บทที่ 4 การอยู่ร่วมกัน
คืนแรกที่กุสุมาอยู่ร่วมห้องกับชารุกอย่างเป็นทางการ หญิงสาวถึงกับทำตัวไม่ถูก รู้อยู่ว่าเขาซื้อตัวเธอมาก็จริงแต่ว่าเขาก็มีข้อแลกเปลี่ยนให้เธอทำเพื่อเป็นการตอบแทน ดังนั้นเรื่องบนเตียงเขาควรจะพิจารณามันใหม่
หลังจากที่เขาอาบน้ำเสร็จก็เข้ามานอนข้างเธอ กุสุมาตัวสั่นเทาเล็กน้อยกลัวว่าเขาจะทำอะไร แต่ว่าชารุกก็ไม่ได้แตะต้องตัวเธอเลย หญิงสาวจึงไม่ได้ถามเขาถึงเรื่องนั้น เพราะเกรงว่ามันจะกลายเป็นการชี้โพรงให้กระรอกเสียเปล่าๆ
ในตอนกลางดึกที่เธอกำลังหลับอยู่มือของเขาก็มาพาดกอดเธอเอาไว้พร้อมกับดึงไปก่ายกอดราวกับเธอเป็นหมอนข้างของเขาอย่างไรอย่างนั้น ตอนแรกกุสุมาก็นอนตัวเกร็งแต่พอรู้ว่าเขาหลับอยู่เธอจึงค่อยๆ คลายตัวลงแล้วนอนหลับไปในอ้อมแขนนั้น
ชารุกรู้สึกตัวในตอนกลางดึกพบว่าตัวเองกำลังกอดเธออยู่ เขาก็ยิ้มขึ้นมาเล็กน้อยตามประสาผู้ชาย กลิ่นกายของหญิงสาวทำให้เขารู้สึกได้ถึงการตื่นตัวแต่ก็ต้องระงับเอาไว้ ไม่อยากทำอะไรเธอในช่วงนี้
จริงอยู่ว่าเขาบอกกับเธอไปว่าเขาซื้อตัวเธอมาแล้วก็ต้องเก็บเกี่ยวความสุขให้คุ้มค่า แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าสุภาพบุรุษอย่างเขาจะบังคับฝืนใจเธอ แม้เขาจะมีสิทธิ์อย่างเต็มที่ก็ตามแต่ถ้ามันไม่ได้เกิดจากความเต็มใจเขาก็ไม่อยากเอาเปรียบใคร
สำหรับเขาแล้วการสมยอมมันสร้างความสุขให้มากกว่า ส่วนในครั้งแรกที่เขาเผลอทำมันลงไปก็เพียงคิดว่ามันเป็นแค่ลูกไม้ที่ใช้เอาใจให้เขาตื่นเต้นเท่านั้น
ชารุกจึงคิดว่าการที่เขาให้เธอมาอยู่ในห้องด้วยกัน นอกจากจะทำให้คนในบ้านเชื่อว่าเธอเป็นผู้หญิงของเขาจริงๆ แล้ว มันยังจะเป็นการทำให้หญิงสาวรู้สึกคุ้นเคยกับเขา และในสักวันหนึ่งเธอจะยินยอมพร้อมใจด้วยตัวเอง
ถึงจะเป็นการยินยอมในฐานะนางบำเรอก็ตาม เพราะเขาเองก็ไม่คิดว่าจะรักหญิงสาวที่ไม่มีหัวนอนปลายเท้าอย่างเธอได้
แต่นั่นมันก็แค่สิ่งที่เขาบอกกับตนเองในตอนนี้ หัวใจก็เป็นเพียงก้อนเนื้อบางๆ ก้อนหนึ่งเท่านั้น ใครจะไปรู้เล่าว่าในอนาคตคนสองคนอาจจะเกิดความรู้สึกที่ดีต่อกันก็เป็นได้
**********************
ในตอนเช้ากุสุมารู้สึกได้ถึงความแข็งแกร่งที่สัมผัสอยู่ตรงสะโพกของเธอ หญิงสาวลืมตาเบิกโพลงอยู่อย่างนั้นด้วยความตกใจเมื่อนึกได้ว่าตอนนี้ชารุกนอนกอดตนเองอยู่จากด้านหลัง
เธอหยิบมือของเขาออกอย่างเบามือ แต่ทำให้ชารุกตื่นขึ้นแล้วเขาก็หอมแก้มเธอเต็มฟอด
“ตื่นนอนได้แล้วค่ะ เช้าแล้ว” เธอบอกเสียงเบา
“คุณไปอาบน้ำก่อนผมก็ได้” เขาให้เธอเข้าไปใช้ห้องน้ำก่อนทำให้สาวรู้สึกเขินนิดหน่อย
เธอลุกไปคว้าชุดคุมอาบน้ำกับผ้าเช็ดตัวเข้าไปในห้องน้ำ มองตัวเองในกระจกแล้วเอามือกุมหน้าตัวเองไว้
‘นี่เราไม่ได้ฝันไปใช่ไหม เราหลุดออกมาจากขุมนรกนั้นแล้ว และตอนนี้เราก็อยู่บ้านหลังใหญ่กับผู้ชายหล่อรวยคนหนึ่ง ให้ตายสิ’ กุสุมานึกในใจด้วยความรู้สึกตื่นเต้นและดีใจ แม้อยู่ในฐานะคนรักหลอกๆ หรือนางบำเรอลับๆ แต่มันก็สุขสบายและไม่ต้องทนทรมานเหมือนอยากตอนที่อยู่ที่คลับอีกแล้ว
และชารุกก็ดูเหมือนจะเป็นสุภาพบุรุษพอสมควร ถึงเขาจะมือไวตามประสาผู้ชาย ชอบแตะนิดหอมหน่อยยามีโอกาส แต่เขาก็ไม่ได้ล่วงเกินถึงขั้นนั้นทั้งๆ ที่เขาก็ย้ำเสมอว่าเขามีสิทธิ์ในตัวเธอ สิ่งนี้มันทำให้เธอรู้สึกประทับใจมาก
เธอลงไปทานอาหารเช้าร่วมกับชารุกที่ห้องทานอาหาร โชคดีที่อาหารไม่ได้หรูหราอย่างที่เธอจินตนาการที่ต้องใช้มีดใช้ส้อมอะไรทำนองนั้น มันเป็นข้าวต้มธรรมดาที่ไม่ธรรมดาเพราะใส่กุ้งตัวโตจนคับถ้วยเลยทีเดียว
ชารุกมองกุสุมาที่ทานอาหารตรงหน้าอย่างเอร็ดอร่อย ตัวเธอผอมบางมาก ตอนที่เขาเจอคิดว่าเธอแค่รักษารูปร่างเพราะทำงานบริการแต่ไม่ใช่เลยสักนิด เธอถูกทารุณอยู่ในนั้น หากเขาไม่ช่วยออกมาป่านนี้ไม่รู้ว่าหญิงสาวจะเป็นอย่างไรบ้าง
หลังจากทานอาหารเสร็จเขาก็เรียกให้สาวใช้มารับคำสั่งจากเขา
“วันนี้คุณแก้วจะอยู่ที่นี่ทั้งวันไม่ได้ตามผมไป รบกวนพวกคุณช่วยดูแลเธอด้วย อาหารกลางวันจัดให้เธอคนเดียวผมคงไม่ได้กลับมาทาน ส่วนอาหารเย็นช่วงนี้ผมคงได้กลับมาทานทุกวัน” ชารุกบอกแก่หญิงรับใช้ต่างวัยของตน
“ค่ะ นายหัว” พวกเธอรับปากอย่างพร้อมเพรียง
“แล้วคุณจะไปไหนเหรอคะ” กุสุมารีบถามเมื่อได้ยินอย่างนั้น เธอกลัวว่าเขาจะทิ้งเธอไว้ที่นี่คนเดียวแล้วจะทำตัวไม่ถูก
“ผมก็ต้องออกไปทำงานสิ อยู่นี่แหละ ไม่มีอะไรหรอก อยากได้อะไรก็บอกพวกเขา” เขาหันมาพูดอย่างอ่อนโยนอย่างที่ไม่เคยมีใครทำกับเธอมาก่อน ทำให้กุสุมารู้สึกใจเต้นเล็กน้อยถึงรู้ว่าเขาแกล้งทำก็ตาม
หญิงสาวไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรเคยเห็นแต่ในละครจึงตัดสินใจทำตามอย่างนั้น
เธอลุกขึ้นเดินไปหาเขาแล้วเขย่งจุ๊บที่แก้มของเขาเบาๆ ก่อนจะสบตายิ้มให้กับ “เขาตั้งใจทำงานนะคะ รีบกลับมานะคะแก้วคิดถึง”
ชารุกอึ้งไปเล็กน้อยรู้สึกถึงความร้อนผ่าวที่ใบหน้าของตน หญิงรับใช้ทั้งสองก้มหน้าลง เขาขยับเสื้อเล็กน้อยก่อนที่จะก้มลงมาเหมือนจะหอมแก้ม แต่กระซิบข้างใบหูแทน “คุณจะเล่นละครสมจริงมากไปแล้ว แต่ก็ดีนะ ผมชอบ”
เขาบอกแล้วแทนที่จะหอมที่แก้มกลับจูบที่ต้นคอของกุสุมาเบาๆ ทำให้เธอถึงกับขนลุกซู่ไปทั่วร่างเลยทีเดียว
หญิงสาวมองตามเขาเดินออกไปจากห้องทานอาหาร เธอไม่ได้ตามเดินไปส่งเพราะมัวแต่เขินกับจูบที่เขามอบให้อยู่
“คุณแก้วจะขึ้นไปพักข้างบนก่อน หรือว่าจะนั่งดูทีวีที่ห้องนั่งเล่นก่อนดีคะ” สาวรับใช้คนหนึ่งถามขึ้น
กุสุมากำลังนึกว่าตัวเองควรจะใช้สรรพนามอย่างไรถึงจะเหมาะสมแล้วจึงตอบหญิงรับใช้ทั้งสองออกไป “งั้นฉันขอไปนั่งที่ห้องนั่งเล่นก่อนก็แล้ว”
“ได้ค่ะ”
“ว่าชื่ออะไรกันบ้างคะ ฉันจะได้เรียกถูก”
“ดิฉันชื่อบุหงาค่ะ ส่วนนี่แม่ของดิฉันทำหน้าที่เป็นแม่ครัวของที่นี่ชื่อว่าบุหลัน” บุหงาวัยสามสิบตอนปลายแนะนำตัวเอง
“อ๋อ งั้นฉันจะเรียกว่าพี่บุหงากับป้าบุหลันก็แล้วกันนะจ๊ะ” กุสุมาบอกด้วยน้ำเสียงที่แสดงความเป็นมิตรไม่ได้ถือตัว ทำให้หญิงรับใช้สองแม่ลูกนั้นอมยิ้มออกมา เพราะตอนแรกคิดว่าจะถูกหญิงสาวกดขี่ข่มเหงเสียอีก
“ส่วนพี่เชิญผู้ชายอีกคนคือสามีของดิฉันเองค่ะ ทำหน้าที่เป็นคนสวนและเป็นคนขับรถให้นายหัวบ้างในบางครั้ง” บุหงาแนะนำสมาชิกในบ้านอีกคนให้ฟัง กุสุมาจึงพยักหน้ารับทราบแล้วยิ้มให้กับเธอ
“คุณแก้วชอบหรือไม่ชอบทานอะไรบอกป้าได้นะคะ ป้าจะถ้าทำอาหารถูก”
“ฉันทานได้ทุกอย่างค่ะ แต่ไม่ชอบทานของเผ็ดเท่าไรนัก ที่ใต้เขาทำเครื่องแกงเผ็ดๆ กันใช่ไหม” เธอบอกแล้วยิ้มอย่างเกรงใจ
“ใช่ค่ะ แต่ว่านายหัวเองก็ไม่ทานเผ็ดเหมือนกัน ส่วนมากจะทานอาหารของภาคกลางเสียมากกว่า ถ้าอย่างนั้นป้าก็จะได้ทำเมนูกลางๆ ให้คุณแก้วกับนายหัวก็แล้วกันนะคะ” บุหลันบอกแล้วยิ้มให้อย่างเป็นมิตรเช่นกัน ทำให้กุสุมารู้สึกว่าเธอคงอยู่ที่นี่ได้อย่างราบรื่นเพราะเข้ากับคนรับใช้ทั้งสองได้เป็นอย่างดี
“ถ้าอย่างนั้นตอนเที่ยงไม่ต้องทำกับข้าวเยอะนะคะ ฉันขอแค่ผัดกะเพราไก่ราดข้าวเท่านั้นก็พอ” หญิงสาวบอกเมนูที่ตนเองอยากแทนไป
บุหลันและบุหงารับคำแล้วขอตัวไปทำงานบ้านของตนเองต่อจากที่ค้างเอาไว้แล้วกระซิบกระซาบกันอยู่สองคน
“แฟนใหม่ของนายหัวใจดีนะแม่”
“ใช่ ตอนแรกนึกว่าจะหยิ่งเสียอีก แต่ยังเด็กอยู่เลย”
“เธออาจจะหน้าเด็กก็ได้แม่”
“แต่ก็ดี กินง่ายอยู่ง่าย ไม่เหมือนกับคุณอัญ รายนั้นเรื่องมากแถมยังเกาะแกะนายหัวน่ารำคาญอีก”
“คราวนี้นายหัวพาแฟนมาเปิดตัว คงไม่มาให้เราเห็นอีกแล้วละมั้ง” สองแม่พูดถึงอดีตคนรักของชารุก ที่กลับมาวุ่นวายขอคืนดีกับชารุกอยู่ในตอนนี้ แล้วส่ายหน้าด้วยความเอือมระอา
**********************
