บทที่ 1 หลงใหล
1
หลงใหล
ณ เกาะฮ่องกง ปี พ.ศ.2554
หยางโจวหมิงจ้องมองน้องสาวเพียงคนเดียวอย่างจับผิด ร่างบอบบางเอาแต่ก้มหน้าจัดการกับอาหารตรงหน้า ไม่กล้าเงยหน้าขึ้นสบตาสีสนิมแสนร้ายกาจของพญามังกรดำ ผู้ซึ่งเป็นพี่ชายที่หวงน้องสาวราวกับไข่ในหิน หยางเหม่ยลี่เป็นบุคคลเพียงคนเดียวที่หยางโจวหมิงรักมากที่สุด หลังจากที่สูญเสียทั้งบิดาและมารดาไปเมื่อ 26 ปีที่แล้ว ซึ่งเท่ากับอายุของน้อง เขาต้องทำหน้าที่เป็นทั้งพ่อ แม่และพี่ชายในเวลาเดียวกัน มอบความรักและการดูแลเอาใจใส่มากกว่าอะไรทั้งสิ้น
หากแต่น้องสาวแสนสวยของเขาก็ยังมีเรื่องที่ต้องให้กังวล บอดี้การ์ดที่ส่งไปประกบเพื่อคุ้มครองเธอ มักจะบอกเป็นเสียงเดียวว่าหยางเหม่ยลี่ชอบหนีไปเที่ยวคนเดียวบ่อยๆ กว่าจะตามหาเจอก็เมื่อเธอต้องการจะกลับมาหาเอง คุณหนูหยางเจ้าเล่ห์เพทุบายไม่แพ้พี่ชาย เธออาศัยความน่ารัก ช่างออดอ้อนประจบประแจง เพื่อหลอกล่อให้ผู้ติดตามตายใจ และเพราะเสน่ห์ของเธอ ที่ทำให้บอดี้การ์ดต้องทำงานพลาดอยู่บ่อยๆ ซ้ำยังถูกกำชับว่าหากใครนำเรื่องที่เธอหนีเที่ยวไปเล่าให้พี่ชายฟัง เธอจะบอกพี่ชายว่าเขาคนนั้นทำไม่ดีกับเธอ ให้พี่ชายลงโทษและไล่ออกจากหน้าที่ซะ
บอดี้การ์ดก็ใจอ่อนหรือคงกลัวจะตกงานมากกว่า จึงไม่ปริปากสาธยายให้คุณชายหยางฟัง นอกจากเป่าปง เขาได้รับมอบหมายให้เล่าเรื่องทุกอย่างที่หยางเหม่ยลี่ทำในแต่ละวันจากหยางโจวหมิง ทำให้พญามังกรดำรู้ว่าน้องสาวของเขากำลังปิดบังบางอย่างไว้
“กินช้าๆ หน่อยก็ได้ ไม่กลัวติดคอตายรึไงเหม่ยลี่”
คุณหนูแห่งตระกูลหยางเงยหน้ายิ้มแหยๆ ให้พี่ชายสุดที่รัก แล้ววางช้อนส้อมลงรวบเข้าหากันบอกว่าอิ่มแล้ว
“เหม่ยลี่อิ่มแล้วค่ะพี่โจวหมิง พอดีวันนี้มีนัดกับครูที่โรงเรียนว่าจะต้องรีบไปทำตารางสอบให้นักเรียน เดี๋ยวไม่ทันเวลาสอบที่จะมาถึงในอีก 1 เดือนข้างหน้า”
เธอเป็นครูสอนหนังสือเด็กมัธยมของโรงเรียนมีชื่อแห่งหนึ่ง หน้าที่การงานนี้เองที่ทำให้พี่ชายพูดไม่ออก เพราะหากให้บอดี้การ์ดสวมสูทครบชุดไปยืนเรียงอยู่ในโรงเรียน เพื่อคุ้มครองคุณครูหยางเหม่ยลี่ จะทำให้น้องสาวของเขากลายเป็นจุดศูนย์กลางของความสนใจ จนแทบจะกลายเป็นตัวประหลาดที่น่าจับตามองก็ได้ ด้วยเหตุนี้ทำให้บอดี้การ์ดเฝ้าอารักขาแต่เพียงรอบนอก แต่โรงเรียนใหญ่และห้องเรียนเยอะแยะ ช่องทางการหนีมีมากมายจนสอดส่องตามองไม่ไหว แม้เป่าปงจะรายงานได้ว่าคุณหนูของตนหายไปตอนกี่โมง นานแค่ไหน และกลับมาเมื่อไหร่ แต่เป่าปงก็ไม่รู้ว่าเธอไปไหนและไปกับใคร
“รีบขนาดนั้นเลยเหรอ ไปเร็วก็ต้องกลับบ้านเร็วสินะ”
ถ้วยชาร้อนๆ ถูกประคองขึ้นจิบเบาๆ เรียวปากบางเฉียบได้รูปสีระเรื่อของหยางโจวหมิง เม้มเข้าหากันเล็กน้อย ก่อนจะยกผ้าขึ้นมาซับปาก ท่าทีถามเรื่อยๆ อย่างไม่ต้องการคำตอบเท่าใดนัก แต่น้องสาวรู้ดีว่าพี่ชายจริงจังกับคำถามนั้นแค่ไหน
“ก็เสร็จเมื่อไหร่ ก็กลับเมื่อนั้นค่ะ”
“พี่จะให้เป่าปงไปเฝ้าหน้าห้องพักครูนะ”
“เอ๊ะ! นี่พี่โจวหมิงไม่ไว้ใจน้องแล้วหรือคะ ทำแบบนั้นจะทำให้เหม่ยลี่ดูเป็นตัวตลกในสายตาของนักเรียนนะคะ” หยางเหม่ยลี่ยอมไม่ได้เด็ดขาด เธอชักสีหน้าใส่คนเป็นพี่ทันควัน
“เหม่ยลี่ พี่มีเหตุผลนะ พี่รู้มาว่าเรามักจะหายหน้าไปนานๆ ไม่รู้ว่าไปไหนหลายชั่วโมงบ่อยๆ”
“แล้วไงคะ เหม่ยลี่เบื่อที่พี่โจวหมิงทำเหมือนน้องคนนี้เป็นนักโทษ น้องอยากมีอิสระบ้างจึงต้องแอบแว่บบ่อยๆ แต่เหม่ยลี่ก็กลับบ้านทุกวันนะคะ”
“พี่เป็นห่วง”
“เป็นห่วงจนถึงต้องให้เป่าปงไปเฝ้านักโทษหน้าห้องขังเลยรึไงคะ พี่โจวหมิงใจร้ายมาก แค่นี้เหม่ยลี่ก็ถูกครูบางคนและบรรดานักเรียนไม่อยากคุยด้วยแล้ว เพราะเขากลัวว่าถ้าทำอะไรผิด พี่ชายของน้องจะทำร้ายเขาเข้าให้ น้องเป็นคนนะคะไม่ใช่สัตว์หรือนักโทษของพี่”
หยางโจวหมิงถอนใจยาว เขารักน้องและตามใจน้องเสมอ ทุกอย่างที่หยางเหม่ยลี่อยากได้เขาจะหามาให้ไม่เกี่ยง ยกเว้นแต่...อิสระที่เธอต้องการ มันมากเกินกว่าที่เขาจะมอบให้ได้ ความเจ็บปวดจากการสูญเสียบิดาและมารดายังติดตรึงอยู่ในใจของพญามังกรดำเสมอ ทั้งหลับและตื่น เขาจะมองเห็นภาพในอดีตได้ชัดเจน เขาจึงคิดว่าป้องกันไว้ดีกว่าแก้ ไม่ให้น้องต้องพานพบกับเหตุการณ์เช่นนั้นอีกคน จนนึกว่าบางทีที่ทำมันเกินไปหรือเปล่า
“อย่าเข้าใจพี่ผิดแบบนั้น ถ้าพี่ไม่รัก ไม่ห่วง พี่คงปล่อยให้เหม่ยลี่ทำทุกอย่างที่อยากทำ โดยไม่สนใจว่าจะดีหรือเปล่า”
“งั้น...” หยางเหม่ยลี่สาวเท้าเร็วๆ อ้อมโต๊ะไปออดอ้อนพี่ชาย “ขอให้เหม่ยลี่ได้เป็นอย่างเดิมนะคะ น้องขอแค่นี้และพี่ชายก็เคยให้ได้มาตลอด นะคะ”
“แล้วถ้าเกิดอันตรายขึ้นกับเราล่ะ ใครจะรับผิดชอบ”
“เหม่ยลี่สัญญาค่ะ ว่าจะดูแลตัวเอง แม้แต่มดสักตัว น้อยคนนี้ก็จะไม่ยอมให้ไต่ให้ตอมตัวเองเลย ถ้าเกิดอะไรขึ้น เหม่ยลี่จะรับผิดชอบตัวเองค่ะ พี่โจวหมิงต้องไว้ใจเหม่ยลี่นะคะ”
“ก็ได้ แต่ถ้าเหม่ยลี่ทำไม่ได้อย่างที่พูด พี่คงจะต้องให้เหม่ยลี่ออกจากการเป็นครู พี่จะไม่ยอมให้เกิดอันตรายใดๆ กับเหม่ยลี่เหมือนที่พ่อกับแม่เจอ” หยางโจวหมิงบอกเสียงเข้ม ทั้งเสียงและดวงตาฉายชัดว่าเขาพูดจริงทำจริง
“ค่ะพี่โจวหมิง”
คำตอบรับคล้ายยินยอมเชื่อฟังคำพี่ทุกอย่างไม่ได้ทำให้หยางโจวหมิงเบาใจขึ้นสักนิด เช่นเดียวกับหยางเหม่ยลี่ที่กำลังครุ่นคิดอย่างเงียบๆ
ร่างสูงเพรียวของธัชชัย อัคราบริรักษ์ นั่งกระสับกระส่ายอยู่ในรถคันเก่าๆ คร่ำครึคันหนึ่ง ไม่ใช่ว่าเขาไม่มีปัญญาขับรถใหม่กว่านี้ แต่เพราะจำเป็นต้องใช้รถคันนี้เพื่อมารอคอยใครบางคนอยู่ในสถานที่นัดพบ ไม่นานนักก็เห็นร่างโปร่งบางของหยางเหม่ยลี่กึ่งวิ่งกึ่งเดินเข้ามาหา เธอเปิดประตูรถของคนรักแล้วสอดตัวเข้าไปอยู่ทางเบาะหลัง แต่ไม่ได้นั่งบนเบาะอย่างที่ควร เธอย่อตัวลงให้เตี้ยที่สุด ซุกตัวอยู่กับพื้นรถแล้วบอกคนรักเสียงระรัว
“คุณธัชออกรถเดี๋ยวนี้”
ธัชชัยไม่ถาม เขาเหยียบคันเร่งพุ่งรถไปข้างหน้า สายตาสอดส่องผ่านกระจกมองหลังและมองข้างทั้งซ้ายขวา เมื่อไม่เห็นว่ามีใครตามมาจึงเอ่ยขึ้น
“มีอะไรรึเปล่าที่รัก”
“เราต้องไปให้พ้นจากเกาะฮ่องกง เหม่ยลี่เอาพาสปอร์ตมาแล้ว คุณธัชล่ะเตรียมมาด้วยหรือเปล่า”
“ผมพกติดกระเป๋าเสมอ เกิดอะไรขึ้น หรือว่า...”
“พี่โจวหมิงกำลังสงสัยในตัวเหม่ยลี่ ถ้าเขารู้ว่าเราแอบคบกันล่ะก็ เขาจะให้เหม่ยลี่ออกจากการเป็นครู และต้องอยู่ในบ้านตลอดเวลา” เธอหยัดตัวขึ้นนั่งบนเบาะ เมื่อแน่ใจว่าไม่มีใครตามมาแน่ๆ “ฉะนั้นถ้าคุณรักเหม่ยลี่จริง คุณต้องพาเหม่ยลี่หนี”
ธัชชัยเป่าลมหายใจออกจากปาก เขาบอกไม่ถูกว่าจะทำอย่างที่เธอว่าดีไหม ไม่ใช่เพราะไม่รักเธอ แต่เขายังไม่แน่ใจเลยต่างหากว่ารู้สึกยังไงกับน้องสาวมาเฟียคนนี้
ใช่...เขาพอใจเธอ รักในเรือนร่างและความเร่าร้อนของเธอ ที่สำคัญเขารู้สึกกระหยิ่มยิ้มย่องอยู่ในใจ ที่ได้ลอบกัดศัตรูของอัคราบริรักษ์ได้ การทำให้พญามังกรดำรู้สึกกระอักเลือดเป็นสิ่งที่ธัชชัยคาดหวัง แม้ในอดีตเขาจะไม่ได้เห็นภาพของแม่ก่อนท่านจะสิ้นลม แต่การเล่าขานปากต่อปาก ว่าหยางเฟ่ยหลงเป็นชู้กับแม่ของเขา ทั้งคู่อยู่ในอ้อมกอดของกันและกันก่อนตาย ทำให้เขาไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนจนปัจจุบัน
“ทำไมถึงคิดนานคะ หรือคุณไม่ได้รักเหม่ยลี่จริง”
“เปล่าครับ ผมรักเหม่ยลี่มากแค่ไหน คุณน่าจะรู้ ผมจะพาคุณหนี แต่คุณแน่ใจนะว่าเราจะออกไปจากเกาะฮ่องกงได้ โดยที่พี่ชายคุณไม่ตามมาเจอซะก่อน คุณก็รู้ว่าถ้าเป็นแบบนั้น พี่ชายคุณคงไม่เอาผมไว้แน่”
เพราะอดีตฝังใจ ธัชชัยจึงแน่ใจเป็นอย่างยิ่งว่าหยางโจวหมิงจะต้องกำจัดเขาออกไปจากชีวิตของหยางเหม่ยลี่
“ฉันรู้ค่ะ และฉันก็มีวิธีที่เราจะออกไปจากเกาะฮ่องกงแล้ว”
“ถ้างั้น คุณจะให้ผมพาไปที่ไหนบอกมา”
“ท่าเรือค่ะ เราจะโดยสารไปกับตู้คอนเทนเนอร์ที่จะไปไทย”
“เยี่ยมมากที่รัก คุณนี่สมกับเป็นน้องสาวพญามังกรดำจริงๆ ฮ่ะ ฮ่ะ ฮ่ะ” ธัชชัยหัวเราะลั่นอย่างพอใจ นึกถึงสีหน้าของหยางโจวหมิงเวลาที่รู้ว่าน้องสาวหนีหายไปจากฮ่องกงแล้ว ครึ้มอกครึ้มใจเป็นที่สุด คราวนี้พญามังกรดำผู้ร้ายกาจจะต้องกระอักเลือดจนจุกอกเป็นแน่
“ผมรักคุณนะเหม่ยลี่” เขาย้ำคำว่ารักเพื่อให้เธอยิ่งหลงใหลในตัวเขามากขึ้นไปอีก หยางเหม่ยลี่จะเป็นเพียงหมากตัวหนึ่งที่อัคราบริรักษ์จะเอาคืนคนของตระกูลหยางให้บ้าง
“เหม่ยลี่ก็รักคุณค่ะ รักที่สุด”
“ปัง!!!” เสียงตบโต๊ะดังสนั่นราวกับเสียงฟ้าฟาดลงกลางห้องทำงานของหยางโจวหมิง บนชั้นสูงสุดของบริษัทนำเข้าและส่งออกระหว่างประเทศของตระกูลหยาง
“ทำไมพวกแกถึงปล่อยให้เหม่ยลี่หนีไปได้ อีแค่ผู้หญิงตัวเล็กๆ เพียงคนเดียว พวกแกยังดูแลกันไม่ได้ แล้วต่อไปฉันจะไว้ใจให้พวกแกทำอะไรได้อีกฮะ”
“พวกเราคิดว่าคุณหนูหยางจะกลับมาหา เหมือนที่เคยทำครับคุณชาย แต่ไม่คิดว่าเธอจะไปแล้วไปลับแบบนี้”
“ผัวะ!!!” หมัดไม่มีรูชกเข้าที่ใบหน้าของเป่าปง จนร่างหนาถึงกับเซไปหลายก้าว “ฉันไม่น่าจะไว้ใจแกเลยจริงๆ ไอ้เป่าปง ทำงานไม่ได้เรื่อง น่าจะกระทืบซ้ำให้หายเจ็บใจนัก” ว่าแล้วก็ยกขาขึ้นสูงเตรียมจะทำอย่างที่กล่าว เป็นเหตุให้เป่าปงยกมือห้ามหันหน้าหนีแล้วหลับตาปี๋
“โอ๊ะ!!!”
“คุณชายหยาง ผมได้ข่าวของคุณหนูแล้วครับ” เหมือนระฆังช่วยชีวิตเป่าปง ฉีอู่วิ่งกระหืดกระหอบเข้ามาบอกข่าวที่เขาไปสืบมาจนได้ความ
“ว่าไง ถ้าแกบอกเรื่องที่ไม่ถูกใจฉันล่ะก็ ฉันจะเอาเลือดแกมาล้างเท้า”คุณชายหยางตวัดนิ้วฉับไปชี้หน้าฉีอู่ ดวงตาวาวโรจน์ สีหน้าแดงก่ำ หากมองให้ดีบางทีจะเห็นควันออกมาจากหูเพราะความโกรธ
“อะ...เอ่อ...ตะ...ตอนนี้คุณหนูหยางอยู่ที่...” ฉีอู่หยั่งความคิดว่าควรจะบอกสถานที่อยู่ของหยางเหม่ยลี่หรือไม่ หากบอกไปแล้วคงต้องวุ่นวายกันน่าดูชม พญามังกรดำคงต้องเผ่นออกจากฮ่องกงแล้วไปกระทืบไอ้คนที่กล้ากระตุกหนวดมังกรใหญ่
“ที่ไหน บอก!!!” เสียงตะคอกดังลั่น เล่นเอาทุกคนที่อยู่ในห้องทำงานใหญ่และพนักงานที่นั่งทำงานอยู่ด้านนอกถึงกับสะดุ้งโหยง รู้สึกว่าอากาศลดน้อยลงจนแทบจะหายใจไม่ออก
“ประ...ประเทศไทยครับ”
“ประเทศไทย!!! เหม่ยลี่ไปทำไมที่นั่น หรือว่า...มีคนลักพาตัวเหม่ยลี่ไป”
“ทะ...เท่าที่ให้คนไปสืบตามท่าเรือทุกแห่ง มีคนเห็นคุณหนูหยางแอบเข้าไปอยู่ในตู้คอนเทนเนอร์ของเหอชุนเกียง แต่เธอไม่ได้ไปคนเดียวนะครับ ยังมีผู้ชายอีกคนไปกับเธอด้วย ผมไปถามเหอชุนเกียงเองถึงได้รู้ว่า คุณหนูหยางให้ค่าปิดปากเป็นเงินหลายหมื่นเหรียญ แลกกับการที่เธอขอโดยสารไปกับตู้คอนเทนเนอร์ที่ต้องข้ามทะเลไปยังฝั่งอ่าวไทย เธอยังบอกเหอชุนเกียงอีกด้วยว่า ถ้ามีคนตามเธอไป เธอจะไม่กลับฮ่องกงอีกชั่วชีวิต”
“บัดซบ!!! เหม่ยลี่หนีตามผู้ชายไปงั้นเรอะ แล้วแกรู้มั้ยว่าผู้ชายคนนั้นเป็นใคร”
“นี่ครับ ผมให้คนเสก็ตภาพของผู้ชายคนนั้นตามที่เหอชุนเกียงบอก”
หยางโจวหมิงรับภาพเสก็ตของผู้ชายคนนั้นจากฉีอู่ มือใหญ่สั่นเล็กน้อยแล้วเกือบขยำทิ้ง หากไม่เปลี่ยนความคิดส่งให้เป่าปงแทน
“ฉันจะให้โอกาสแก ไปหามาให้ได้ว่าไอ้ผู้ชายในรูปนี่ มันเป็นใคร และอยู่ที่ไหนของประเทศไทย ฉันจะไปตามเหม่ยลี่กลับฮ่องกง”
ประเทศไทย
สรวงสุดาลุกนั่งกระสับกระส่ายอยู่บนโซฟาภายในห้องโถง กระวนกระวายหาทางที่จะได้ทุกอย่างที่เป็นของอัคราบริรักษ์ พลันนึกไปถึงสรัญรัตน์บุตรสาวสายเลือดของอัคราบริรักษ์คนหนึ่ง เธอเป็นโซ่ทองคล้องใจให้นายอรรถวัฒน์ไม่ผลักไสไล่ส่งมารดาออกไปจากบ้านอัคราบริรักษ์
ย้อนกลับไปเมื่อครั้งอดีต ก่อนที่ทิพวรรณจะเสียชีวิต สรวงสุดายังเป็นพี่เลี้ยงเด็กให้ธัชชัยและเป็นคนรับใช้คนหนึ่งเท่านั้น แต่เพราะความทะเยอทะยานมักใหญ่ใฝ่สูง เมื่อไม่มีทิพวรรณแล้ว สรวงสุดาจึงหาวิธีที่จะเป็นคุณนายตระกูลใหญ่นี้ ด้วยการใช้เวลาที่นายอรรถวัฒน์กำลังเศร้าต่อการจากไปของทิพวรรณ โดยทิ้งลูกน้อยธัชชัยไว้ให้ดูต่างหน้า สรวงสุดาทำการอ่อยเหยื่อให้คนเมาควบคุมตัวเองไม่อยู่ติดกับดัก แล้วเธอก็แกล้งร่ำไห้ราวกับเสียอกเสียใจหนักหนา หนำซ้ำยังใส่ร้ายป้ายสีคนที่ตายไปแล้วว่าหนีไปคบชู้สู่ชายจนเกิดเรื่องเศร้า ขณะสิ้นลมยังอยู่ในอ้อมแขนของชู้มาเฟีย และบอกให้นายอรรถวัฒน์ทำใจ เปิดใจยอมรับเมียคนที่สองอย่างเธอบ้าง
ด้านนายอรรถวัฒน์ด้วยความเป็นสุภาพบุรุษ เขาจำใจต้องรับผิดชอบเธอ แม้จะไม่ยอมจดทะเบียนสมรสแต่ก็ให้เธอขึ้นมาอยู่ชั้นบนในฐานะคุณนายอัคราบริรักษ์คนใหม่ เขารับผิดชอบแต่ไม่เคยมีความรักให้สรวงสุดาแม้แต่น้อย จนเวลาผ่านไป 8 ปี ผู้หญิงที่กำลังหมดหวังอย่างสรวงสุดาก็สมหวัง เมื่อเธอตั้งท้องลูกสาวคนแรก จากที่นายอรรถวัฒน์ไม่ได้มาดูดำดูดีมากไปกว่าการเลื่อนขั้นมาเป็นคุณนายอัคราบริรักษ์ ก็เปลี่ยนมาเป็นการเอาใจใส่เมียที่ไม่รัก เพื่อรักษาลูกในท้องมอบความรักและเอาใจใส่ตั้งแต่อยู่ในท้อง อะไรที่คิดว่าเหมาะกับคนตั้งครรภ์ นายอรรถวัฒน์จะเหมาซื้อมาบำรุงสรวงสุดาทั้งสิ้น
จนปัจจุบัน สรัญรัตน์ อัคราบริรักษ์ เติบโตเป็นสาวสวยสะพรั่ง เธออายุ 22 ปี มีคุณสมบัติครบถ้วนอย่างที่บิดาอยากให้เป็น ทั้งเรียนดี กีฬาเด่น กิริยามารยาทเรียบร้อย เก่งการบ้านการเรือน บิดาอยากให้เธอมาช่วยงานที่บริษัท อัครา (กรุ๊ป) จำกัด แต่สาวน้อยแสนสวยยังประวิงเวลาเพราะเพิ่งจบใหม่ ก็เลยอยากท่องเที่ยวกับเพื่อนๆ ให้หนำใจสักระยะ ผู้เป็นบิดาซึ่งรักลูกยิ่งกว่าอะไรทั้งสิ้น ก็ไม่ขัดใจและให้เวลาเธอได้มีอิสระอย่างเต็มที่
“คุณแม่ขา นั่งคิดอะไรอยู่คะ” เสียงหวานใสดังมาแต่ไกล พร้อมร่างระหงสวยสดใสในชุดเดรสลายดอกน่ารักน่าใคร่ไปทั้งตัว สวมกอดคนเป็นแม่อย่างแสนรัก
“จะไปไหนอีกล่ะตันหยง เอาแต่เที่ยวเล่นแบบนี้ เมื่อไหร่จะเข้าไปช่วยงานคุณพ่อเสียที”
“หนูบอกคุณพ่อแล้วนะคะว่าขอเวลาอีกสักระยะ คุณพ่อก็ใจดี๊ใจดีอนุญาตให้หนูไปเที่ยวได้ตามใจชอบ ก่อนที่หนูจะเข้าไปช่วยงานคุณพ่อจริงๆ จังๆ”
“เดี๋ยวนายธัชก็แย่งทุกอย่างไปจากแกหรอกตันหยง อ้อ...ฉันลืมบอกแกไป คุณมนธชัยลูกของคุณยศพล ตันติการุณ เขาอยากจะขอนัดแกไปทานข้าวสักมื้อ เมื่อวันก่อนแม่เจอทั้งพ่อทั้งลูก เขาก็เลยขออนุญาตแม่แล้ว และฉันก็ตกปากรับคำเขาแล้ว พรุ่งนี้เย็นแกแต่งตัวรอไว้แล้วกัน เอาให้สวยที่สุดที่คิดว่าจะทำได้เลยนะ คุณมนธชัยจะมารับแกไปดินเนอร์”
สรัญรัตน์หน้าจ๋อยลงไปถนัดตา กี่ครั้งแล้วที่เธอถูกมารดาเจ้ากี้เจ้าการนัดหมายให้พบกับชายหนุ่ม กี่ครั้งที่เธอต้องแต่งตัวสวยๆ เพื่อจะออกไปทานข้าว ดูหนัง หรือแม้แต่ฟังเพลงกับผู้ชายที่มารดาคิดว่าเหมาะสม แต่เธอโชคดีที่เขาเหล่านั้นเป็นสุภาพบุรุษ แม้บางคนจะมีท่าทางกระลิ้มกระเหลี่ยให้เธอต้องหายใจไม่ทั่วท้อง แต่เขาก็ไม่เคยฉกฉวยโอกาสจากเธอเลยสักครั้ง นั่นถือเป็นโชคดีของเธอ
สำหรับมนธชัย ตันติการุณ ลูกชายเสี่ยใหญ่เจ้าของร้านทองหลายสาขาในกรุงเทพฯ สรัญรัตน์เคยพบกับเขาอยู่ 2 ครั้ง แต่ไม่เคยที่จะไปไหนมาไหนด้วยกันสักครั้ง ชายหนุ่มหน้าตาดี ผิวขาว ร่างสูงเพรียวดูเป็นสุภาพบุรุษ ทุกครั้งที่ได้เจอ เธอจะเห็นรอยยิ้มน้อยๆ บนใบหน้าออกตี๋ของเขาเสมอ
“อย่าทำหน้าเซ็งกะตายอย่างนี้น่ะตันหยง แกจะต้องมีผัวรวย เพราะอีกหน่อยพ่อแกจะเฉดหัวเราออกจากบ้านหลังนี้เมื่อไหร่ไม่รู้ ถ้ามีแต่ตัว เราจะไปอยู่ที่ไหนกัน”
“คุณแม่คะ คุณพ่อไม่มีทางทำอย่างนั้นกับเราหรอกค่ะ คุณพ่อรักตันหยง”
“แต่เขาไม่รักฉัน! รู้อะไรมั้ย ที่ฉันต้องทนอยู่กับคนที่ไม่รักเพราะอะไร ก็เพราะแกไง เพราะฉันไม่อยากเห็นแกลำบาก” สรวงสุดาทำเป็นโยงไยมาให้บุตรสาว ทั้งที่ก็รู้ว่านายอรรถวัฒน์รักบุตรสาวเพียงคนเดียวคนนี้มากแค่ไหน แต่รักลูก ไม่ได้รักแม่ของลูกนี่นา ตั้งแต่มีสรัญรัตน์ เขาก็ไม่เคยย่างกรายเข้ามาหาเธอในห้องนอนอีกเลย มีบางครั้งที่เธอเป็นฝ่ายเข้าไปหาเขา ทำเป็นประจบประแจงบีบนวด และบางครั้งเท่านั้นที่เขาจะหลงกลมีความสัมพันธ์กับเธอ
“หนูเข้าใจคุณแม่ค่ะ หนูเป็นลูกก็ต้องเชื่อฟังและทำตามความต้องการของคุณแม่ อย่ากังวลเลยค่ะ ถึงยังไงหนูก็ปล่อยให้คุณแม่ลำบากแน่”
“ดี ถ้าแกทำให้คุณพ่อหลงรักมากกว่านี้ไม่ได้ แกก็ต้องทำให้มนธชัยหลงเสน่ห์แกให้ได้”
‘เท่านี้ยังไม่พออีกหรือคะ’
เธออยากร้องถามมารดาถึงปริมาณความรักที่บิดามอบให้เธอ เพราะเธอแน่ใจว่าบิดารักเธอมากกว่าที่มารดาคิดไว้
สรัญรัตน์ผละจากมารดาแล้วเดินออกจากบ้านไป วันนี้เธอนัดเพื่อนๆ ไปกินเลี้ยงวันเกิดของเพื่อนคนหนึ่งในกลุ่ม เพื่อให้สนุกกันเต็มที่เช่นเดิม เธอจะต้องข่มความน้อยอกน้อยใจจากมารดาเอาไว้ แล้วปั้นยิ้มบนใบหน้าให้แลเห็นว่ามีความสุขทั้งกายใจเหมือนเคย
“ว่าไงนะ ธัชชัย อัคราบริรักษ์ คือผู้ชายคนที่เหม่ยลี่หนีตามไปงั้นเหรอ”
หยางโจวหมิงสปริงตัวลุกขึ้นยืนเท้าสะเอวถามเป่าปง สายตาดุดันจ้องหน้าลูกน้องราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ มือใหญ่กำแน่นจนเส้นเอ็นขึ้นบนหลังมือ
“ครับคุณชายหยาง มันเป็นลูกชายคนโตของตระกูลอัคราบริรักษ์ครับ”
“บัดซบเอ๊ย!!!” พญามังกรดำกวาดมือปัดข้าวของที่วางอยู่บนโต๊ะทำงานลงพื้น แล้วทุบโต๊ะซ้ำดัง “ปัง!!!” ดวงตาและใบหน้าคมเข้มแบบคนเอเซียเปลี่ยนเป็นเขียวจัด
“พวกมันกล้าทำแบบนี้เลยเรอะ มันกล้าเหยียบย่ำศักดิ์ศรีของตระกูลหยางขนาดนี้เชียวเหรอ มันจะหยามกันมากเกินไปแล้ว!!!”
“คุณชายครับ จะจัดการกับพวกมันเลยมั้ยครับ”
“แล้วแกคิดว่าฉันจะเก็บพวกมันไว้ทำซากอะไรฉีอู่”
ฉีอู่หลบปลายเท้าที่สะบัดใส่ได้อย่างเฉียดฉิว
“เอ่อ...คุณหนูบอกว่า ถ้าใครไปตาม เธอจะไม่กลับมาเหยียบฮ่องกงอีกนะครับ”
“พลั่ก!!!” ปลายรองเท้ามันปลาบเสยเข้าใส่ใบหน้าของเป่าปง เรียกเลือดให้กระเซ็นออกมาจากมุมปากเพราะปลายเท้าทั้งหนักและแรงนั้นทันที
“โอ๊ย!”
“แกจะเชื่อฟังเหม่ยลี่หรือเชื่อฟังฉันมากกว่าไอ้เป่าปง”
“ไม่เห็นจะต้องถามเลยนี่ครับ” เป่าปงบอกเสียงอ่อย ครางหงิงต่อเล็กน้อย “อูย...ก็ต้องเชื่อฟังคำสั่งของคุณชายมากกว่าสิครับ”
“แล้วแกจะพูดหาสวรรค์อะไร ไปเตรียมตัว เราจะข้ามฝั่งไปเมืองไทยกัน”
“ครับ” ทุกคนในที่นั้นรับคำพร้อมกัน แล้วแยกย้ายกันไปเตรียมพร้อมในทุกอย่างที่ควรมีติดตัวสำหรับการเดินทางไปล้างแค้นคราวนี้
“เดี๋ยวฉีอู่” หยางโจวหมิงร้องเรียกฉีอู่ไว้ก่อน
“ครับคุณชาย”
“แกบอกว่าไอ้ธัชชัยเป็นลูกชายคนโตของนายอรรถวัฒน์ แสดงว่านายอรรถวัฒน์ยังมีลูกอีกงั้นเหรอ”
“ครับ เป็นลูกสาว ชื่อสรัญรัตน์ อัคราบริรักษ์”
เพราะยุ่งกับธุรกิจพันล้าน จึงไม่มีเวลาสนใจกับเรื่องของศัตรู ยิ่งไม่ได้เกี่ยวข้องกันในเชิงธุรกิจด้วยแล้ว ยิ่งทำให้หยางโจวหมิงลืมให้ความสนใจศัตรูของตระกูลหยาง
“ไอ้ธัชชัยเป็นลูกชายของนายอรรถวัฒน์ ฉันยังพอจำได้ แต่ลูกสาวของนายอรรถวัฒน์ ทำไมฉันถึงไม่คลับคล้ายคลับคลามาก่อน”
“เธอเป็นลูกที่เกิดจากเมียคนที่สองของนายอรรถวัฒน์ครับ เรื่องของเธอ ไม่ค่อยมีข้อมูลเท่าไหร่ ดูเหมือนว่าเมียคนนี้ของนายอรรถวัฒน์จะเป็นเมียจำใจมากกว่าพอใจครับ”
“อืม...เอาไว้ไปถึงเมืองไทย ฉันคงมีข้อมูลมากกว่านี้ ไปเตรียมตัวเถอะ”
หลังจากไล่ฉีอู่ออกไปจากห้อง หยางโจวหมิงก็นึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในอดีต ภาพงานวันเกิดของมารดาและทิพวรรณ ก่อนที่เขาจะสูญเสียมารดาไปในวันเดียวกันนั้นผุดขึ้นในหัว จริงอยู่ที่เขาเห็นเพียงตอนที่มารดาเข้าห้องไอซียู และบิดาที่หมดสติไปหลายวัน แต่เขาจดจำได้ถึงความเจ็บปวดและการที่บิดายัดเยียดความเกลียดชังใส่หัวตั้งแต่อายุได้ 4 ขวบ ตอนนั้นเขาไม่เข้าใจในสิ่งที่บิดาพร่ำบอก จนกระทั่ง...วันที่เขายืนอยู่หน้าหลุมฝังศพของบิดา
ภาพข่าวการตายของหยางเฟ่ยหลงโดยมีนางทิพวรรณอยู่ในอ้อมแขน ทั้งคู่เหมือนคนที่กอดกันจนข่าวประณามความสัมพันธ์ของคนทั้งคู่ แต่โจวหมิงกลับไม่คิดว่าภาพนั้นจะเกิดขึ้นเพราะความรัก เขามั่นใจว่าบิดาเกลียดทุกคนที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการจากไปของมารดา ไม่มีใครที่เป็นข้อยกเว้น
มือปืนที่ยิงบิดาและนางทิพวรรณจนเสียชีวิต หายเข้ากลีบเมฆ ในขณะนั้นเขายังเด็กเกินกว่าจะดำเนินเรื่องทุกอย่างด้วยตัวเอง
มาบัดนี้ เขาไม่จำเป็นต้องตามหามือปืนนั้นแล้ว เพราะเขากำลังตามล้างแค้นไอ้คนจ้างวาน พวกอัคราบริรักษ์เป็นศัตรูหมายเลข 1 ไม่ว่าเพราะเหตุใดพวกมันถึงได้ฆ่านางทิพวรรณด้วยนั้นเขาไม่สน ที่เขาสนก็คือ พวกมันกำลังแย่งทุกอย่างไปจากเขา ทั้งพ่อ แม่ และน้องสาว เขาจะไม่ยอมให้มันแย่งเหม่ยลี่ไปได้สำเร็จ
แค้นนี้ต้องชำระ!!!
“โจวหมิง” เสียงนุ่มของแม่นมเทียนอี้เฟย คนที่เลี้ยงดูเขาแทนบิดาและมารดาดังขึ้น
“มีอะไรครับ น้าอี้เฟย”
“จะไปเมืองไทยเหรอ”
“ผมจะไปตามเหม่ยลี่กลับบ้าน”
“แค่ตามเฉยๆ รึเปล่า”
โจวหมิงสบตาเทียนอี้เฟย แววตาของเขาทอแสงอ่อนโยนลง เขารวบร่างบางของแม่นมในวัย 55 ปี เข้ามากอด
“ผมขอโทษนะครับ ที่ไม่สามารถทำอย่างที่น้าอี้เฟยต้องการ”
พญามังกรดำรู้ดีว่าแม่นมของเขาต้องการให้เขาหยุดยั้งความโกรธแค้นในอดีต นี่เป็นอีกสาเหตุที่ทำให้เขาเพิกเฉยต่อศัตรูมาตลอด
“น้าเป็นห่วงโจวหมิงและเหม่ยลี่”
“ไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ ผมสัญญาว่าจะดูแลตัวเองเป็นอย่างดี และจะพาเหม่ยลี่กลับมาอย่างปลอดภัย”
หยางโจวหมิงบอกราวกับให้คำสัญญาต่อแม่นมเทียนอี้เฟย แล้วเดินจากไปเงียบๆ
