บท
ตั้งค่า

บทที่ 3 การปะทะกับพญามังกรดำ

3

การปะทะกับพญามังกรดำ

หยางโจวหมิงก้าวเข้าไปในร้านอาหารซึ่งเป็นสถานที่นัดพบระหว่างเขาและนายอรรถวัฒน์ ตามติดด้วยลูกน้องผู้ซื่อสัตย์อีกไม่ต่ำกว่า 10 คน การเข้าไปของคนกลุ่มใหญ่และเป็นที่รู้จักกันดีในนามของคุณชายตระกูลหยางหรือพญามังกรดำ ทำให้ทุกคนที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องแต่นั่งทานอาหารอยู่ในนั้นต้องหลีกหนีกันให้จ้าละหวั่น

“คุณชายหยาง” เจ้าของร้านเห็นท่าจะไม่ดี เพราะก่อนหน้านี้มีกลุ่มคนไทยกลุ่มใหญ่ไม่แพ้กัน เข้ามาจับจองโต๊ะอาหารเกือบครึ่งร้านเข้าไปแล้ว เขาร้อนใจว่าคงไม่พ้นต้องเกิดเรื่องร้ายขึ้นภายในร้าน จึงตัดสินใจเข้าไปหาร่างสูงของคนชาติเดียวกันอย่างหยางโจวหมิง เพื่อขอร้องไม่ให้เกิดเรื่องที่จะเป็นเหตุให้ข้าวของภายในร้านเสียหาย

หยางโจวหมิงยกมือขวาขึ้น ฉีอู่เดินไปหาเจ้าของร้านและส่งถุงสีน้ำตาลหนาๆ ให้เขา

“ถ้าเกิดอะไรขึ้น เงินนั่นคงมากพอที่นายจะเปิดร้านใหม่ได้ใหญ่กว่าเดิม”

“ห๊า!” เจ้าของร้านรับซองนั้นด้วยมืออันสั่นเทา หากไม่สามารถยับยั้งการปะทะร้ายแรงขึ้นได้ ก็ขอรับเงินห่อใหญ่นี้ไว้เป็นทุนในการดำเนินชีวิตต่อไป คิดได้ดังนั้น เขาก็เข้าไปภายในแล้วหยิบของใช้ที่จำเป็นเดินออกไปนอกร้านพร้อมกับซองสีน้ำตาลหนาหนัก

ร่างสูงพาตัวเองมานั่งตรงข้ามกับนายอรรถวัฒน์ โดยที่ลูกน้องของตนยืนคุมเชิงประกบลูกน้องของนายอรรถวัฒน์ไว้ เพียงแค่หย่อนสะโพกลงแล้วตวัดขาไขว่ห้างฉับ เขาก็งัดบุหรี่ออกมาสูบ พ่นควันใส่หน้าชายชราปุ๋ยๆ

“คิดว่าฉลาดแล้วเหรอ ที่คุณนัดผมออกมาพบที่นี่แทนที่จะเข้าไปที่บริษัทของผม”

“ฉันแก่แล้ว คงคิดอะไรไม่ทันเด็กหนุ่มอย่างเธอหรอกหยางโจวหมิง แต่ฉันก็รู้ดีว่ากำลังตกเป็นเบี้ยล่างของเธอ ยิ่งถ้าฉันเข้าไปหาเธอถึงที่ ฉันก็คงไม่แน่ใจว่าจะได้กลับออกมาอีกหรือเปล่า เพื่อเป็นการดีก็เลยนัดเธอที่นี่แทน”

“หึ หึ...คุณกำลังคิดว่าจะมีพยานรู้เห็นและให้ปากคำต่อตำรวจ หากผมทำอะไรคุณงั้นสิ คิดผิดแล้วคุณอรรถวัฒน์ ฮ่องกงเป็นถิ่นของผม ตำรวจที่นี่ทำอะไรผมไม่ได้หรอก คุณน่าจะรู้ดีกว่านี้นะ แค่คุณเหยียบแผ่นดินฮ่องกงก็เท่ากับคุณก้าวขาลงโลงไปข้างหนึ่งแล้ว”

“ฉันมาที่นี่ เพื่อเจรจากับเธอ เรื่องของหยางเหม่ยลี่กับธัชชัย” ชายชราพยายามข่มความขุ่นมัวที่ถูกดูหมิ่นอย่างไม่คิดจะไว้หน้าจากเด็กหนุ่มรุ่นลูก

“เจรจา!! ผมต้องการตัวเหม่ยลี่คืน ไม่ได้ต้องการเจรจากับคุณ” หยางโจวหมิงพ่นควันบุหรี่ใส่หน้าชายชรา พลางบอกด้วยน้ำเสียงเรียบเรื่อย ราวกับกำลังคุยเรื่องธุรกิจ ต่างจากสีหน้าและแววตาที่ทั้งดูหมิ่นเหยียดหยามและดุดันวาวโรจน์ “ส่งเหม่ยลี่คืนเมื่อไหร่ ทุกอย่างก็จบเมื่อนั้น”

“หยางโจวหมิง ฉันเป็นผู้ใหญ่มาสู่ขอหยางเหม่ยลี่กับเธอให้ธัชชัย เธอต้องการอะไรเป็นสินสอดก็บอกมา ฉันจะจัดหามาให้อย่างสมเกียรติของคนตระกูลหยาง”

“สู่ขอ? ฮ่ะ ฮ่ะ ฮ่ะ” ดวงตาคมหลุบมองมือหนาที่วางอยู่บนโต๊ะอาหาร แล้วโดยไม่ทันตั้งตัว บุหรี่ที่สูบหมดไปไม่ถึงครึ่งตัวก็ขยี้ปลายแดงๆ ลงบนหลังมือของชายชรา

“โอ๊ย!!!” นายอรรถวัฒน์ไม่ทันหลบ ได้แต่ร้องลั่นด้วยความเจ็บปวด แล้วปัดมือของมาเฟียหนุ่มออกเต็มแรง “จะมากไปแล้วนะหยางโจวหมิง”

ลูกน้องผู้ซื่อสัตย์ของนางอรรถวัฒน์ขยับตัวดึงปืนออกมาชี้ไปยังคุณชายหยาง แต่ลูกน้องของมาเฟียหนุ่มก็พุ่งปลายกระบอกปืนชี้ไปหานายอรรถวัฒน์เช่นกัน

“นี่เป็นคำตอบของผม เอารอยแผลเป็นนี่กลับไปบอกไอ้ธัชชัย ว่าไม่มีวันที่ผมจะยกน้องสาวให้ ถ้ามันไม่คืน ผมจะฆ่าทุกคนในตระกูลอัคราบริรักษ์ทิ้งซะ”

“เธอมันไม่ใช่คน แบบนี้ไงเล่า น้องสาวของเธอถึงทนไม่ไหว หนีตามเจ้าธัชไปเมืองไทย” ร่างหนาของชายชราลุกขึ้นไม่นำพาต่อบาดแผลบนหลังมือ ชี้หน้ามาเฟียหนุ่มคราวลูกอย่างเจ็บใจ และตัดสินใจได้เดี๋ยวนั้นว่าวันนี้เลือดต้องล้างด้วยเลือด

“เก็บปากเหี่ยวย่นของคุณเอาไว้กินข้าวดีกว่า แล้วเตรียมตัวรับความทุกข์ที่เคยเกิดกับผมได้แล้ว ทุกคนที่เป็นอัคราบริรักษ์จะต้องตาย นอกเสียจากคุณจะเอาชีวิตคุณมาเซ่นไหว้ผม”

“ไอ้หยางโจวหมิง!!!”

เมื่อร่างสูงลุกขึ้นยืน ใครบางคนก็คว่ำโต๊ะอาหารที่ทั้งคู่นั่งอยู่ จากนั้นเสียงปืนก็ดังสนั่นเฉียดหูไปมาจนร้อนฉ่าไปทั้งซีกแก้ม นายอรรถวัฒน์ถูกหนึ่งในลูกน้องของตนพาหนีขึ้นรถเช่าแล้วขับออกไป เป็นการปกป้องประมุขของตระกูลอัคราบริรักษ์ให้รอดพ้นจากวิถีกระสุน

“เปรี้ยงๆ”

หยางโจวหมิงก้าวอาดๆ ขึ้นรถขับตามรถของนายอรรถวัฒน์ไป ปล่อยให้ลูกน้องห้ำหั่นกัน เขาแน่ใจว่าคนของเขาจะไม่มีใครเป็นอะไร เพราะทุกคนได้รับการฝึกฝนมาดี ฝ่ายที่สูญเสียจะต้องเป็นพวกอัคราบริรักษ์

“นายครับ หยางโจวหมิงขับรถตามเรามาครับ”

ลูกน้องที่ทำหน้าที่ขับรถพาชายชราหนีหันมาบอก นายอรรถวัฒน์จึงสั่งให้ขับรถไปยังที่ปลอดคน เขากดโทรศัพท์หาลูกน้องคนหนึ่งที่ยังอยู่ในร้านอาหารนั้น

“เป็นยังไงบ้าง” ถามด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง

“พวกเรา...อ๊าก!!! หมด...แล้วครับ นาย...หนีไป!”

มือหนาและเริ่มเหี่ยวย่นไปตามวัยสั่นเทิ้มจนโทรศัพท์มือถือหลุดมือ ไม่เหลือแล้ว เขาพาคนมาตายทั้งหมด หัวใจของนายอรรถวัฒน์ปวดร้าวจนระบม ไม่คิดว่าจะต้องเอาชีวิตลูกน้องมาทิ้งเกือบหมด ที่สำคัญพวกเขาก็มีครอบครัวที่รออยู่ข้างหลังกันทุกคน

“ฉันทำบาปหนักเหลือเกิน ฉันเอาชีวิตทุกคนมาทิ้งไว้ที่นี่ ฮือๆ” น้ำตาของชายชราไหลออกมาอย่างไม่อาจกลั้น ด้วยสายเลือดแล้วก็เป็นคนดี หาใช่คนเลวร้ายที่เห็นชีวิตไม่มีค่า โดยเฉพาะชีวิตของคนต่างระดับ นายอรรถวัฒน์ไม่เคยเหยียดหยามคนที่ด้อยกว่า ไม่เคยดูถูกดูหมิ่นใครทั้งนั้น ตรงกันข้าม เขาเป็นเพียงคนแก่คนหนึ่งที่ใจบุญศุลทาน หากเป็นคนเจ้าคิดเจ้าแค้นแล้วล่ะก็ การตายของทิพวรรณคงไม่เงียบเฉยแบบนี้

“นายครับ ทุกคนยอมพลีชีพเพื่อนายนะครับ พวกเขาทำตามหน้าที่อย่างดีที่สุด นายอย่าเสียใจไปเลยครับ” คนขับรถบอกตามหลักความเป็นจริง การเป็นบอดี้การ์ดเป็นการทำหน้าที่ที่เสี่ยงชีวิตอยู่แล้ว แต่หากสิ้นใจในหน้าที่ นายจ้างก็มีสัญญาทำประกันไว้ให้ครอบครัวของผู้เสียชีวิต ซึ่งมากพอจะดำเนินชีวิตอย่างสบายๆ ไปหลายปีทีเดียว

“ฉันไม่มีหนทางที่จะต่อกรกับหยางโจวหมิงแล้วใช่มั้ย”

“เราต้องหนีให้รอด แล้วค่อยคิดหาวิธีที่จะต่อกรกับพญามังกรดำนะครับนาย แต่นายครับ ผมว่ามันแปลกๆ หยางโจวหมิงได้แต่ขับรถตามเรามาเท่านั้น ทั้งที่เขาจะจัดการเราได้ทุกเมื่อ แต่ไม่ยักจะทำ”

“มันรอไง ฉลาดสมกับเป็นพญามังกรดำ มันรู้ว่ายังไงซะ เราต้องยอมมัน ถึงได้เก็บเราไว้”

“ตู๊ดๆ” เสียงโทรศัพท์มือถือที่หล่นลงไปอยู่บนพื้นรถแผดเสียงจ้า นายอรรถวัฒน์จึงเก็บมันขึ้นมา เห็นเบอร์ที่โชว์หน้าจอก็รีบกดรับ

“ไอ้ธัช แกรู้มั้ย ว่าคนของเราตายหมด นี่ยังดีที่มันไม่ฆ่าฉันทิ้ง”

“พ่อ ผมจะโทรมาบอกว่า...ยัยตันหยงอยู่กับผมแล้ว พ่อบอกมันไปซะว่าอีก 3 วัน เราจะส่งตัวเหม่ยลี่ไปให้มัน”

“ไม่นะธัชชัย พ่อยอมไม่ได้”

“หรือพ่ออยากให้มันฆ่าอัคราบริรักษ์ทุกคนล่ะ ถ้าเป็นแบบนั้น ลูกสาวสุดที่รักของพ่อก็ไม่พ้นจะต้องจบชีวิตเหมือนกัน พ่อเลือกเอาว่าจะให้ตันหยงอยู่อย่างมีลมหายใจ แต่อาจจะทุกข์บ้าง หรือจะให้ตันหยงหมดลมหายใจไปตามกัน แต่เชื่อผมเถอะ ยัยนี่จะต้องทำให้หยางโจวหมิงใจอ่อนได้แน่”

“ไอ้ธัช แกมันไม่น่าจะเกิดเป็นลูกฉัน ฉันผิดหวังในตัวแกจริงๆ”

“ผมไม่เคยทำให้พ่อภูมิใจอยู่แล้วนี่ แล้วพ่อจะคาดหวังอะไรจากผมล่ะ แค่นี้นะครับ”

นายอรรถวัฒน์เพิ่งจะสำเหนียกว่าน้ำตาตกในที่แท้จริงเป็นอย่างไรก็ตอนนี้ เขาเลี้ยงดูธัชชัยมาแบบผิดๆ ตามใจจนเสียผู้เสียคน เพราะเห็นว่าธัชชัยกำพร้าแม่ ถ้าเขาทุ่มเทเวลาสั่งสอนลูกชาย บางทีก็คงไม่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น

“จอดรถเถอะ” ชายชราสั่ง

แล้วรถเช่าคันงามก็จอดลงบริเวณสะพานแห่งหนึ่ง นายอรรถวัฒน์ก้าวลงจากรถและรอให้หยางโจวหมิงเป็นฝ่ายเดินเข้ามาหา

“ฉันยอมแล้ว อีก 3 วัน ฉันจะส่งหยางเหม่ยลี่คืนเธอ ได้โปรด อย่าทำอะไรลูกสาวฉันเลยนะ”

“ก็ได้ แต่ถ้าตุกติกอีกล่ะก็ ผมจะทำอย่างที่พูดทุกอย่าง”

สรัญรัตน์รู้สึกตกใจไม่น้อย เมื่อจู่ๆ เธอก็ถูกลักพาตัวขึ้นรถตู้ทึบคันหนึ่งมา แต่พอลงจากรถได้ก็เห็นร่างสูงเพรียวของคนที่ได้ชื่อว่าเป็นพี่ชายคนละแม่เดินมาหา

“พี่ธัช!!! พี่ธัชจับตันหยงมาทำไมคะ แค่บอกว่าให้ตันหยงมาหาที่...เอ๊ะ! ที่นี่ที่ไหนเหรอคะ” สาวน้อยกวาดตามองไปรอบๆ เห็นบ้านหลังเล็กหลังหนึ่งปลูกสร้างอยู่ท่ามกลางพงไม้ใบหญ้าสูงลิบ มีถนนเล็กๆ พอให้รถวิ่งเข้ามาได้เท่านั้น

“แกไม่ต้องถามหรอกตันหยง ที่ฉันพาแกมานี่ก็เพราะอยากให้แกช่วยอะไรฉันหน่อยเท่านั้น”

“อะไรคะ”

ธัชชัยเดินนำหญิงสาวเข้าไปในบ้านหลังเล็ก ซึ่งมีหยางเหม่ยลี่อยู่ในนั้น หญิงสาวชาวจีนแผ่นดินใหญ่ทายาทคนที่สองของตระกูลมาเฟียแห่งเกาะฮ่องกง มองร่างอรชรแต่อวบอิ่มที่เดินตามคนรักเข้ามาเรื่อยๆ อย่างแปลกใจ

“คุณธัช ใครกันคะ”

“นี่คือตันหยง เด็กในบ้านของผม” เพราะธัชชัยเกลียดสรัญรัตน์ลูกเมียใหม่ของพ่อ ที่มีดีกรีเป็นแค่อดีตคนรับใช้ในบ้าน ทำให้เขาไม่เคยคิดยกย่องเธอให้ใครฟัง

“สวยจังค่ะ แล้ว...คุณพาเธอมาทำไมหรือคะ”

“ผมจะส่งตันหยงให้หยางโจวหมิงแทนคุณยังไงล่ะ”

“อะไรนะคะ!” สรัญรัตน์ร้องถาม “ทำไมคะ เกิดอะไรขึ้น แล้วหยางโจวหมิงเป็นใคร แล้ว...คุณคนนี้เป็นใคร” เธอหวนคิดไปถึงความรีบร้อนของคนเป็นพ่อ “เรื่องนี้ต้องเกี่ยวกับเรื่องที่คุณพ่อไปฮ่องกงแน่เลยใช่มั้ยคะพี่ธัช”

“คุณธัชคะ เหม่ยลี่อยากคุยกับคุณตามลำพัง”

ธัชชัยมองหน้าหยางเหม่ยลี่เห็นแววตาแสดงคำถามของเธอ ก็พยักหน้าให้คนพาสรัญรัตน์เข้าไปพักในอีกห้องหนึ่ง เมื่อสาวน้อยหันหลัง สาวจีนแผ่นดินใหญ่จึงเห็นว่าข้อมือของสาวน้อยถูกพันธนาการไว้ด้วยผ้า เธอยิ่งตกใจและอยากรู้สาเหตุของคนรักเป็นเท่าทวี

“คุณมีอะไรหรือเหม่ยลี่” ธัชชัยเดินไปหย่อนกายนั่งบนเก้าอี้ไม้หน้าบ้าน เขาล้วงบุหรี่ขึ้นมาจุดสูบ นั่นทำให้แฟนสาวรู้ว่าคนรักของเธอยังไม่เลิกบุหรี่เหมือนที่เคยบอกไว้

“ไหนว่าคุณเลิกสูบบุหรี่แล้วไงคะ”

“ผมจะสูบเฉพาะเวลาที่มีเรื่องให้ต้องคิดน่ะ คุณเถอะ มีเรื่องอะไร” ธัชชัยถามกลับ ไม่ยี่หระกับสีหน้าค่อนข้างไม่พอใจของแฟนสาว

“เหม่ยลี่ไม่เข้าใจ ว่าคุณจะส่งเด็กคนนั้นให้พี่โจวหมิงได้ยังไง เธอกับเหม่ยลี่ไม่ใช่คนๆ เดียวกันซะหน่อย”

“อย่าโง่ไปหน่อยเลยน่ะ ที่ผมจะส่งตันหยงไปให้พี่ชายคุณ เพราะผมเชื่อว่าตันหยงจะทำให้พี่ชายคุณใจอ่อนได้”

“พี่โจวหมิงไม่ใช่คนโง่ เขาต้องการตัวเหม่ยลี่ไม่ใช่คนอื่น คุณส่งเด็กคนนั้นไปก็เท่ากับฆ่าเธอให้ตายทั้งเป็น พี่โจวหมิงจะต้องโกรธและลงที่เด็กคนนั้น”

หยางเหม่ยลี่รู้จักพี่ชายของเธอดี ยามอารมณ์ดีพี่ชายของเธอก็ดีใจหาย แต่ยามอารมณ์ร้ายก็ร้ายจนคนที่อยู่ใกล้ต้องเผ่นหนีแทบไม่ทัน แล้วตอนนี้พี่ชายเธออารมณ์ดีซะเมื่อไหร่ล่ะ เขากำลังสั่นเป็นเจ้าเข้าเลยด้วยล่ะมั้งที่เธอหนีมาแบบนี้ แล้วถ้าเด็กคนนั้นเข้าไปอยู่ในรังมังกรดำ เธอจะต้องถูกพญามังกรเหยียบย่ำด้วยความโกรธแค้น ไม่อยากคิดถึงสภาพของเด็กคนนั้น คงจะมีสภาพไม่ต่างจากซากศพ น่าสงสารจริงๆ

“ก็ช่างมันสิ หรือคุณจะกลับฮ่องกงล่ะ กลับไปหาพี่ชายที่คุณหนีเขาออกมา”

นั่นสินะ ท่าทางเรื่องจะบานปลายไปใหญ่โต ถ้าเธอกลับไปทุกอย่างก็จบ

แต่...เธอรักธัชชัย เธออยากอยู่กับเขา อยากมีครอบครัวกับเขา ชีวิตนี้ถ้าไม่ได้อยู่กับธัชชัยแล้วเธอจะมีชีวิตอยู่ได้อย่างไร

“ถ้า...เหม่ยลี่กลับฮ่องกง ทุกอย่างคง...”

“ไม่ได้!!! คุณจะไปไหนไม่ได้ทั้งนั้น!!” ธัชชัยเผลอตัวกระชากเสียงใส่ เรื่องจะส่งหยางเหม่ยลี่กลับฮ่องกง ไม่ได้อยู่ในสารบบทางความคิดของเขาเลยแม้แต่น้อย ยิ่งเขาเก็บเธอไว้นานเท่าไหร่ ก็ยิ่งทำให้หยางโจวหมิงเจ็บปวดมากเท่านั้น เขาจะเอาคืนพวกมันบ้าง ให้รู้ว่าคนอย่างอัคราบริรักษ์ไม่ใช่ลูกไล่ของใคร

เสียงดังๆ ของธัชชัยทำให้หยางเหม่ยลี่ถึงกับผงะ เขาไม่เคยขึ้นเสียงกับเธอแบบนี้มาก่อน แค่เธอออกความเห็นเรื่องการกลับฮ่องกงก็ถูกขัดเสียแล้ว นี่เขาเป็นอะไรขึ้นมา

“ธัชคะ”

“เอ่อ...ผมหมายถึง ผมไม่อยากเสียคุณไป” ชายหนุ่มรีบแก้ตัว ขยี้บุหรี่ด้วยปลายรองเท้า แล้วสวมกอดแฟนสาวทำเป็นรักนักรักหนาให้เธอเห็น “ขอโทษนะ ที่ผมเสียงดังไปหน่อย ช่วงนี้ผมเครียดๆ น่ะ” เขาบอกข้างหู แต่แววตาวาวแสงกว่าปกติ

“เด็กคนนั้นพูดถึงคุณพ่อของคุณ เกิดอะไรขึ้นกับท่านคะ” ความรักบังตาหญิงสาว เธอปัดความคิดว้าวุ่นออกจากสมอง แล้วเอ่ยถามคนรักอย่างห่วงใย

ร่างสูงเพรียวขยับกายออกห่าง เขาจ้องเข้าไปในตาเธอ แล้วถอนใจยาวราวกับหนักอกมากมายนัก

“คุณพ่อไปฮ่องกง เกือบเอาชีวิตไม่รอด คนของเราตายหมด ผมถึงต้องพึ่งตันหยงไง คุณก็เห็นว่ายัยตันหยงทั้งสวยทั้งน่ารักแค่ไหน ที่สำคัญเธอยังบริสุทธิ์ผุดผ่อง ในฐานะที่ผมเป็นผู้ชาย ผมแน่ใจว่าพี่ชายคุณไม่ปล่อยให้ตันหยงรักษาความบริสุทธิ์ไว้แน่ แล้วไอ้เยื่อบางๆ นั่นจะเป็นเครื่องพันธนาการให้พี่ชายคุณใจอ่อน ไม่มีใครที่เห็นตันหยงแล้วจะไม่หลงรัก เชื่อผมนะที่รัก ตันหยงเป็นคนเดียวที่จะปลดปล่อยพวกเราทุกคนได้”

“แต่...พี่โจวหมิงมีคนรักแล้ว” หยางเหม่ยลี่ท้วง พี่ชายของเธอมีคนรักอยู่แล้วทั้งคน และจางเอี้ยจือคงไม่มีวันปล่อยพี่ชายเธอให้หลุดมือเป็นแน่

“ช่างประไร ผมไม่ได้อยากให้หยางโจวหมิงแต่งงานกับตันหยงสักหน่อย แค่ทำให้เขาใจอ่อน คืนทุกอย่างที่อัคราบริรักษ์เสียไปก็เท่านั้น”

มันฟังดูทะแม่งๆ นักในความรู้สึกของหยางเหม่ยลี่ แต่เธอก็ไม่ว่าอะไร

“แล้วจะทำยังไงถึงจะให้เด็กคนนั้นไปยืนอยู่บนเกาะฮ่องกงได้ล่ะคะ”

“ผมวางแผนไว้แล้ว มานี่สิ”

ธัชชัยจูงแฟนสาวเข้าห้องนอน เขาหยิบกล้องขึ้นมาก่อนสั่งให้เธอถอดเสื้อผ้าออก หญิงสาวตระหนกแต่ก็ยอมเปลื้องผ้าให้คนรักได้เห็นเรือนร่างงดงาม ดวงตาของธัชชัยวาวแสงยลร่างระหงด้วยความหมายปอง ผิวขาวผุดผาดถูกตีตราทิ้งรอยราคีจากฝีมือของเขา รอยยิ้มประดับบนมุมปาก

“คุณจะถ่ายรูปเหม่ยลี่หรือคะที่รัก” นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่คนรักถ่ายรูปเปลือยของเธอเก็บไว้ดูเล่น ครั้งแรกที่เขาทำ เธอตกใจไม่น้อยและห้ามปรามอยู่เป็นนาน แต่ในที่สุดเมื่อเขาหลอกล่อทำให้เธอตัวอ่อนเป็นขี้ผึ้งลนไฟ ภาพของเธอก็ปรากฏอยู่ในกล้องตัวนี้

“ใช่ แต่ครั้งนี้ผมจะถ่ายแค่รอยสักของคุณ ทั้งที่แผ่นหลังและต้นขาอ่อน”

“คุณจะเอาไปทำอะไรคะ”

“ไม่นะคะพี่ธัช ตันหยงไม่สัก” สรัญรัตน์ปฏิเสธเสียงหลง เมื่อธัชชัยยื่นรูปรอยสักให้แล้วบอกว่า จะให้เธอสักรอยนี้บนร่างในตำแหน่งเดียวกับหยางเหม่ยลี่

“อีหน้าโง่ แล้วแกจะปล่อยให้พวกมันฆ่าพ่อตายรึไง” ธัชชัยตะโกนใส่หน้าซีดๆ มือหนาบีบต้นแขนเรียวจนเจ็บระบมไปหมด

“พี่ธัชหมายความว่ายังไง ใครจะฆ่าคุณพ่อคะ” เธอกัดฟันทนความเจ็บบนต้นแขน เอ่ยถามพี่ชายคนละแม่เสียงระรัว ความเป็นห่วงเป็นใยในตัวบิดาบังเกิดเกล้าแล่นปราดเข้าสู่หัวใจ ใบหน้างดงามซีดเซียวดวงตากลมเริ่มคลอหยาดน้ำทีละนิด ตามกระแสธารที่กำลังก่อตัวอยู่เงียบๆ

“ไอ้หยางโจวหมิง มันจะฆ่าพ่อแน่ ถ้าเธอไม่ปลอมตัวเป็นเหม่ยลี่ไปหามัน”

“ห๊า!!! ที่คุณพ่อบอกว่าจะรีบไปทำธุระสำคัญที่ฮ่องกง ก็เป็นเรื่องนี้สินะคะ แล้ว...ทำไมพี่ธัชไม่ส่งเธอกลับ”

“แกนี่มันก็ดีแต่สวยเท่านั้นนะ หัวขี้เลื่อยและโง่บรม ฉันจะส่งเหม่ยลี่ไปทำไม ในเมื่อฉันต้องการให้เธออยู่ที่นี่ แกนั่นแหละมีหน้าที่จะต้องช่วยทุกคน ถ้าแกไม่ช่วย เราทุกคนจะต้องตายกันหมด หยางโจวหมิงมันดึงลูกค้าของเราไปหมดแล้ว อีกไม่นานเราก็ล้มละลาย จากนั้นมันก็จะฆ่าคุณพ่อก่อนใครเพื่อน แล้วเรื่อยมาจนหมดสิ้นอัคราบริรักษ์”

ธัชชัยตั้งใจจะทำให้สรัญรัตน์รู้สึกถึงความเหี้ยมโหด และทำได้ทุกอย่างของหยางโจวหมิง เขาต้องการให้น้องต่างแม่หวาดกลัวจนแทบบ้า เพื่อความสะใจส่วนตัวลึกๆ และส่งแม่ดอกไม้งามที่กำลังตื่นตระหนกไปให้พญามังกรดำผู้โหดเหี้ยม ให้มันเห็นเธอและลงความแค้นเอากับเธอ ทุกอย่างที่ธัชชัยทำ ก็เพื่อต้องการแก้แค้นคนตระกูลหยาง และเหยียบย่ำแม่น้องสาวต่างแม่ให้กระอัก โทษฐานที่มาแย่งทุกอย่างไปจากเขา ถ้าไม่มีสรัญรัตน์ ทุกอย่างที่เป็นอัคราบริรักษ์จะไม่ต้องถูกหารสอง โดยเฉพาะความรักของพ่อที่เคยมอบให้เขาเพียงคนเดียวมานาน ก่อนที่สรวงสุดาจะเข้ามาและให้กำเนิดโซ่ทองสวยสดเส้นนี้

สรัญรัตน์ได้ยินดังนั้นก็หวาดกลัวจนตัวสั่น แต่เมื่อนึกถึงบิดาที่ตอนนี้ยังไม่กลับจากฮ่องกง ไม่รู้ว่าเป็นอย่างไรบ้าง เธอก็ปวดใจที่ไม่สามารถทำอะไรให้ท่านได้ นอกจาก...สิ่งที่ธัชชัยพยายามยัดเยียดให้อยู่ตอนนี้

“พี่ธัชจะให้ตันหยงสักลายพวกนี้ เพื่อหลอกหยางโจวหมิงให้เชื่อว่า ตันหยงเป็นคุณเหม่ยลี่ใช่มั้ยคะ”

“ฉลาดขึ้นมาบ้างแล้วสินะ ฮ่ะ ฮ่ะ” เสียงหัวเราะส่งท้ายแบบเย้ยหยัน ทำให้สาวน้อยต้องเบือนหน้าหนีพี่ชายต่างมารดา

“ถ้าตันหยงทำให้เขาเชื่อได้ ทุกคนจะปลอดภัยใช่มั้ยคะ” เธอถาม แต่ทว่าในใจเชื่อมั่นว่าคนร้ายกาจแบบนั้น ไม่น่าจะโง่เง่าจนมองไม่ออกว่าเธอไม่ใช่น้องสาวของเขา

“ช่าย” ธัชชัยลากเสียง เมื่อเห็นความลังเลจากสรัญรัตน์ “แต่ไม่ต้องห่วงหรอกนะ ถ้าเขาไม่เชื่อเธอ แต่เขาก็คงจะยืดชีวิตพวกเราไปได้อีกสักระยะ เพราะฉันแน่ใจว่าเขาจะต้องเก็บเธอไว้ดูเล่น จนกว่าจะเบื่อ”

สรัญรัตน์หลับตาปล่อยให้น้ำตาไหลลงมาอาบสองแก้ม ทำไมชีวิตเธอต้องตกอยู่ในสภาพเช่นนี้ ทั้งที่เธอไม่เคยสร้างความเดือดร้อนให้ใครเลย แล้วทำไมจะต้องมีแต่คนนำเรื่องเดือดร้อนมาให้เธอเสมอ

“แปลว่า ตันหยงจะต้องทำให้เขาติดใจ เพื่อทุกคนในอัคราบริรักษ์รอดชีวิตสินะคะ”

เธออยากตะโกนถามว่า เห็นเธอเป็นตัวอะไร ทำไมไม่ส่งหยางเหม่ยลี่กลับ ทุกอย่างจะได้จบสิ้น แต่พี่ชายน่ะรึ เขาเกลียดเธอเข้าไส้ นี่ก็คงเป็นวิธีที่เขาคิดจะกำจัดเธอออกไปให้พ้นสิท่า

“ใช่ แต่ถ้าเธอทำไม่ได้ ก็มีทางเลือกให้เธอเหมือนกัน”

“อะไรคะ” เธอถามอย่างมีความหวัง

“ฆ่าตัวตายซะ เธอจะได้ไม่ต้องเจ็บปวด เวลาที่เห็นทุกคนตายยังไงล่ะ”

สรัญรัตน์อ้าปากค้าง ตาเบิกกว้างอย่างไม่อาจจะเชื่อว่านี่เป็นความคิดของพี่ชายต่างมารดาของเธอ เขาไม่คิดจะออกโรงปกป้องอัคราบริรักษ์ ทั้งที่เขาเป็นตัวต้นเหตุ แถมบังคับให้เธอทำในสิ่งที่เลวร้ายที่สุดในชีวิต ผู้ชายตรงหน้าไม่ใช่คน เขาเลวยิ่งกว่าสัตว์บางชนิดเสียอีก

แล้วเธอมีทางเลือกอื่นไหม หรือว่าจะหนีไปให้ไกล ทิ้งทุกอย่างให้เป็นเรื่องของเวรกรรม ถือซะว่าเป็นเวรเป็นกรรมที่ทุกคนในอัคราบริรักษ์จะต้องชดใช้

ไม่ได้สิ เธอจะปล่อยให้เขาฆ่าพ่อกับแม่เธอได้ยังไง เธอทิ้งพวกท่านไปไม่ได้

“ตกลงค่ะ” ในที่สุดเธอก็พึมพำตอบรับ ทั้งที่น้ำตาไหลพรากเจ็บร้าวไปทั้งใจ “ตันหยง...จะ...จะไปฮ่องกง”

“ดี จำไว้นะตันหยง ทุกคนจะต้องขอบใจในความกล้าหาญของเธอ”

ธัชชัยบอกยิ้มสะใจ ก่อนจะเดินหนี ทิ้งให้สรัญรัตน์อยู่กับช่างสักตามลำพัง

นายอรรถวัฒน์มองอาหารที่ตั้งอยู่ตรงหน้าด้วยสายตาว่างเปล่า หยางโจวหมิงเก็บตัวเขาเอาไว้ภายในห้องๆ หนึ่ง บนตึกที่เป็นบ่อนคาสิโนของตระกูลหยางที่มาเก๊า คาสิโนครบวงจรแห่งนี้ก่อตั้งขึ้นตั้งแต่สมัยที่หยางเฟ่ยหลงยังมีชีวิตอยู่ ชายชรารู้ดีว่านอกจากตระกูลหยางจะทำธุรกิจขนส่งระหว่างประเทศแล้ว ยังทำธุรกิจมืดซึ่งมีอำนาจดำกริบที่หลายคนไม่อยากจะเฉียดเข้าใกล้ หากแต่หลายคนก็ตกเป็นทาสของมันเช่นกัน

พญามังกรดำคิดจะทำการแลกเปลี่ยนระหว่างนายอรรถวัฒน์และหยางเหม่ยลี่ เขาฉลาดหลักแหลมแบบนี้แล้ว แผนการของธัชชัยที่วางไว้จะสำเร็จได้อย่างไร

“ตันหยงลูกพ่อ พ่อขอโทษนะลูก พ่อขอโทษจริงๆ” น้ำตาชายชราไหลออกมาอย่างไม่คิดจะเก็บกัก นึกภาพของบุตรสาวที่ต้องตกเป็นเครื่องรองรับอารมณ์ของพญามังกรดำ หัวใจของคนเป็นพ่อที่รักลูกอย่างสุดซึ้งก็จุกแน่นไปด้วยความรู้สึกเสียใจ แล้วได้แต่ภาวนาขอให้ความงดงามทั้งกายใจของเธอ ทำให้หยางโจวหมิงใจอ่อนอย่างที่ธัชชัยบอกด้วยเถิด

“ไม่กินสักนิดเหรอ พรุ่งนี้แล้วนะ ที่คุณจะได้กลับไปหาลูกหาเมีย”

ร่างสูงเข้ามายืนอยู่เมื่อใดไม่ทราบ ชายชราปาดน้ำตาเบือนหน้าตอบ

“ยังไม่หิว”

“ผมว่าคุณน่าจะยัดอะไรใส่ท้องหน่อยนะ คนของผมบอกว่าคุณไม่แตะต้องอาหารตั้งแต่เมื่อวานนี้แล้ว อายุก็มากแล้ว เดี๋ยวก็เป็นลมเป็นแล้งไปหรอก”

“ไม่ต้องมาแสดงความเป็นห่วงฉันหรอก ฉันรู้ดีว่ากำลังทำอะไรอยู่”

“แล้วแต่คุณเถอะ พรุ่งนี้ผมจะปล่อยคุณทันทีที่เหม่ยลี่มาถึงมือ”

“คุณชายครับ คุณหนูจางรออยู่ที่ห้องทำงานครับ”

“อืม” หันไปรับคำ “ผมต้องไปแล้ว พบกันเป็นครั้งสุดท้าย...พรุ่งนี้” ว่าแล้วก็หันหลังก้าวยาวๆ ไปยังประตู

“เดี๋ยว” นายอรรถวัฒน์เรียกไว้ ทำให้ร่างสูงเอียงหน้ามามองอย่างสงสัย “ฉันอยากให้เธอสัญญาอะไรบางอย่างแก่ฉันข้อนึง”

“อะไร”

“ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นวันข้างหน้า ขอให้เธอโปรดไว้ชีวิตลูกสาวฉันด้วย ได้โปรดให้สัญญาแก่ฉัน”

หยางโจวหมิงหลุบตาลงซ่อนประกายตาบางอย่างไว้ แม้ผู้สูงวัยกว่าจะจับจ้องหาความผิดปกติที่อาจแสดงออกมานั้น แต่ก็ไม่มีอะไรให้เห็น ชายหนุ่มผินหน้ากลับเหมือนจะไม่ตอบรับหรือปฏิเสธ เป็นเหตุให้คนที่มีสถานะเป็นพ่อของลูกสาวต้องลุกขึ้นพรวด เพื่อจะทวงคำตอบจากเขา

แต่แล้ว...

“ผมไม่เคยต้องสัญญาอะไรกับใคร เพราะคนอย่างผมไม่เคยคิดจะพึ่งพาใครอยู่แล้ว ถ้าสิ่งที่ผมได้รับมันมีค่ามากพอแล้วล่ะก็ ผมก็ไม่คิดจะทำลาย”

นายอรรถวัฒน์ทรุดตัวลงบนพื้นเมื่อคล้อยหลังร่างสูงแล้ว นั่นคือคำสัญญาหรือเปล่า หยางโจวหมิงสัญญาแล้วใช่มั้ยว่าเขาจะไม่ทำร้ายสรัญรัตน์ คำพูดกำกวมของเขา กลับเพิ่มความหนักอกให้กับชายชรา

มันหมายความว่ายังไง หรือเขารู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในวันพรุ่งนี้

โธ่...ตันหยงลูกพ่อ

จางเอี้ยจือโผเข้ากอดร่างสูงของคนรักด้วยความดีใจ เธอไม่ได้เจอเขามาเป็นเดือน ด้วยเหตุที่ต้องไปศึกษาต่อที่อังกฤษ ปกติหยางโจวหมิงจะเดินทางไปหาเธอด้วยตัวเองหากมีเวลาว่าง แต่ช่วงนี้ เขาบอกว่ามีหลายเรื่องที่ต้องสะสาง เธอจึงเป็นฝ่ายบินข้ามน้ำข้ามทะเลในช่วงปิดภาคเรียนมาพบเขา

“เอี้ยจือคิดถึงคุณจัง” ร่างระหงเขย่งปลายเท้าขึ้นจูบริมฝีปากสวยของคนรัก และได้รับการตอบสนองคืนอย่างเร่าร้อนด้วยความคิดถึงไม่ต่างกัน

“ผมก็คิดถึงคุณ เหนื่อยมั้ย” มือใหญ่เกลี่ยปอยผมที่ตกลงมาคลอเคลียอยู่บนแก้มนุ่ม กิริยาของเขาอ่อนโยนจนไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นพญามังกรดำที่ใครๆ รู้จัก

“เหนื่อยค่ะ แต่ตอนนี้หายเหนื่อยแล้ว” จางเอี้ยจือออดอ้อนออเซาะ เบียดร่างระหงที่มีสัดส่วนเย้ายวนเข้าหา มือบางเหนี่ยวต้นคอแกร่งให้โน้มลงมาอีกนิด

“ถ้างั้น...เตรียมตัวเหนื่อยอีกครั้งได้แล้ว” กล่าวจบ เขาก็โน้มตัวช้อนร่างนุ่มแล้วเดินผ่านประตูหลังโต๊ะทำงาน ในนั้นเป็นห้องนอนที่มีทุกอย่างพร้อมสรรพ และตอนนี้มันจะถูกใช้งานหลังจากที่ห่างหายมาหลายเพลาอีกครั้ง

หลังจากบทสวาทบาดจิตผ่านพ้นไป ร่างบางก่ายเกยอยู่บนร่างหนา ซุกหน้ากับอกกว้างที่ยังหายใจกระชั้น หยางโจวหมิงเร่าร้อนเสมอ ทุกครั้งที่เขาและเธอปลุกปั่นกายาหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียว ไม่มีครั้งไหนที่ชายหนุ่มจะอ่อนแรงลงง่ายๆ บทรักจะยาวนานนับชั่วโมงทุกครั้ง แต่...ไม่มีครั้งไหนที่เขาจะต่อรอบสองกับเธอในวันเดียวกัน

“เอี้ยจือขออะไรคุณอย่างนึงได้มั้ยคะ”

“อะไร”

“เอี้ยจือคิดถึงคุณมาก ขอรอบสองกับคุณได้มั้ยคะ”

หยางโจวหมิงหลุบตามองหญิงสาวในอ้อมกอด เขาเองก็ตอบไม่ถูกว่าทำไมถึงไม่เคยรู้สึกอยากซ้ำบทรักกับเธอสักครั้ง มันเหมือนกับเขาไม่อยากกินอาหารจานเดิมที่เพิ่งกินหมดไปได้ไม่นาน แถมยังมีคราบที่เขากินทิ้งไว้

พญามังกรดำถอนหายใจ แล้วตอบเสียงแผ่ว

“ผมมีงานที่ต้องรีบทำให้เสร็จในวันนี้” จากนั้นเขาก็จุมพิตหน้าผากชื้นเหงื่อของเธอ แล้วดึงตัวขึ้นจากเตียงกว้าง สวมเสื้อผ้าให้ตัวเองเงียบๆ

“คุณทำเหมือนไม่รักเอี้ยจือเลย เอี้ยจืออุตส่าห์บินข้ามน้ำข้ามทะเลมาหาคุณเพราะความคิดถึง แต่ต้องมาเจอคุณแสดงท่าทีแบบนี้ใส่ เอี้ยจือเสียใจนะคะ” เธอตัดพ้อต่อว่า ดีดตัวขึ้นนั่งทั้งที่ร่างกายเปลือยเปล่าแต่ไม่คิดจะปิดบัง

“ผมก็คิดถึงคุณ ไม่งั้นจะปลีกตัวทันทีที่รู้ว่าคุณมาทำไม อย่าคิดมากน่ะ ผมไม่ชอบให้คุณคิดฟุ้งซ่านหรอกนะเอี้ยจือ”

แล้วเขาก็โน้มตัวเข้ามาจูบแก้มนุ่มเป็นการปลอบใจ ก่อนจะออกไปจากห้องเงียบๆ ทิ้งให้คนรักต้องกระฟัดกระเฟียดอยู่เพียงลำพังในห้องนอน

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel