด้วยล่ะ”
หญิงสาวกลืนน้ำลายเหนียวๆ ลงคออย่างยากลำบาก เธอกลั้นใจตอบเท่าที่สมองจะไตร่ตรองได้ในเวลานี้
“กลัวจะติดโรคจากเมืองไทยมาให้พี่น่ะค่ะ การทำแบบนี้อาจตลกไปสักนิด แต่มันก็ป้องกันโรคติดต่อได้”
“งั้นเหรอ” ควันบุหรี่ลอยฟุ้งเป็นสีขาวอยู่เหนือใบหน้าหล่อเหลา หากแต่ความหล่อเหลานั้นกลับเป็นคมมีดที่รอลงอาญาให้กับคนที่เป็นศัตรูคู่แค้น
“ทุกคนออกไป” หยางโจวหมิงไล่ลูกน้องทุกคนที่อยู่ในห้องนั้นออกไปจนเหลือแค่เขาและเธอเท่านั้น
ร่างสูงลุกขึ้นสาวเท้าเข้ามาใกล้ ดวงตาสีสนิมกวาดไปทั่วเรือนร่างอรชร เนินอกขาวผ่องที่เห็นได้ชัดเจนเบียดกันจนเกิดร่องลึก ต่ำลงปทุมถันคู่งามที่ดันเนื้อผ้าไหมสีแดงจนชี้เด่น เอวคอด สะโพกผายโค้งงอน แต่พอเห็นปลีขาเรียวขาวผุดผาดก็บังเกิดความคิดอะไรบางอย่างขึ้น
“พี่จะแน่ใจได้ยังไง ว่าเธอคือหยางเหม่ยลี่ ไม่ใช่ตัวปลอมที่พวกนั้นส่งมาแทน”
“พี่คะ น้องจริงๆ นะคะ ไม่ใช่คนอื่น”
“พี่ไม่เชื่อ จนกว่าจะได้เห็นหลักฐาน เหม่ยลี่จะมีรอยสักกลางแผ่นหลังและบนต้นขา ถ้าเธอใช่เหม่ยลี่จริง เปิดมันให้ฉันดูหน่อย”
มันไม่ใช่เรื่องยากสำหรับข้อต่อรองของเขา สรัญรัตน์ปลดกระดุมคอแล้วดึงชุดกี่เพ้าลงพอประมาณ หยางโจวหมิงเดินอ้อมไปด้านหลังเพื่อดูรอยสัก แผ่นหลังขาวเนียนละเอียด ผิวพรรณเปล่งปลั่งมีน้ำมีนวล เรียกให้ลมหายใจของเขาขาดหายในบางจังหวะ เขามองรอยสักรูปดอกกุหลาบและมังกรดำอยู่ครู่เดียว ก็เดินอ้อมมาหยุดด้านหน้า
สรัญรัตน์จึงปัดรอยผ่าข้างของชุดกี่เพ้าออก เปิดให้เห็นรอยสักแบบเดียวกับกลางแผ่นหลัง หากแต่ตรงนี้มันเล็กกว่าเท่านั้น เธอไม่รู้หรอกว่าท่าทีการเปิดเนื้อตัวให้ชายหนุ่มผู้ที่เธออุปโลกน์เป็นน้องสาว ยั่วยวนกิเลสทางอารมณ์ได้มากขนาดไหน ผิวขาวๆ สวยๆ เนียนเรียบจนอยากจะลูบไล้ ทำให้มือใหญ่กำก่อนคลายเมื่อระงับสติอารมณ์
“พี่ไม่เคยรู้ว่าเธอแก้ไขรอยสักมา” จู่ๆ เขาก็พูดขึ้น ทั้งที่ยืนหันหลังให้เหมือนไม่ใส่ใจเธอ เล่นเอาสรัญรัตน์ไม่รู้จะแก้ตัวยังไง เพราะเธอก็สักตามรอยที่ธัชชัยถ่ายและให้ช่างดูเป็นตัวอย่าง เกิดอะไรผิดพลาดขึ้นงั้นหรือ
“เอ่อ...เปล่านะคะ น้องไม่ได้แก้”
“โกหก!!!” เขาหมุนตัวกลับอย่างรวดเร็ว เพียงไม่กี่ก้าวก็เข้ามาประชิดตัวเธออย่างไม่ทันตั้งตัว “เธอคิดว่าฉันโง่เง่าขนาดนั้นเลยเหรอ น้องสาวของฉันสักมังกรดำคู่กับดอกกุหลาบจริง แต่กิ่งกุหลาบไม่ได้พันธนาการตัวมังกรเอาไว้! เหม่ยลี่สูงเพรียวกว่านี้ และที่สำคัญเค้าเกลียดการปิดปากปิดจมูกที่สุด”
“เอ่อ...คือว่า...” สรัญรัตน์พยายามสรรหาข้อแก้ตัวสุดฤทธิ์ แม้จะแน่ใจว่าเขาจะจับได้ แต่เธอไม่ได้เตรียมตัวสำหรับการแก้ตัวในครั้งนี้
ชายหนุ่มเงื้อมือขึ้นสูง หน้าตาดุดันแววตาอาฆาตมาดร้าย ตอนนี้เขาไม่ต่างจากปีศาจร้ายที่แสนจะน่ากลัวเลยสักนิด และเธอก็กลัวจนตัวสั่นงันงก หลับตาปี๋พร้อมรับความเจ็บปวด แต่แล้ว...ผ้าปิดปากปิดจมูกสีแดงกลับถูกกระชากออกเต็มแรง คราวนี้เขาได้เห็นหน้าเธอชัดเจนแจ่มแจ๋ว
“ฮึ...นอกจากปิดหน้าแล้ว มันยังให้เธอแต่งหน้าเสียจนเข้มอีกด้วย นี่ไอ้ธัชชัยมันคิดว่าฉันโง่เง่าขนาดควายยังเรียกพี่เลยสินะ บอกมา!! ว่าเธอเป็นใคร!!!” เขาตะโกนใส่หน้าหวานๆ อย่างเคียดแค้น รู้มาตลอดว่าจะต้องถูกหลอก แต่ก็ยังอยากเห็นว่าใครจะกล้าเอาตัวเข้ามาเสี่ยง
“ฉะ...ฉัน...ฉันชื่อ...” เหมือนลิ้นจะคับปากจนไม่อาจพูดออกมาได้ดั่งใจนึก ร่างกายสั่นเป็นเจ้าเข้า ขนบนกายลุกพองไปทั้งตัว
“ชื่ออะไร!!!”
“ตันหยง ฉันชื่อตันหยง” สาวน้อยละล่ำละลักบอกเสียงหลง หวาดกลัวจนน้ำตาร่วงผล็อย อยากจะเดินตามพ่อออกไปเสียตอนนี้ แต่ก็ทำไม่ได้ ต้องบังคับให้ขาแข้งสั่นๆ ฝืนยืนหยัดอย่างมั่นคง
“อ้อ...นี่ถึงขนาดส่งดวงใจพ่อมาให้เลยเรอะ ไอ้ธัชชัยนี่มันเลวไม่มีที่ติจริงๆ ดีล่ะ ในเมื่อมันส่งเธอมาให้ฉัน ฉันก็จะสนองให้มันหายคันแล้วเจ็บลึกไปทั้งตระกูลเลยทีเดียว”
“อย่าทำอะไรฉันเลยนะคะ คุณจะให้ฉันทำอะไรก็ได้ ทำงานบ้าน หรือทำอะไรที่มันหนักหนาสาหัสฉันก็ยอม แต่ขอร้องอย่าทำร้ายฉันเลยนะคะ” ร่างอรชรก้าวถอยหลัง เมื่อร่างสูงก้าวเข้ามาหาจนปลายเท้าชนกัน เธอพนมมือร้องขอความเห็นใจ ดวงหน้าหวานใสอาบไปด้วยน้ำตาหยดแล้วหยดเล่า ร่างกายสั่นระริกเหมือนหนูที่หมดสิ้นหนทาง แล้วกำลังจะถูกแมวตะครุบ
“ต่อให้ฉันเป็นพระเจ้าที่เธอสมควรจะยกมือไหว้ ฉันก็ไม่ปล่อยเธอไปหรอก ในเมื่อพวกเธอเห็นฉันเป็นคนโง่เง่าเต่าตุ่นนักล่ะก็ ฉันจะลองเป็นคนโง่ในเกมของพวกเธอดูสักครั้ง ให้มันรู้กันไปว่าระหว่างคนโง่อย่างฉัน กับคนฉลาดอย่างพวกเธอ ใครมันจะแน่กว่ากัน”
หยางโจวหมิงกระชากร่างบางเข้าหาจนทรวงอกนุ่มหยุ่นอัดเข้ากับอกกว้างแข็งแกร่ง เธอจุกแต่เขากับรู้สึกดีอย่างไม่น่าจะเป็นไปได้ ความอวบอิ่มสมบูรณ์แบบเรียกร้องให้เขาตัดสินชะตาชีวิตของเธอ ด้วยการเบียดร่างใหญ่เข้าหาแล้วกระแทกริมฝีปากได้รูปเข้าใส่กลีบปากสั่นระริกสีระเรื่อยวนตา
สรัญรัตน์ไม่เคยพานพบเรื่องแบบนี้ ตั้งแต่เป็นสาวเธอไม่เคยยอมให้ผู้ชายคนไหนถูกเนื้อต้องตัว มีแค่มนธชัยที่ถือวิสาสะจับมือถือแขน แต่เธอก็ดึงมือออกแล้ววางตัวไม่ให้เขาฉวยโอกาสเอาอีกครั้ง แล้วนี่ผู้ชายคนนี้พกพาความโกรธแค้นมาเต็มพิกัด เขากระทำการจาบจ้วงอยู่บนเรียวปากของเธอ ริมฝีปากของเขาร้อนระอุ บดคลึงหนักหน่วงจนเธอต้องยอมแยกกลีบปากออกแล้วลิ้นสากก็ทะลวงเข้ามาดื่มด่ำความหวานที่ซ่อนอยู่ข้างใน รสชาติของปลายลิ้นหนาที่เธอกำลังรับรู้มันแปลกๆ รสฝาดเฝื่อนที่เธอคิดว่าคงเป็นเพราะบุหรี่ที่เขาเพิ่งจะสูบไปหมดมวน หากแต่ในความฝาดเฝื่อนก็แฝงไว้ด้วยความหวานที่แตกต่าง ทำเอาเธอหัวหมุนแทบจะทรงตัวไม่อยู่ ร่างกายเริ่มอ่อนระทวยไปกับจุมพิตรุนแรงนั้น
หยางโจวหมิงไม่คิดว่าลูกสาวของนายอรรถวัฒน์จะหวานมากขนาดนี้ ใจหนึ่งเขาเล็งเห็นความไม่ประสาซึ่งเขาเป็นคนแรกที่ปลุกความเร่าร้อนของเธอให้ลุกขึ้นมา แม้เธอจะยังไม่ตอบโต้แต่เขาแน่ใจว่าเธอจะกลายเป็นสาวร้อนคนหนึ่ง ส่วนอีกใจบอกเขาว่าเธอเสแสร้งแกล้งจริตมารยา เพื่อให้เขาติดใจในรสหวานที่เธอปั้นแต่งอยู่นี้ แล้วเขาก็ผละห่างราวกับรังเกียจที่จะสัมผัสเธอ ก่อนมือใหญ่จะผลักร่างนุ่มออกทำให้คนตัวอ่อนเซหลุนๆ ไปกองอยู่ที่พื้น
“พวกมันคงคัดสรรมาแล้วสินะ ถึงส่งเธอมาให้ฉัน อยากรู้จริงว่าพวกอัคราบริรักษ์สอนลูกกันยังไง ถึงได้เก่งนักเรื่องทำชั่วและเรื่องยั่วผู้ชาย แต่เสียใจ เธอจำใส่กระโหลกสวยๆ ของเธอไว้ก็แล้วกัน ว่าเธอไม่มีทางทำสำเร็จ วันนี้พ่อเธอมีลมหายใจกลับออกไป แต่วันหน้าฉันจะไปพรากลมหายใจของอัคราบริรักษ์ทุกคน แล้วฝังพวกมันโดยไม่ให้มีพิธีรีตรองเลยสักนิด”
“ไม่!!!ได้โปรด คุณจะฆ่าฉันแทนพวกเขาก็ได้ ฉันยอมคุณทุกอย่าง แต่อย่าทำอะไรพ่อกับแม่ของฉันเลยนะ”
“เธอมีสิทธิ์ที่จะต่อรองเมื่อไหร่กัน เธอคิดว่าฉันไม่รู้ตั้งแต่แรกว่ามีการเปลี่ยนตัวเกิดขึ้นงั้นเรอะ ที่ฉันไม่ทำอะไร แกล้งโง่ยอมให้พ่อเธอเดินจากไปอย่างมีลมหายใจ ก็เพราะฉันอยากรู้ว่าพวกมันส่งใครมาแทน เธอไม่ต้องกลัวว่าจะไม่ตายหรอก โทษฐานที่กล้าหลอกลวงพญามังกรดำอย่างฉัน คงหนีไม่พ้นความตายแน่อยู่แล้ว แต่ฉันจะฆ่าเธอทั้งเป็น ฉันจะทำให้เธอตายทั้งๆ ที่ยังมีลมหายใจอยู่ และฉันจะส่งรูปที่เธอเหลือแต่ซากทีละนิดๆ ไปให้นายอรรถวัฒน์ดูเล่น ถึงวันนั้นมันทนไม่ได้ก็ต้องกลับมาหาฉัน แล้วทีนี้...ฉันจะสงเคราะห์ให้เธอตายไปพร้อมกับพ่อของเธอ รักกันมาก ห่วงใยกันมาก ก็ตายไปด้วยกันนั่นแหละดี”
“อย่านะคะ” เธอถลาเข้าไปกอดขาของเขา ก่อนที่เขาจะเดินหนี ลดศักดิ์ศรีของอัคราบริรักษ์เพื่อปกป้องทุกคน “ฉันขอร้อง อย่าทำอะไรพ่อฉันนะคะ ให้ฉันทำอะไรก็ได้ ฉันยอมทุกอย่าง คุณจะเฆี่ยนจะตีจนฉันสลบแล้วสาดน้ำปลุกฉันขึ้นมาเฆี่ยนอีกครั้งก็ยังได้ แต่ได้โปรด อย่าทำอะไรพ่อกับแม่ของฉันเลยนะคะ”
หยางโจวหมิงสะบัดร่างนุ่มออกจากขา เขาทำท่าทางขยะแขยงเธอเหลือคณา ดวงตาสีสนิมเข้มจัด ใบหน้าหล่อเหลาแดงก่ำไปด้วยโทสะ มองหญิงสาวที่ร่ำไห้สะอึกสะอื้นด้วยสายตาโกรธแค้น อยากจะหักคอสวยๆ แล้วส่งซากที่เหลือกลับไปให้พวกมันดู หากว่าเขายังไม่ได้น้องสาวกลับมาล่ะก็ ได้ตายกันไปข้างหนึ่งแน่ๆ
“ถอดเสื้อผ้าออกให้หมด” แล้วเขาก็ระงับความอยากเห็นเรือนร่างงดงามไม่ได้ ในเมื่อเธอบอกว่ายอมทุกอย่าง เขาจะให้เธอทำเรื่องที่เธอน่าจะคุ้นเคยอยู่แล้ว หน้าหนาขนาดนี้คงไม่มีอายหรอก
“อะไรนะ!”
“เธอบอกเองไม่ใช่เหรอ ว่ายอมทำตามที่ฉันสั่งทุกอย่าง ตอนนี้ฉันอยากรู้บ้างแล้วว่าเธอทำอะไรได้บ้าง อ้อ...แต่ถ้าไม่ดีพอ ฉันจะส่งเธอไปให้พวกลูกน้องกลัดมันของฉัน พวกมันไม่สนใจหรอกว่าเธอจะหยำเปเน่าเฟะมาขนาดไหน แค่ทำให้พวกมันน้ำพุ่งได้แค่นั้นพอ มองหน้าฉันทำไม ถอดสิ หรือเปลี่ยนใจเข้าแล้วล่ะ”
“คุณมันไม่ใช่คน ร้ายกาจที่สุด” สรัญรัตน์กัดฟันบริภาษเขาออกไป อย่างน้อยก็ขอพูดว่าสักนิดเถอะ ไม่ใช่แต่ยอมให้เขาข่มเหงอยู่ข้างเดียว “ฉันไม่คิดเลยว่าจะมีคนแบบคุณอยู่บนโลกใบนี้”
“ใครที่อยู่ข้างนอก ไปตามนายอรรถวัฒน์กลับมา!” แล้วเสียงห้าวก็ตะโกนออกไปนอกห้อง จนสรัญรัตน์ได้แต่ตื่นตะลึง ก่อนจะเรียบเรียงสติที่กำลังสูญหายแล้วรวบรวมกำลังใจเปล่งออกมาเป็นคำห้ามปรามเสียงหลง
“อย่า!!! ฉัน...จะทำ”
แล้วร่างสวยในชุดกี่เพ้าสีแดงสดก็ลุกขึ้นยืน เธอหลับตาลงพยายามยกมือสั่นๆ ขึ้นปลดเปลื้องเสื้อผ้า ลมหายใจทวีความหนักหน่วงและถี่กระชั้นจนทรวงสาวสะท้อนขึ้นลงรุนแรง
พญามังกรดำหย่อนกายนั่งลงบนเก้าอี้บุหนังสีน้ำตาลเข้ม เขามองมือสั่นๆ ที่ค่อยๆ เลื่อนไปตามขอบเสื้อ มองผิวกายขาวผ่องเปิดเปลือยออกทีละนิด จนกระทั่งชุดกี่เพ้าเลื่อนลงมาอยู่ใต้อก บราเซียสีขาวสะอาดไร้สายดูเหมือนจะเล็กกว่าสิ่งที่ต้องปิดบังไปมาก เนินอกอิ่มล้นทะลักออกมาเบียดชิดกันอยู่ด้านบน เห็นร่องเนื้อขาวผุดผาดให้ไพล่คิดไปถึงสิ่งที่อยากเข้าไปอยู่ในร่องอกนั้น
ชุดกี่เพ้าเลื่อนลงไปเรื่อยๆ มันช้าแต่ก็ทำให้ลมหายใจของหยางโจวหมิงขาดๆ หายๆ แต่ลมหายใจของสรัญรัตน์แทบขาดรอน เสียงสะอื้นเบาๆ ดังออกมาเป็นระยะไม่ได้ทำให้พญามังกรดำบังเกิดความสงสาร ดวงตาคมเฉียงขึ้นที่ปลายหางอย่างคนที่มีเชื้อชาติจีนแผ่นดินใหญ่ จับจ้องนวลนางละเอียดลอออย่างไม่ละสายตา หรืออีกทีเขาก็ไม่สามารถเบือนสายตาไปจากความงามเป็นหนึ่งนั้นไม่ได้
ผ้าไหมสีแดงสดปักลายดอกสีดำตัดกัน ค่อยเลื่อนลงมาถึงสะโพกผาย สัดส่วนโค้งเว้าดุจนาฬิกาทรายเรียกเลือดในกายชายหนุ่มให้เดือดพล่าน เรียวปากบางเฉียบได้รูปสวยของชายกระตุกมุมโค้งขึ้นก่อนจะแยกแย้มผ่อนลมหายใจออกมาอย่างช้าๆ มือใหญ่เริ่มเกร็งขึ้นเพราะความอยากจะแตะต้อง อยากจะตีตรา อยากจะลิ้มลองของใหม่สำหรับเขา แต่คงเก่าสำหรับคนอื่น นั่นเองที่ทำให้พญามังกรดำฝืนนั่งนิ่งอยู่กับที่ ทั้งที่ใจเต้นโครมครามอยู่ในอก
สรัญรัตน์ชะงักมือที่เลื่อนชุดกี่เพ้าค้างไว้บนสะโพกสวย เธอสะอื้นฮักจนตัวโยนรู้สึกว่าตัวเองช่างไร้ค่าสิ้นดี ไม่คิดไม่ฝันว่าต้องมาแก้ผ้าต่อหน้าผู้ชายใจร้ายคนนี้ อยากรู้นักว่าเลือดของเขาสีเดียวกับเธอหรือเปล่า ทำไมช่างเย็นชาเหมือนคนไม่มีหัวจิตหัวใจ แต่จะโทษเขาฝ่ายเดียวก็ไม่ถูก พี่ชายต่างมารดาของเธอและหยางเหม่ยลี่ต่างหาก ที่เป็นต้นเหตุของเรื่องน่าอับอายนี้ พวกเขากำลังเสวยสุขอยู่บนความทุกข์ระทมของเธอ อยากจะใจร้ายและปฏิเสธเรื่องบ้าๆ นี่ทั้งหมด ให้คนผิดมารับโทษที่ก่อไว้ ไม่ใช่แพะรับบาปอย่างเธอ
แต่...บิดา มารดา ท่านไม่มีความผิดด้วย ถ้าเธอไม่ยอมพวกท่านก็จะลำบาก
คิดแล้วก็เศร้าใจ พยายามฝืนมือสั่นๆ เลื่อนชุดผ้าไหมสีแดงงดงามลงต่ำ กระทั่งหลุดพ้นจากปลายขา เธอจึงหยัดตัวขึ้นมองคนใจร้ายด้วยดวงตาเจ็บช้ำ
“ไม่ได้ยินที่ฉันพูด หรือฉันบอกไม่ชัดเจน ว่าให้เธอถอดเสื้อผ้าออกให้หมด หรือประโยคนั้นมันฟังดูดีจนเธอไม่เข้าใจ ฉันคงต้องบอกว่า ให้เธอแก้ผ้าจนล่อนจ้อนต่อหน้าฉัน...เดี๋ยวนี้”
สรัญรัตน์เม้มปากแน่นเป็นเส้นตรง เธอกลั้นใจปลดตะขอเสื้อชั้นในไร้สาย แล้วใช้ท่อนแขนข้างหนึ่งปิดพาดทรวงอกอวบอันน่าตะลึง ก่อนจะลดมืออีกข้างค่อยๆ เลื่อนกางกางชั้นในสีเดียวกับเสื้อออกจากความเป็นสาว
ดวงตาสีสนิมมองปราการด่านสุดท้ายบางเบาที่ร่วงลงไปกองอยู่ที่ข้อเท้า แล้วเลื่อนสายตาขึ้นมองมือน้อยที่ปิดบังส่วนสงวนทั้งบนและล่าง มันปิดบังอะไรจากสายตาคมกล้าไม่ได้ แต่หยางโจวหมิงต้องการเห็นมันชัดๆ กว่านี้
ร่างสูงลุกขึ้นกระชากมือน้อยที่พยายามปิดบังส่วนสาวออก และปรามด้วยสายตาดุดันไม่ให้เธอคิดจะปิดมัน ก่อนจะถอยออกไปสองก้าว เพียงเพื่อได้ยลความงามอันน่าปรารถนาตรงหน้า ทรวงสล้างอวบใหญ่ดูจะทำปฏิกิริยาต่อสายตาของเขาในทันที มันชี้ชันมายังเขาราวกับกำลังกวักมือเรียกให้เข้าไปหา ส่วนความเป็นสาวซึ่งมีเส้นไหมปิดบังเล็กน้อยให้พองามก็อวบอูมนูนแน่นกว่าที่เขาเคยเห็น
พระเจ้า! นี่เธอจะรู้มั้ยว่ากำลังทำอะไรกับร่างกายเขา ความเป็นชายถวิลหาทางที่จะฝากฝังอยู่ในซอกหลืบ มันขยายโป่งพองอยู่ในกางเกงผ้านุ่มที่เขาสวมใส่ มันกำลังเจ็บปวดรวดร้าวและทวีความรุนแรงจนลมหายใจของเขาถี่กระชั้น แล้วสิ่งที่เขาไม่สามารถปฏิเสธได้ก็เกิดขึ้น
หยางโจวหมิงสาวเท้าเข้าไปหา เอื้อมมือไปลูบไล้ทรวงงามราวกับต้องการวัดขนาดของมันด้วยฝ่ามือ มันอวบใหญ่นุ่มหยุ่นและให้ความรู้สึกดีเหลือร้าย เพียงแค่ปลายนิ้วสัมผัสยอดถันก็ชูช่อสู้มือทันควัน ชายหนุ่มละสายตาจากความอวบอิ่มเพื่อจับจ้องใบหน้าสาวที่แดงซีดสลับกันไป ก่อนจะกลายเป็นแดงเถือกต่อหน้าต่อตา
“ขอชื่นชมที่เธอรักษารูปร่างได้เป็นอย่างดี ยังไม่มีอะไรหย่อนคล้อย แต่ที่เห็นก็แค่ภายนอก ส่วนภายในจะกลวงขนาดไหนฉันไม่อยากคิด” ปากก็บอกไม่คิด แต่มือหนาเปลี่ยนจากการคลึงเคล้นเต้าถันนุ่มหยุ่น เลื่อนลงมาสู่เนินนางโหนกนูน
“อย่า!!! เอามือออกไป” สรัญรัตน์ปรามเสียงหลง ดวงตาตื่นโพลงหนีบขาเพื่อปิดบังของสงวน เขากำลังทำกับเธอเหมือนคนไร้ค่า ยิ่งกว่าโสเภณีข้างทาง คนพวกนั้นแค่ชี้นิ้วก็ได้กกกอด ไม่จำเป็นต้องสำรวจตรวจสอบสรรพคุณให้ทุกรูขุมขนแบบนี้
“อย่าทำสะดีดสะดิ้งไม่เข้าท่าหน่อยเลย เธอต้องผ่านศึกมานับครั้งไม่ถ้วน กับอีแค่ฉันขอแตะต้องหน่อยเป็นไร แค่อยากรู้ว่าเธอจะมีดีแค่ไหน พวกอัคราบริรักษ์ถึงแน่ใจจะส่งเธอมาเป็นทัพหน้าแบบนี้”
ชายหนุ่มพยายามยัดปลายนิ้วเข้าไปในช่องหลืบ แต่เพราะขาของเธอหนีบไว้แน่นเหลือเกิน เขาจึงต้องออกแรงผลักให้เธอหงายหลัง แล้วทิ้งตัวกักร่างเล็กไม่ให้ปัดป้องขัดขืน มือใหญ่กำข้อมือเล็กไว้เหนือศีรษะ เข่าทั้งสองข้างเข้ามาอยู่กลางหว่างขา เพื่อกันไม่ให้เธอหนีบมันเข้าหากัน
“อย่าทำกับฉันแบบนี้เลย ขอร้อง” คำขอร้องครั้งแล้วครั้งเล่า เข้าหูซ้ายออกหูขวาพญามังกรดำโดยไม่คิดจะใส่ใจ หยางโจวหมิงมองใบหน้าเปื้อนคราบน้ำตาอย่างสาแก่ใจ แล้วกระแทกริมฝีปากดูดกลืนเสียงร้องสะอึกสะอื้นที่คิดว่าน่ารำคาญ
หากแต่ความน่ารำคาญกลับกลายเป็นความพอใจ เมื่อจูบที่เขาตั้งใจจะทำให้เธอสงบนั้นได้รับการโต้ตอบอย่างลืมตัว ความเงอะงะไม่ประสีประสาอยู่ที่ปลายลิ้นเล็กๆ เธอคงตั้งใจจะหลบหลีกแต่ในอุ้งปากเล็กๆ จะหนีไปไหน แค่เพียงขยับปลายลิ้นก็เกี่ยวพันกัน ให้ความรู้สึกซาบซ่า ทำให้ร่างกายยิ่งรุมร้อนเหมือนจะจับไข้
สรัญรัตน์ก็รู้สึกไม่แตกต่าง เธอกำลังวาบหวิวกับบางอย่างที่ก่อมวลอยู่ในช่องท้อง จูบของเขาทำให้เธอไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ จากเสียงอึกอักกลายเป็นเสียงครางในลำคอ ยิ่งเพิ่มความฮึกเหิมให้หยางโจวหมิงจนต้องสอดมือเข้าระหว่างร่างทั้งคู่ เขาคลึงเคล้นเนินนางอวบอิ่ม แล้วแทรกปลายนิ้วเข้าไปในหลืบเร้นตั้งใจจะเสาะหาความจริงที่ซุกซ่อนอยู่ภายใน แล้วสิ่งที่ได้รับก็ทำให้เขาต้องผงะ
หยางโจวหมิงดีดตัวลุกขึ้นแทบเป็นกระโดด เขามองเธอเหมือนเธอเป็นแม่มดที่เสกเวทมนตร์ให้ผู้ชายหลงใหล ความรู้สึกบีบรัดจวนเจียนขาดใจยังติดอยู่บนปลายนิ้ว
“ระยำเอ๊ย!!!”ร่างสูงเสยผมลวกๆ สีหน้าแดงก่ำเพราะความรู้สึกปวดร้าวที่ยังไม่ได้ปลดปล่อย เขาร้อนรนกระสับกระส่ายจนต้องเดินหนีหันหลังให้ความงามตรงหน้า
สรัญรัตน์งงเป็นไก่ตาแตก เธอไม่เข้าใจความเปลี่ยนแปลงของผู้ชายตรงหน้า แต่นี่เป็นโอกาสที่เธอจะต้องรีบคว้าชุดกี่เพ้าขึ้นมาสวมอย่างรวดเร็ว และหวังว่าเขาคงไม่เปลี่ยนใจหันมารังแกเธออีก
“ผู้หญิงทำได้ทุกอย่าง เดี๋ยวนี้การแพทย์พัฒนาไปไกลจนยกเครื่องใหม่สักร้อยครั้งก็ยังได้ เธอมันตัวร้าย คิดเหรอว่าทำแบบนี้แล้วฉันจะคล้อยตาม”
สาวน้อยกล้ำกลืนความอับอายรีบสวมชุดให้เสร็จแล้วยืนนิ่งเป็นหุ่นขี้ผึ้ง ไม่ว่าเขาจะต่อว่าต่อขานหรือดุด่าเธอยังไง ทัพหน้าอย่างเธอก็ต้องทนให้ถึงที่สุด แม้จะไม่เข้าใจเขาเลยสักนิด ว่าทำไมจากที่เขาเองเป็นฝ่ายเริ่มและอ่อนแรงลง จนเกือบจะเป็นอ่อนโยน กลายเป็นขุ่นเครียดยิ่งกว่าแรกเริ่มเดิมทีเสียอีก ทำไม!
“ใครอยู่ข้างนอก เข้ามาพาผู้หญิงคนนี้ไปขังไว้ในห้องที”
“ขัง!!! คุณจะขังฉันหรือคะ”
“ก็ใช่น่ะสิ เธอคิดว่าฉันจะปล่อยให้เธอเดินเชิดหน้าไปมาอยู่ในนี้รึไง แต่ไม่ต้องกลัวนะ เพราะฉันจะเห็นเธอตลอดเวลา ไม่ว่ายามหลับ ยามตื่น หรือแม้แต่ตอนที่เธอทำกิจธุระ อย่าคิดหนีให้ปวดหัวไปเลย เพราะขนาดแมลงตัวเล็กๆ ยังไม่มีทางเข้าไปในห้องนั้น”
ลูกน้องของเขาก้าวเข้ามา 2 คน เขาจึงพยักหน้าให้ทั้งคู่เข้ามาพาตัวสรัญรัตน์ออกไป
“พาไปอยู่ในห้องที่เตรียมไว้ที่บ้านตะกูลหยาง”
