บท
ตั้งค่า

บทที่ 5 กรงขัง

5

กรงขัง

สรัญรัตน์ถูกพามายังบ้านหลังใหญ่ ใหญ่กว่าบ้านอัคราบริรักษ์จนน่าจะเรียกว่าคฤหาสน์ เท่าที่เห็นภายนอกก็เป็นบ้านสองชั้นตกแต่งสไตล์โมเดิร์นผสมผสานกับสไตล์กรีกโรมันได้อย่างท่าทึ่ง เธอไม่รู้ว่าบ้านหลังนี้จะมีคนอยู่สักกี่คน แต่ถึงจะอยู่ร่วมกันสัก 20 คน เธอก็ว่ามันยังใหญ่เกินไปด้วยซ้ำ

พอเข้ามาก็เห็นคนรับใช้ช่วยกันทำความสะอาด พวกเขาไม่มีใครหันมาสนใจเธอแม้แต่คนเดียว เธอถูกดันหลังให้เดินเข้าไปเรื่อยๆ กระทั่งเลี้ยวลงบันไดที่ทอดลงไปยังชั้นใต้ดิน ถึงได้รู้ว่าบ้านหลังนี้ที่จริงแล้วมี 3 ชั้น

สรัญรัตน์มองชั้นใต้ดินซึ่งมีพร้อมทุกสิ่งสรรพ ไม่ว่าจะเป็นห้องนั่งเล่นสำหรับดูทีวี มีตู้เย็นเล็กๆ น่ารักและเคาน์เตอร์สำหรับเตรียมอาหาร ถัดไปจะเห็นอ่างจากุชชี่ขนาดใหญ่ และห้องนอน

“นี่เป็นที่ที่คุณต้องอยู่ คุณจะไม่มีสิทธิ์ออกไปไหน นอกจากเดินไปมาอยู่ในนี้เท่านั้น ประตูที่คุณผ่านลงบันไดมาจะถูกปิด และคนเดียวที่สามารถลงมาในนี้ได้ก็คือคุณชายหยาง”

สาวน้อยมองรอบๆ ด้วยความประหลาดใจ เธอคิดว่าจะต้องอยู่ในกรงขังที่มีเหล็กเส้นใหญ่เป็นลูกกรง แต่ที่เห็นนี่มันแตกต่างจากที่คิดโดยสิ้นเชิง

“ทำไมฉันถึงได้อยู่ในนี้ อันที่จริง คุณชายหยางของพวกคุณน่าจะส่งฉันไปตกระกำลำบากมากกว่าจะให้มาอยู่สุขสบายแบบนี้”

“เพราะคุณชายหยางเป็นคนดีกระมัง แต่ไม่ต้องห่วง ถึงที่นี่จะดูสวยหรูไม่เหมาะกับทาสสาวอย่างคุณ แต่ที่นี่ก็กักกันอิสรภาพของคุณทุกอย่าง คุณไม่มีทางหนีไปไหนได้ ทุกสิ่งทุกอย่างที่คุณทำในห้องนี้ ไม่ว่าจะตรงนี้ ห้องนอน หรือแม้แต่ในห้องน้ำ จะอยู่ในสายตาของคุณชายหยางทุกอย่าง”

แล้วเธอก็เงยหน้ามองเพดานเพื่อหากล้องที่คิดว่าจะต้องติดไว้แน่นอน แล้วต้องถอนหายใจยืดยาวเมื่อเห็นมันฝังอยู่ใต้เพดานทุกมุมห้อง แบบนี้ไม่ว่าเธอจะทำอะไรเขาคนนั้นก็เห็นหมด ถ้าเขาจ้องมองเธออยู่

“จะมีอาหารสอดเข้ามาทางช่องประตูแล้วว่างอยู่บนโต๊ะทั้ง 3 เวลา คุณไม่ต้องกลัวอด แต่คุณจะต้องล้างถ้วยจานเองแล้ววางบนโต๊ะตัวเดิม จะมีคนมาเก็บมันออกไป หมดหน้าที่ของผมแล้ว” ผู้ชายคนนั้นบอกเสร็จแล้วก็แยกตัวกลับขึ้นไปเงียบๆ ด้วยความอยากรู้ทำให้เธอเดินตามเขาไป แล้วลองเปิดประตู แต่ก็พบว่ามันถูกล็อกแน่นหนา ที่บานประตูมีช่องสวิงพับเข้าออกขนาดที่สามารถสอดอาหารเข้ามาให้ได้ พวกเขาไม่ใช้วิธีการเปิดประตูแต่ใช้วิธีการแทรกมือเข้ามา ราวกับให้อาหารสัตว์เลี้ยงตัวหนึ่ง

น้ำตาหยดใสๆ กลิ้งลงมาบนพวงแก้ม หมดกันแล้วชีวิตที่เหลืออยู่ การได้มีชีวิตอยู่ในห้องขังเริ่ดหรูนี้ก็ไม่ต่างกับการมีชีวิตอยู่ในคุกรอวันประหาร แต่เธอจะหวังอะไรมาก แค่ได้มีลมหายใจรอวันที่จะได้กลับไปอยู่กับพ่อแม่อีกครั้ง ไม่ว่าจะนานแค่ไหน จะกี่วัน กี่เดือน กี่ปี เธอก็จะทน

คิดแล้วก็เดินเข้าไปในห้องนอน มองเตียงขนาด 3 ฟุต สำหรับนอนคนเดียวแล้วคล้ายจะเบาใจ คิดไปเองว่าเตียงเล็กๆ ต้องมีไว้สำหรับนอนคนเดียว คงไม่มีใครคิดจะมานอนเป็นเพื่อน ถ้าคิดก็คงเตรียมเตียงใหญ่กว่านี้ไว้แล้ว ในห้องนอนก็ไม่ต่างจากด้านนอก ไม่เห็นแสงสว่างจากดวงอาทิตย์ เห็นแต่ไฟนีออนและความเย็นจากเครื่องปรับอากาศ ความเย็นขนาดนี้ก็มากพอสำหรับห้องที่อยู่ใต้ดิน ที่จริงไม่ต้องเปิดเลยก็น่าจะเย็นพอสมควร

แล้วเธอก็มาหยุดมองตัวเองจากในกระจกเงาบานใหญ่สภาพของเธอในตอนนี้ดูน่าเกลียดเหลือเกิน ดวงหน้าเปื้อนคราบเครื่องสำอางเลอะเทอะไปหมด ดวงตาแดงช้ำ ริมฝีปากบวมเจ่อ แต่มีสิ่งหนึ่งช่างน่ารังเกียจนัก นั่นก็คือกี่เพ้าสีแดงตัวนี้ แล้วเธอก็กระชากชุดสวยที่แสนน่าชังออกไปจากร่าง ก็เพราะชุดนี้ทำให้เธอมีสภาพไม่ต่างจากเศษขยะเน่าเหม็น เธอเกลียดมัน เกลียดๆ ความเป็นคนจีนแผ่นดินใหญ่

“กรี๊ด!!! ทำไม...ทำไม!!! ฮือๆ หยางโจวหมิง คุณมันไม่ใช่คน ฮือๆ”

สรัญรัตน์ไม่รู้เลยว่าเสียงร้องไห้คร่ำครวญและการกระทำทุกอย่างของเธอ ทั้งฉีกทึ้งชุดกี่เพ้า ทั้งเสียงกรีดร้องและบริภาษ กิริยาอาการทรุดฮวบลงเนื้อตัวสั่นเทิ้มอยู่บนพื้น บัดนี้อยู่ในสายตาสีสนิมเหล็กของคนที่เธอบอกไม่ใช่คน

หยางโจวหมิงมองหญิงสาวผ่านจอมอนิเตอร์ บนโต๊ะทำงานตัวใหญ่ในห้องทำงานบนสำนักงาน ดวงตาคู่นั้นเย็นชาไร้ความรู้สึก หากแต่ยังจับจ้องเธออยู่ทุกขณะ แทบจะเรียกว่าไม่คลาดสายตาเลยก็ได้ เธอบริสุทธิ์ เขาไม่เถียง เรื่องที่เกิดขึ้นไม่ได้เกิดจากเธอ แต่ในเมื่อพวกระยำนั่นส่งเธอมาให้เขา เขาก็จะทำให้พวกมันรู้ว่า เวลาที่ใครคนหนึ่งรู้สึกเดียวดายเหมือนยืนอยู่ในนรกเพียงลำพังมันเป็นยังไง ทั้งเธอและพ่อของเธอจะต้องรู้สึกไม่ต่างจากกัน

“คุณชายครับ” เป่าปงเรียก

พญามังกรดำละสายตาจากภาพในจอมอนิเตอร์ เขารับซองสีน้ำตาลที่เป่าปงส่งมาให้ เปิดและหยิบของที่อยู่ภายในออกมา

“ปัง!!!” เสียงตบโต๊ะดับคับหู ตาสีสนิมวาวโรจน์จนแม้แต่เป่าปงก็ยังไม่กล้าสบตา “เหม่ยลี่ตกระกำลำบากถึงขนาดนี้เลยเหรอ ไอ้ธัชชัยมันไม่คิดจะดูแลน้องสาวฉันให้ดีกว่านี้รึไง ไอ้ระยำเอ๊ย! มันน่าจะถูกกระทืบให้จมธรณีนัก”

ภาพของหยางเหม่ยลี่ซึ่งเดินไปมาอยู่ในบ้านหลังเล็ก ท่ามกลางทุ่งหญ้าที่ขึ้นสูงจนดูน่าหวาดกลัว ถูกมือใหญ่กำจนยับย่นด้วยความโกรธแค้น

“จะให้ส่งคนไปพาคุณหนูกลับมาเลยหรือเปล่าครับ”

“ไม่ต้อง” ชายหนุ่มมองหน้าจอมอนิเตอร์ ตาคมวาวหรี่ลงนิดๆ เมื่อภาพตรงหน้าเป็นภาพที่สรัญรัตน์เกือบเปลือยเปล่า “ในเมื่อเหม่ยลี่อยากเลือกทางเดินของตัวเอง ฉันก็จะให้เธอรู้ว่าความลำบากยากเข็ญมันเป็นอย่างไร เหม่ยลี่จะต้องได้ประสบการณ์ที่ไม่น่าจดจำในครั้งนี้”

“หมายความว่า คุณชายจะให้คุณหนูอยู่กับไอ้ธัชชัยต่อไปงั้นเหรอครับ”

หยางโจวหมิงไม่ตอบ แต่ลุกขึ้นแล้วปิดเครื่องคอมพิวเตอร์ทั้งหมด แล้วเดินออกจากห้อง

สรัญรัตน์รู้สึกสดชื่นขึ้นมาบ้าง เมื่อเธอได้อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าจนสบายตัวแต่ไม่สบายใจ ร่างอิ่มนอนเอามือก่ายหน้าผากครุ่นคิดถึงบิดาและมารดา ป่านนี้พวกท่านจะเป็นอย่างไรบ้างนะ สมองคิดไปต่างๆ นานาจนความง่วงเริ่มครอบงำ ดวงตากลมโตเคลิบเคลิ้มปรือปรอยจวนเจียนจะหลับ แต่แล้วก็ต้องสะดุ้งสุดตัว เมื่อประตูห้องนอนถูกผลักเข้ามา

หยางโจวหมิงยังจังก้าเหมือนซาตานที่ได้กลิ่นเลือดหอมฟุ้ง ดวงหน้าหล่อเหลาแข็งกระด้างเรียบเฉย เขามองตรงมาที่เธอนิ่ง ไม่พูดไม่จา จนสรัญรัตน์ต้องเบียดตัวเองเข้าหาผนังห้อง หากแทรกกายฝังเข้าไปได้เธอคงจะทำโดยไม่จำเป็นต้องคิด

ท่าทางหวาดกลัวจนขวัญผวาทำให้มุมปากลึกกระตุกขึ้นเพียงเล็กน้อย ร่างสูงก้าวเข้ามาใกล้พร้อมกับถอดเสื้อสูทและเน็คไทโยนไปบนเก้าอี้บุนวมมุมห้อง หญิงสาวกลัวจนตัวสั่น อยากถามแต่ลิ้นของเธอเกิดแข็งขึ้นมาซะอย่างนั้น ได้แต่มองตามเสื้อผ้าที่ปลิวออกไปจากร่างสูงทีละชิ้น

“จะไม่ถามหน่อยเหรอ ว่าฉันจะทำอะไรเธอ”

“...” อยากถาม แต่พูดไม่ออก จะทำไงดี

“อ้อ...ฉันลืมไป ว่าเธอชินชากับเรื่องพรรค์นี้ งั้นจะรออะไรอยู่ล่ะ ถอดเสื้อผ้าของเธอออกซะ แล้วนอนลงแบะขารอฉันได้แล้ว อย่าให้ฉันต้องเสียเวลาจัดท่าทางของเธออีก”

“คุณจะทำอะไร ไม่นะ!!” สรัญรัตน์เบือนสายตามองขายาวๆ ที่กำลังสาวเท้าเข้ามาใกล้ ยิ่งใกล้หัวใจของเธอก็เหมือนจะหยุดเต้น แล้วเธอก็ตัดสินใจลุกขึ้นกระโจนลงจากเตียง คิดจะหนีให้ถึงที่สุดก่อนที่เขาจะทำอะไรเธอได้สมใจ แต่ความเร็วของเธอที่คิดว่าแน่ ก็ถูกคนเร็วปานจรวดที่แน่กว่าตะครุบเอาไว้ได้

“หึ...คิดจะเล่นเกมไล่จับหนูกับพญามังกรอย่างฉัน เร็วไป 10 ปี ล่ะมั้ง”

“ปล่อยฉันนะ” เธอดิ้นขลุกขลักอยู่ในอ้อมกอดอุ่น ไออุ่นของเขาทำให้รู้สึกวูบวาบตามเนื้อตามตัว พยายามละสายตาจากอกกว้างกำยำแข็งแกร่ง เงยหน้าขึ้นมองปลายคางบึกบึนของพญามังกร แต่เพียงแค่ดวงตากลมโตเต็มไปด้วยความหวาดกลัวประสานเข้ากับดวงตาคมกริบสีสนิม เรียวปากบางเฉียบก็พุ่งวาบลงมาหาอย่างแม่นยำ

เสียงอื้ออึงอึกอักที่สรัญรัตน์เปล่งออกมา หากแต่ดังแค่เพียงในลำคอเท่านั้น มือเล็กทุบตีแผ่นหลังกว้างจนเจ็บ จุมพิตลงทัณฑ์ที่หยางโจวหมิงตั้งใจมอบให้รุนแรงระคนเร่าร้อน เรียวลิ้นหนาตวัดเข้ามาในอุ้งปากอุ่น รุกเร้าอย่างเอาแต่ใจและไม่เปิดโอกาสให้เธอได้หนี ความวาบหวามกำเนิดขึ้นในหัวใจดวงน้อย ร่างนุ่มค่อยๆ อ่อนระทวยทิ้งตัวลงพิงร่างใหญ่อย่างสิ้นเรี่ยวแรง

หยางโจวหมิงกระตุกมุมปากอมยิ้มหมิ่นๆ ทั้งที่เรียวปากได้รูปก็ยังคงบดคลึงดื่มด่ำกับความหวานแหลม มือใหญ่ประคองศีรษะเล็กไว้มั่นไม่ให้เธอเบี่ยงหน้าหนีได้ถนัดแทรกเรียวลิ้นเข้าไปจับจองพื้นที่ในปากหวาน ซึมซับความหอมหวานอย่างอุกอาจ ป่ายมือคลึงสะโพกงอนงามสลับกับบีบเคล้นหนักหน่วง

ร่างกายสูงใหญ่กำลังตื่นเพริดไปกับความงามที่แตะต้องได้ เธอทั้งหวานและอวบอิ่มไปทั้งตัวเหมาะแก่การเจริญพันธุ์ยิ่งนัก กลิ่นกายของเธอก็หอมชวนให้ลุ่มหลง ยิ่งเธอระทดระทวยพิงอกกว้าง ยิ่งเธอตวัดปลายลิ้นตอบรับเงอะๆ เงิ่นๆ อาการที่ดูจะไม่ประสาทำให้เขาอยากค้นหาความจริง ว่าสิ่งที่เธอแสดงอยู่นี้ มันใช่ตัวตนที่แท้จริงของเธอหรือเปล่า

แต่สำหรับคนของตระกูลอัคราบริรักษ์ คงเจนจัดไปทุกเรื่อง ยิ่งเรื่องชั่วช้าสามานคงยิ่งถนัด แม่คนนี้ก็คงจะเหวอะหวะมาแล้ว คิดแล้วเขาก็ผลักสรัญรัตน์จนล้มหงายไปบนเตียง ร่างอิ่มแม้จะตกใจแต่ดวงตาของเธอก็ปรือปรอย บอกชัดว่าเธอติดใจรสสวาทที่เขามอบให้

“ฉันอยากจะรู้นัก ว่าพวกมันสั่งสอนเธอมาด้วยอะไร ถึงได้ดั่งใจพวกมันนัก”

สรัญรัตน์พยายามจะยันกายขึ้น ดึงสติที่เหลืออยู่เพียงน้อยนิดให้กลับคืนมา แต่หยางโจวหมิงก็ปรี่เข้ามากระชากเสื้อผ้าที่ติดร่างออก เพียงอึดใจเดียว หญิงสาวก็เปลือยเปล่าอวดร่างงามให้ดวงตาสีสนิมจับจ้อง

“แต่ฉันต้องนับถือพวกอัคราบริรักษ์อย่างนึง พวกมันเลือกคนมายั่วฉันได้เก่ง เธอสวยฉันไม่เถียง เธอยั่วฉันได้ขึ้นฉันพอใจ แต่จะให้พอใจมากกว่านี้ ฉันคงต้องพิสูจน์สักหน่อยว่าเธอมีอะไรดี นอกจากภายนอกที่สวยไร้ที่ติ ภายในเธอจะสวยแบบนี้หรือเปล่า แต่...ฉันคิดว่ามันคง...เน่าเฟะจนไม่มีชิ้นดีมากกว่า”

“ถ้าคุณคิดอย่างนั้น ก็ปล่อยฉันไปสิ คุณคงไม่ต้องการนอนกับผู้หญิงเน่าเฟะอย่างฉันหรอกใช่มั้ย” หญิงสาวดันตัวขึ้นนั่งพิงฝาห้อง เธอปิดบังความสาวด้วยการไขว้มือปิดอก และงอขาขึ้นไม่ให้เขาเห็นความเป็นสาว แต่นั่นเป็นสิ่งที่เธอคิดผิดถนัด ตรงกันข้าม การนั่งแบบนี้เป็นการยั่วกามจนเขาไม่อาจละสายตาไปจากสิ่งที่ซ่อนอยู่กลางระหว่างข้อเท้า

สรัญรัตน์มองตามสายตาจึงไขว้เท้าเข้าหากัน หน้าตาแดงเถือกเพราะความอับอายหาที่เปรียบไม่ได้ น้ำตาปริ่มเบ้าตาจนเกือบจะหยดลงคลอสองแก้ม หากเพียงกะพริบตาครั้งเดียวเท่านั้น เธอได้แต่จ้องหน้าเขาบังคับสายตาไม่ให้เลื่อนลงมองอกแกร่ง ที่เรียกให้เลือดสาวอุ่นขึ้นเพียงได้เห็น ร่างอิ่มสั่นเทิ้มทั้งตื่นกลัว หวาดผวา ทว่าท่ามกลางความรู้สึกเหล่านั้น มีสิ่งหนึ่งที่กำลังก่อตัวขึ้นเงียบๆ นั่นก็คือความอยากรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับตัว

“ใช่ หรือฉันจะโยนเธอออกไปให้พวกที่อยู่ข้างนอกดีนะ พวกมันชอบซะด้วยสิแบบเธอนี่”

“อย่า! ขอร้องล่ะค่ะ อย่าทำกับฉันแบบนั้น ถ้าคุณต้องการฉันก็จะให้ แต่อย่าส่งฉันไปให้ใครเลยนะคะ”

“ฮ่ะ ฮ่ะ นี่ไงล่ะ ตัวตนที่แท้จริงของเธอ แหงล่ะ ระหว่างฉันกับพวกมันข้างนอก เป็นใครก็ต้องเลือกฉันทั้งนั้น นอกเสียจาก เธออยากมีเซ็กซ์หมู่”

“ไม่ค่ะ ฉันไม่ต้องการ อย่าทำอย่างนั้นกับฉันนะคะ จะให้ฉันไหว้ก็ได้” ว่าแล้วก็ยกมือขึ้นเตรียมจะทำอย่างที่พูด หยางโจวหมิงไม่ต้องการให้เป็นแบบนั้น เขาจึงกระชากข้อมือเล็กรั้งร่างเล็กมาหาตัว

“ไม่จำเป็นหรอก เพราะฉันไม่ใช่พระเจ้าหรือเทวดาของเธอ แต่ฉันเป็นซาตานที่รักจะเห็นเธอถูกทรมานมากกว่า”

หยางโจวหมิงโลมเลียร่างงามด้วยดวงตาหิวกระหาย ผิวของสรัญรัตน์ขาวผุดผาดอมชมพูดูบอบบาง จับนิดจับหน่อยก็เป็นรอยแดงปื้นๆ น่าแปลกที่เขาคิดว่าเธอเน่าเฟะแต่กลับไม่ชอบใจที่ทำให้ผิวสวยๆ ต้องเกิดรอยแดง ทว่าพอนึกไปถึงธัชชัย ชายหนุ่มก็ยิ้มเหี้ยมแล้วสะบัดร่างนุ่มขึ้นมาบดขยี้จุมพิตเร่าร้อน

สรัญรัตน์ครางฮืออยู่ในอก ร่างกายเปล่าเปลือยที่หนาวสั่นกำลังร้อนขึ้นเรื่อยๆ มือใหญ่ของเขาลูบไล้ไปบนทรวงสล้างอวบอัด สะกิดปลายนิ้วหัวแม่มือกับยอดถันสีสวย ปลุกเร้าให้เธอตื่นเพริดทั้งที่ความจริงไม่จำเป็นต้องทำอย่างนั้น ในเมื่อสาวน้อยคนนี้เป็นทาสของเขา หากแต่พญามังกรดำมิอาจทำอย่างที่ใจคิด เพียงแค่ร่างนุ่มระทดระทวยทิ้งตัวลงจนนอนราบ เขาก็ขึ้นทาบทับจับจองพื้นที่บนร่างสวยด้วยริมฝีปาก ครอบครองเนื้อนุ่มเนียนบริเวณลำคอระหง เลียไล้ปลายลิ้นคลอเคลียติ่งหูเล็กๆ ก่อนจะงับไรฟันแผ่วเบา

หญิงสาวผวาเฮือกไปกับการปลุกเร้า ร่างกายของเธอคล้ายกำลังเป็นไข้ เนื้อตัวร้อนระอุเหงื่อเริ่มซึมออกมาทีละนิด เธอไม่รู้ว่าเพราะอะไร แต่ที่รู้ก็คือการตื่นเต้นและรอคอยบางสิ่งบางอย่าง เวลานี้น้ำตาที่คิดว่าจะไหลอาบให้สมกับความเสียใจ กลับเลือนหายกลับเข้าไปหมดจนเหือดแห้ง มีเพียงการเปล่งเสียงครวญครางเท่านั้นที่เธอไม่สามารถบังคับไม่ให้ขับออกมา ซ้ำร้ายมือก็ยังป่ายเปะปะไปทั่วบ่ากว้างอย่างน่าละอาย

ทำไมเธอถึงทำตัวให้หมดคุณค่าได้ขนาดนี้ ศักดิ์ศรีของความเป็นอัคราบริรักษ์หายไปไหน เธอควรจะต่อสู้ปัดป้องหรือห้ามปรามเขาบ้าง แต่ที่กำลังทำอยู่คือการสมยอม

หยางโจวหมิงเองก็หลงลืมความเป็นศัตรูตัวฉกาจไปเสียสนิท เขากำลังหลงใหลกับเสน่ห์อันมากล้นของเธอ ไม่ว่าจะเป็นมือหรือแม้แต่เรียวปาก แตะต้องผิวกายเนียนละเอียดตรงไหนก็ทำให้เขาพึงพอใจจนเกิดเป็นความฮึกเหิม มือหนาเคล้นคลึงปทุมถันได้รูป บีบเคล้นประคับประครองให้เรียวปากร้อนกดลงครอบครอง รสชาติหวานราวกับเกิดมาเพื่อเขาโดยเฉพาะ

“อุ๊ย!” สาวน้อยอุทานเสียงหลง ดวงตาเบิกกว้างเล็กน้อยเมื่อปลายลิ้นสากตวัดระรัวอยู่บนยอดอก ความสากชื้นทิ้งคราบความเสน่หาก่อให้เกิดความร้อนๆ หนาวๆ จนยากจะบังคับกายให้นิ่งเฉยได้ ร่างนุ่มส่ายไหวตอบรับสัมผัสแรงกล้า พลิ้วไหวเหมือนเสียงดนตรีหวานน่าเคลิบเคลิ้ม เธอหรี่ตาลงเพิ่มน้ำหนักบนปลายนิ้ว ฝังเล็บลงบนบ่ากว้างอย่างไม่รู้ตัว

พญามังกรดำดูเหมือนจะกระหายใคร่รัก รุกร้อนจนต้องเลื่อนตัวผละจากความงาม ฝังใบหน้าลงบนแผ่นท้องราบเรียบ จุมพิตรอบๆ สะดือสวยก่อนจะส่งปลายลิ้นเลียไล้ในหลุมสะดือน่ารักนั้น มือหนาสอดประคองสะโพกผายเพื่อยึดไว้รอรับสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น ปลายลิ้นร้อนชื้นลากต่ำลงยังเนินนางสะอาดสะอ้าน มันทั้งอวบใหญ่และสวยงามไม่มีที่ติ น่าแปลกที่คนอย่างเธอจะยังมีสิ่งสวยงามขนาดนี้

“สวยมาก ข้างนอกสวย สวยจนฉัน...อยากจะครอบครอง”

ว่าแล้ว เขาก็ป่ายปลายลิ้นไล้วนเส้นไหมนุ่มบางเบา สรัญรัตน์บิดกายซ่านสยิวไปกับเกลียวคลื่นลูกใหญ่ที่โถมเข้าใส่อย่างบ้าคลั่ง ต้นขาเรียวสวยสั่นระริกเพราะอยากหนีบเข้าหากัน ทว่ามือของเขากลับดันแยกมันออกกว้าง แล้วทำให้สิ่งที่เธอต้องกรีดเสียงร้องระงม

“อ๊าย!!!”

ความเป็นสาวที่แม้แต่เธอก็ยังไม่ค่อยได้สัมผัส บัดนี้กลับถูกคนใจร้ายตวัดปลายลิ้นเลียวนราวกับเป็นเจ้าของ กลีบกายฉ่ำไปด้วยพิษสงจากลิ้นสาก เกสรงามก็ถูกดูดกลืนอย่างหิวกระหาย และนั่นก็ทำให้น้ำตาไหลออกมาทางหางตา ไม่ใช่เกิดจากความเจ็บปวดรวดร้าว หากแต่เกิดจากความรู้สึกที่แตกกระจายอยู่ในช่องท้อง

คุณชายหยางสอดปลายนิ้วเข้าไปในดินแดนหฤหรรษ์ เขาขมวดคิ้วให้กับสิ่งที่สัมผัสได้ แต่แล้วก็เหวี่ยงมันทิ้งอย่างไม่ไยดี บอกกับตัวเองว่ามันก็แค่สิ่งที่พวกอัคราบริรักษ์ช่วยกันปั้นแต่ง วิวัฒนาการทางการแพทย์ล้ำสมัยไปถึงไหนๆ แล้วไยจะทำให้ผู้หญิงดูสวยสดกลับคืนสภาพดังเดิมไม่ได้ล่ะ

ร่างสูงผละห่างคร่อมร่างนุ่ม ดวงตาคมกริบจ้องมองดวงหน้ากระจ่างใส พลันได้เห็นน้ำตาที่ไหลออกมาจากหางตา ความขุ่นข้องก็บังเกิดจนต้องสบถเสียงขรม

“ให้ตายสิ เธอเสียใจที่ฉันกำลังจะยัดเยียดตัวเองให้งั้นเหรอ หึ...ฉันขอบอกว่าถึงเธอจะร้องไห้จนน้ำตาเป็นเผาเต่า ฉันก็ไม่มีวันสงสารหรือเห็นใจพวกอัคราบริรักษ์แน่นอน นี่มันแค่เริ่มต้น เตรียมตัวรับการลงทัณฑ์จากฉันได้แล้ว”

หยางโจวหมิงลุกขึ้นยืนเพื่อเปลื้องกางเกงออกจากร่าง เขารีบร้อนจนเธอไม่ทันได้สูดลมหายใจจนชุ่มปอด ร่างหนาก็ปีนขึ้นมาทาบทับ จับเรียวขาสวยแยกออกจากกันแล้วแทรกกายกำยำเข้าใส่กลีบกายเป็นจังหวะเดียวแต่ลึกสุดๆ เท่าที่จะทำได้

“กรี๊ด!!!” ความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วทำให้สรัญรัตน์หวีดร้องออกมาทันที คราวนี้น้ำตาที่ไหลออกมาจนชุ่มแพขนตางอนเช้งเกิดจากความเจ็บปวดรวดร้าวคล้ายร่างกายจะแยกออกเป็นเสี่ยงๆ เธอจิกเล็บฝังแผ่นหลังกว้างตามแรงอารมณ์

พญามังกรดำได้แต่ชะงักงันแช่ตัวเองอยู่ในความคับแน่น เขาต้องกัดฟันกรอดพยายามจะรั้งตัวเองไม่ให้เดินหน้า ตระหนักได้ถึงความจริงที่ว่า นางทาสคนสวยยังบริสุทธิ์ผุดผ่องต่างจากที่คิดไว้โดยสิ้นเชิง

“เจ็บ เอาออกไป”

คำร้องขอของเธอไม่เป็นผล เพราะเขาไม่อาจยับยั้งอารมณ์ที่พุ่งโลดจนยากจะดับ กายแกร่งสั่นเทิ้มก่อนจะขยับเข้าออกเป็นจังหวะจะโคน หญิงสาวกลั้นใจรับความเจ็บปวด แต่ทว่าสิ่งที่ได้รับอยู่ตอนนี้กลับมีแค่ความซาบซ่านวาบหวิวจนขนลุกขนพอง ยิ่งเขากระหน่ำร่างใส่เร็วเท่าไหร่ เธอก็ยิ่งตอบรับด้วยการบีบรัดตอบสนอง กล้ามเนื้อเล็กๆ แต่กลับมีเรี่ยวแรงมหาศาลสามารถทำให้ความเป็นตัวตนอันใหญ่โตใกล้จะคายพิษร้ายออกมาเร็วเหลือเกิน ทั้งที่ปกติหยางโจวหมิงจะมีทั้งความอึดทนจนบรรดาสาวๆ หมายปองจะได้ครอบครอง มาบัดนี้กลับรู้สึกเหมือนเรี่ยวแรงที่เคยมีถดถอยลงไปมาก

หยางโจวหมิงสะบัดสะโพกสอบอย่างบ้าคลั่ง ร่างใหญ่มีเหงื่ออาบไล้จนมันวาว ดวงตาสีสนิมหรี่ปรือมองใบหน้าหวานซึ่งหลับตาพริ้ม ไม่นานเขาก็พาเธอหวีดร้องเมื่อคว้าสิ่งที่โหยหาไว้ในอุ้งมือ

มนธชัยพยายามติดต่อสรัญรัตน์ผ่านมือถือ แต่ไม่ว่าจะโทรเท่าไหร่ก็ไม่มีการตอบรับใดๆ จากเธอ ปลายสายเป็นสัญญาณสายว่าง แต่ทว่ากลับไม่มีคนรับ เขาเริ่มกระวนกระวายจนนั่งไม่ติด ภายในห้องนอนบนอาคารพาณิชย์ 3 คูหา ซึ่งประกอบกิจการค้าทองของครอบครัว จะเห็นร่างสูงเดินวนไปวนมาอย่างไม่รู้จะทำยังไง น่าแปลกใจไม่น้อยที่อยู่ดีๆ เขาก็ติดต่อเธอไม่ได้เสียอย่างนั้น ทั้งที่เมื่อ 3 วันก่อน เขายังคุยเล่นกับเธอ ยังได้ทานบัวลอยไข่หวานจากฝีมือของเธออยู่เลย ความเป็นนักกฎหมายเริ่มมองเห็นความผิดปกติ ชายหนุ่มตัดสินใจจะไปหาเธอที่บ้านอัคราบริรักษ์

“จะไปไหนตามน วันนี้มีว่าความไม่ใช่หรือลูก” มารดาของเขาพอเห็นลูกชายสาวเท้าเร็วๆ กำลังจะเดินผ่านไป แล้วยังสวมชุดสบายๆ อย่างเสื้อเชิ้ตกางเกงยีนส์ ไม่ใช่ชุดที่เหมาะแก่การพบลูกความเท่าใดนัก เธอก็ร้องถาม

“ผมโทรไปเลื่อนแล้วครับ พอดีผมมีเรื่องร้อนใจนิดหน่อยครับคุณแม่” เมื่อถูกถาม คนเป็นลูกจำต้องหยุดขายาวๆ ที่ก้าวเร็วเกือบจะเท่าหัวใจที่ติดปลีก เพื่อตอบคำถามของแม่เชิงขอคำปรึกษา

“เกิดอะไรขึ้น มีใครเป็นอะไร หรือทำอะไรให้ลูกไม่สบายใจกัน”

“ตันหยงน่ะครับ เธอไม่ยอมรับโทรศัพท์ของผมเลย วันนี้ตั้งแต่เช้าจนตอนนี้ผมโทรหาเธอตลอด มือถือเธอเปิดนะครับ แต่ไม่มีคนรับ ผมเกรงว่าเธอจะเกิดอันตรายก็เลยว่าจะไปบ้านอัคราบริรักษ์สักหน่อย”

อธิบายเสียยืดยาว แล้วต้องทอดถอนใจอย่างหนักอก

“หนูตันหยงอาจไม่สบายก็ได้ คงกำลังพักผ่อนเลยไม่ได้รับโทรศัพท์ แม่ว่ามนใจเย็นๆ ก่อนดีมั้ย รอให้พรุ่งนี้แล้วตอนเช้าลูกก็ค่อยไปหาหนูตันหยงที่บ้าน แม่จะได้ทำต้มซุปไปฝากหนูตันหยงกับคุณสรวงสุดาด้วย”

มนธชัยมองมารดาอย่างชั่งใจ ห่วงใยสรัญรัตน์จนนั่งไม่ติด แต่ที่มารดาพูดก็ถูก หากเธอไม่สบายแล้วกำลังพักผ่อนไม่อาจรับโทรศัพท์ของเขาได้ ก็ควรจะเกรงใจสักนิดถ้าเขาคิดจะไปพบเธอในวันนี้ นี่ก็ใกล้จะค่ำแล้ว อีกไม่กี่ชั่วโมงท้องฟ้าก็มืดมิด เวลานั้นน่าจะเป็นเวลาที่เธอจะได้พักผ่อน

“ตกลงครับ ผมเชื่อแม่ ถ้างั้น...” เขายกนาฬิกาข้อมือขึ้นดูเวลา “ผมคงต้องไปบ้านลูกความ เพื่อนำเอกสารไปให้เซ็นรับรอง แล้วพรุ่งนี้เช้าก็ค่อยไปหาคุณตันหยง”

“ดีลูก ไปเถอะ”

แล้วมนธชัยก็ขึ้นไปเตรียมเอกสารก่อนจะออกไป ทว่าครั้งนี้เปลี่ยนจุดหมายจากที่ตั้งใจไว้แต่แรก

นายอรรถวัฒน์เดินคอตกเข้าไปในบ้าน สภาพโซซัดโซเซจากการดื่มอย่างหนักทำให้ไร้มาดนักธุรกิจชั้นแนวหน้าของไทย ชายชรามีผมสีดอกเลาเต็มหัวทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟานุ่มราคาแพง เขาไม่ได้ดื่มหนักขนาดนี้มานานเท่าไหร่แล้ว ตั้งแต่ตอนที่สรัญรัตน์เกิดกระมัง 22 ปีเต็ม ที่ไม่คิดจะแตะต้อง ทว่าตอนนี้ความทุกข์ใจล้นหลามจนไม่รู้จะหันหน้าไปหาใคร ทำให้ต้องหันหน้าเข้าหาเพื่อนยากเป็นน้ำเมรัยสีอำพัน มันไม่เคยหักหลังเพื่อนก็จริง แต่มันก็ไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้นมา นอกจากเมาแล้วหลับ หากโชคร้ายก็อาจนำพาไปสู่หายนะ

ป่านนี้ลูกสาวของเขาจะเป็นอย่างไรบ้างนะ หยางโจวหมิงคงรู้แล้วว่าสรัญรัตน์ไม่ใช่หยางเหม่ยลี่ มาเฟียใจอำมหิตนั่นคงทรมานลูกสาวของเขาให้ตายทั้งเป็น

‘ตันหยงของพ่อ ทั้งพ่อและแม่คอยแต่บังคับหนูมาตลอด แต่หนูก็ดีใจหายที่ไม่เคยดื้อดึงเกเรใส่พ่อกับแม่เลยสักครั้ง หนูเชื่อฟังและทำตาม แม้จะไม่พอใจแต่หนูก็ไม่เคยปริปากบ่น พ่อรู้มาตลอด แต่ในเมื่อหนูไม่พูด พ่อก็จะให้มันเป็นไปตามที่เห็นสมควร แต่เรื่องนี้...พ่อขอโทษจริงๆ นะลูก พ่อไม่เคยคิดจะส่งหนูไปทรมานแบบนี้ แต่...เพราะพ่อเอง พ่อผิดที่เลี้ยงลูกแบบผิดๆ เลี้ยงธัชชัยให้เป็นคนดีแต่เขากลับร้ายกาจอย่างไม่น่าเชื่อ และพ่อ...พ่อ...พ่อก็ไม่สามารถปกป้องหนูได้ พ่อขอโทษ ขอโทษนะลูก ตันหยง...’

ร่างหนาหนักสั่นเทาเพราะแรงสะอื้น น้ำตาของคนเป็นพ่อหลั่งรินลงมาอย่างไม่อาย น้ำตาแห่งความเสียใจที่ไม่สามารถดูแลปกป้องลูกอย่างที่ควรจะเป็น

“คุณคะ ไปไหนมาหลายวันคะ แล้วนี่...” สรวงสุดาได้กลิ่นเหล้าฟุ้งก็เบ้หน้าหนี เธอวางมือบนบ่าสะท้านของสามี รู้สึกได้ถึงแรงสะอื้นที่เจ้าตัวไม่คิดจะปิดบัง “เป็นอะไรไปคะ”

ภรรยาที่เขาไม่เคยรักทรุดตัวลังนั่งบนเก้าอี้ตรงกันข้าม นายอรรถวัฒน์เงยหน้าขึ้นประสานสายตาแดงก่ำฉ่ำน้ำตาของตัวเองเข้ากับดวงตาที่ฉายชัดถึงความสงสัย

“ตันหยงไปอยู่ที่ฮ่องกงแล้วนะ”

“อ๋อ...หรือคะ ดิฉันก็ว่ายัยตันหยงหายไปไหนตั้งหลายวัน คิดว่าคงจะออกไปเที่ยวกับเพื่อนๆ อีกตามเคย แล้วนี่ทำไมยัยตันหยงถึงได้ไปอยู่ฮ่องกงล่ะคะ”

“หยางเหม่ยลี่หนีมากับธัชชัย แล้วเจ้าธัชมันไม่ให้กลับ ฉันไม่มีทางเลือกจึงจำเป็นต้องส่งตันหยงเพื่อแลกกับ...ความหายนะของตระกูลอัคราบริรักษ์ หยางโจวหมิงต้องการตัวน้องสาวของเขาคืน ในเมื่อไม่ได้ เราก็ต้องส่งตันหยงไปแทน”

แม้สรวงสุดาจะเป็นแม่ที่ไม่เคยเอาใจใส่ลูกเท่ากับแม่คนอื่น แต่เธอก็ไม้ได้ใจไม้ไส้ระกำทอดทิ้งลูกได้ลงคอ มาได้ยินแบบนี้ก็ต้องตกใจไม่น้อย รู้ดีว่าคนตระกูลหยางมีอิทธิพลและความร้ายกาจมากแค่ไหน สรัญรัตน์ต้องไปอยู่ในกำมือ ป่านนี้มิต้องป่นปี้หมดแล้วรึ

“คุณทำแบบนี้ได้ยังไงคะ ดิฉันไม่ยอมนะคะ ธัชชัยจะต้องรับผิดชอบเรื่องนี้ อะไรกัน เรื่องเกิดจากตัวเองแท้ๆ แต่ให้ตันหยงรับเคราะห์แทนได้ไง ธัชชัยอยู่ไหนคะ ดิฉันจะไปเอาเรื่องให้ถึงที่สุด”

“ไม่มีประโยชน์หรอก ถึงเราจะบังคับเจ้าธัชมันได้ แต่หากหยางเหม่ยลี่ไม่อยากไป เราจะบังคับเธอได้งั้นหรือ”

“คุณเป็นพ่อภาษาอะไร ถึงได้ปล่อยให้ลูกต้องไปทุกข์ทรมานอยู่แบบนั้น”

“แล้วเธอล่ะ เธอเลี้ยงลูกได้ดีกว่าฉันรึไง วันๆ ฉันไม่เคยเห็นเธอสั่งสอนลูก ดีแต่แต่งตัวสวยๆ ชี้นิ้วสั่งจะเอาโน่นเอานี่ แล้วก็ออกไปสมาคมกับเพื่อนของเธอ ไม่ใช่ฉันไม่รู้หรอกนะว่าเธอออกไปทำอะไรนอกบ้านแทบทุกวัน เธอออกไปเล่นไพ่ แต่ฉันไม่พูดเพราะเห็นว่าเธอไม่ได้นำความเดือดร้อนมาให้สักเท่าไหร่ เงินที่ฉันให้เธอไป เธอก็ใช้เดือนชนเดือน อยากได้อะไรใหม่ก็มาแบมือขอ ที่ฉันทนก็เพราะตันหยง เพราะลูกคนเดียว ไม่งั้นล่ะก็...”

“ไม่งั้นอะไร คุณจะเฉดหัวฉันออกไปจากบ้านนี้รึไง”

“ใช่!!! ฉันก็ไม่รู้จะให้เธออยู่ในฐานะอะไร เพราะเธอไม่เคยเอาใจใส่ตันหยงเลย แต่เพราะฉันสงสารลูก ฉันเลยต้องอดทน”

“แล้วสิ่งที่ลูกชายคุณทำนี่ล่ะ มันฆ่ายัยตันหยงชัดๆ”

คราวนี้นายอรรถวัฒน์ยกมือลูบหน้า ปฏิเสธความจริงข้อนี้ไม่ได้ เพราะธัชชัยคนเดียวเรื่องทุกอย่างถึงเลวร้ายได้เพียงนี้

“ฉันเชื่อว่า หยางโจวหมิงจะไม่ทำร้ายตันหยง”

“ฮึ! ผู้หญิงสาวๆ สวยๆ มาอยู่ในกำมือทั้งคน จะเอาไปวางไว้บนหิ้งรึไง ถ้ายัยตันหยงกลับมา สงสัยดิฉันคงต้องจับใส่ตะกร้าล้างน้ำให้หมดกลิ่นคาว นี่ถ้ามนธชัยรู้เข้า เขาจะยังสนใจยัยตันหยงอีกรึเปล่าก็ไม่รู้”

นายอรรถวัฒน์มองสรวงสุดาเหมือนไม่เคยเห็น ที่เธอมีท่าทางไม่พอใจเป็นห่วงเป็นใยสรัญรัตน์ก็เพราะเรื่องนี้เองกระมัง คงอยากได้มนธชัยเป็นลูกเขยจนตัวสั่น น่าสงสารสรัญรัตน์มีแต่ทุกข์ทั้งขึ้นทั้งร่อง

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel