บทที่ 3 ข้อแม้
กุสุมาขึ้นไปเก็บของใช้ส่วนตัวที่มีเสื้อผ้าเพียงไม่กี่ชุดและเอกสารสำคัญ เธอไม่มีโอกาสแม้จะล่ำลาเพื่อนๆ ที่กำลังทำงานอยู่ในตอนนี้ด้วยซ้ำและพวกเธอเหล่านั้นก็คงยังไม่รู้ว่ากุสุมากำลังจะไปจากที่นี่แล้ว
“ในเมื่อพวกเธอทอดทิ้งฉันในยามลำบาก เราก็คงไม่ต้องล่ำลากันให้ต้องเสียเวลา” เธอนึกตัดพ้อน้อยใจกับเพื่อนๆ ที่ต่างนึกถึงแต่ความสุขสบายจนลืมมิตรภาพก่อนหน้านี้ไปจนหมดสิ้น
ระหว่างทางที่นั่งรถไปกับชารุก เธอแอบชำเลืองมองใบหน้าที่คมเข้มของเขา ตอหนวดเขียวครึ้มที่ปลายคางของเขาทำให้ใบหน้าดูคมคายน่าค้นหา การแต่งตัวในชุดสูทเข้ารูปก็บ่งบอกถึงการเป็นนักธุรกิจของเขาได้เป็นอย่างดี
“คุณจะพาฉันไปที่ไหนเหรอคะ”
“ตอนนี้ก็ดึกมากแล้ว ผมจะพาคุณไปพักที่โรงแรมก่อน พรุ่งนี้เราออกเดินทางแต่เช้าค่อยคุยกันอีกที” เขาบอกเธอด้วยท่าทางที่ดูเคร่งขรึมผิดจากลูกค้ามือไวตอนที่อยู่ในคลับ ทำให้เธอไม่กล้าถามเขาต่อ
ที่ห้องพักของโรงแรมเธอมองเขาเข้าไปอาบน้ำเปลี่ยนใส่ชุดคลุมสีขาวสะอาดตา เธอแล้วนั่งตัวตรงจ้องมองเขาอย่างระมัดระวัง กังวลว่าเขาอาจจะลงมือ ‘ทำมัน’ กับเธออีกครั้ง
“ไปอาบน้ำสิจะได้นอนพักผ่อน พรุ่งนี้ต้องเดินทางแต่เช้า” เขาพูดขึ้นมาเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายนั่งจ้องเขาไม่หยุด ราวกับเหยื่อที่กำลังจ้องมองราชสีห์เพื่อเตรียมตัวรับมือกับความพ่ายแพ้ของตัวเอง
กุสุมารีบทำตามอย่างว่าง่ายแล้วเปลี่ยนเป็นชุดลำลอง เธอเดินไปหยิบหมอนเพื่อที่จะไปนอนที่โซฟา ทำให้ชารุกรู้สึกหงุดหงิด
“ผมเสียเงินไปสามแสนเพื่อให้ได้ตัวคุณมา ไม่ได้จะเอามาไว้บูชาขึ้นหิ้งนะ มานอนตรงนี้” เขาบอกให้เธอมานอนข้างเขาที่เตียง
หญิงสาวจึงต้องทำตามอย่างเลี่ยงไม่ได้ พลางคิดว่าตอนเองหนีเสือปะจระเข้ แต่อย่างน้อยก็เป็นจระเข้ตัวเดียว ดีกว่าฝูงเสือที่คอยแต่จะขย้ำเธอไม่ให้เหลือซาก
ชารุกไม่ได้แตะต้องตัวเธออย่างที่เธอเป็นกังวล เขาแค่อยากให้เธอมานอนที่เตียงสบายๆ กับเขา เพียงแต่ใช้คำพูดที่ดุดันเช่นนั้นตามนิสัยที่เป็นคนไม่ยอมคน ถ้าจะใช้คำพูดดีๆ ขอร้องให้เธอทำตามมันก็คงเสียภาพลักษณ์ของตนเอง
หญิงสาวพยายามข่มตาให้นอนหลับคิดว่าตอนนี้ตัวเองรอดจากขุมนรกนั้นก็ดีมากแล้ว และมีความคิดแวบหนึ่งก็ที่อยากจะหนีไปจากเขา เพราะไม่รู้ว่าข้อแม้ที่เขาบอกคืออะไร บางทีจระเข้ตัวนี้อาจมีเบื้องหลังอันน่ากลัวกว่าที่เธอคิดก็ได้
เมื่อคิดอย่างนั้นหญิงสาวก็ไม่ยอมนอนจะรอให้เขาหลับไปก่อน แล้วจะหนีออกไปจากที่นี่ แต่แล้วเธอก็ต้องหยุดความคิดลงเมื่อชารุกดึงเธอเข้าไปกอดเอาไว้แนบอกแถมยังใช้ขาพาดทับเธอเอาไว้แน่น หากเธอขยับออกจากเขายังไงเขาก็ต้องตื่นแน่
กุสุมาจึงถอดใจแล้วนึกด่าตัวเองว่าทำไมไม่คิดหนีตั้งแต่ตอนที่เขาอาบน้ำ ‘พรุ่งนี้เช้าค่อยหนีในตอนที่เขาอาบน้ำก็แล้วกัน’ เธอคิดเช่นนั้นแล้วก็หลับไปในอ้อมกอดของชารุกที่มีสิทธิ์ในตัวเธออย่างเต็มที่
**********************
ในตอนเช้ากุสุมาตื่นขึ้นมาเมื่อรู้สึกว่ามีความเคลื่อนไหวภายในห้อง เธอลืมตาขึ้นมาเห็นเขากำลังแต่งตัวอยู่ก็นึกเสียดายที่ตื่นช้ากว่าเขาจึงไม่มีโอกาสหนี แล้วปลอบใจตัวเองว่าไม่เป็นไรอย่างน้อยเขาก็ช่วยเธอออกมาด้วยเงินตั้งสามแสนบาท
อีกอย่างถึงหนีไปก็ไม่มีเงินติดตัวสักบาท อย่างไรก็คงหนีไม่รอดแน่ สู้ไปตายเอาดาบหน้าดีกว่า
“รีบไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าสิ” เขาพูดเสียงเรียบ
กุสุมารีบทำตามอย่างว่าง่ายแล้วใส่ชุดที่ตัวเองเตรียมมาทำให้ชารุกรู้สึกขัดตากับชุดลำลองของเธอเป็นอย่างมาก
“ในกระเป๋าคุณไม่มีชุดอื่นที่ดูดีกว่านี้เหรอ” เขาถามแล้วมองเสื้อยืดและกางเกงกีฬาขายาวอย่างขัดใจ
“ไม่มีแล้วค่ะ” เธอตอบเสียงเบาแล้วบิดตัวด้วยความอับอายที่ตนเองมีแค่เสื้อผ้าที่ดูซอมซ่ออย่างนั้น
เขามองเธออย่างพิจารณาแล้วไม่พูดอะไรต่อ เดินนำหน้าเธอออกไปจากห้องทำให้กุสุมาต้องรีบคว้ากระเป๋าแล้วเดินตามเขาออกไป
ชารุกขับรถมุ่งหน้าไปตามถนนเส้นหลัก เธอพยายามอ่านป้ายบอกทางเพื่อดูว่ารถมุ่งหน้าไปที่ไหนแต่ก็ดูไม่รู้เรื่องจึงตัดสินใจถามเขาขึ้นมาตามตรง “คุณจะพาฉันไปไหนเหรอคะ”
“กลับบ้านของผม คุณจะไปในฐานะคนรักของผม”
“คนรักเหรอคะ” เธอถามด้วยความตกใจ นี่เขาติดใจเธอถึงขั้นพากลับไปในฐานะคนรักของเขาเลยหรือ
“แค่การแสดง” เขาบอกก่อนที่เธอจะเข้าใจผิด
“เอ่อ ทำไมต้องเป็นคนรักคะ”
“ทำหน้าที่กันผู้หญิงออกจากผม” เขาพูดสั้นๆ เท่านั้น
เธอพยักหน้ารับ เข้าใจว่าเขาคงมีผู้หญิงมาติดพันมาก แต่ก็ยังดีเมื่อรู้ว่าตัวเองทำหน้าที่แค่นั้น เขาไม่ได้เอาเธอไปขายต่อหรือว่าไปทำงานเปลืองเนื้อเปลืองตัวที่ไหน
เมื่อเดินทางไปได้สักระยะหนึ่ง ชารุกได้พาเธอแวะทานอาหารที่ร้านอาหารในห้างสรรพสินค้า ตอนนี้กุสุมาไม่มีความคิดว่าจะหนีแล้วหลังจากได้ยินว่าเขาต้องการให้เธอทำอะไร คิดว่าหากทำตัวดีแล้วทำงานให้เขาพอใจแล้วจะขอกลับไปยังบ้านเกิดของตัวเองในสักวัน
หลังจากทานอาหารเสร็จ ชารุกพาเธอไปเลือกซื้อเสื้อผ้าชุดใหม่ให้เธอมากกว่าสิบ รองเท้าและเครื่องประดับต่างๆ พร้อมทั้งเลือกมาหนึ่งชุดให้เธอสวมใส่แทนชุดลำลองโกโรโกโสที่เธอสวมใส่อยู่ตอนนี้
“คุณต้องกลับไปในฐานะคนรักของผม ดังนั้นต้องแต่งตัวให้ดูดีเข้าไว้”
“ค่ะ” เธอรับคำเขาแล้วเดินกลับไปขึ้นรถเพื่อเดินทางต่อ
ระหว่างทางกุสุมานอนหลับไปด้วยความอ่อนเพลีย ชารุกขับรถอย่างตั้งใจและชำเลืองมองเธอเป็นระยะ
ทันทีที่รู้ว่าหญิงสาวถูกหลอกให้มาทำงานแบบนี้ก็อดสงสารไม่ได้ ตอนแรกที่คิดว่าเธอแสดงบทบาท แต่ตอนนี้เขารู้แล้วว่าเธอนั้นไร้เดียงสาจริงๆ แม้กระทั่งเขาบอกให้เธอทำอะไรก็ยังยอมทำตามอย่างว่าง่าย
‘มีที่ไหนขอให้ผู้ชายแปลกหน้าซื้อตัวไปเป็นเมีย’ เขานึกแล้วอมยิ้มพอใจกับคนที่ตนเองพากลับมา
ถึงเขาไม่เคยนอนกับผู้หญิงที่บริสุทธิ์มาก่อน แต่สัญชาตญาณของผู้ชายมันก็บอกอยู่แล้วว่าเมื่อคืนนี้มันคือการล่วงล้ำหญิงสาวที่ยังบริสุทธิ์อยู่
**********************
เมื่อรถหรูสีดำของชารุกแล่นมาถึงที่หน้าบ้านสไตล์โมเดิร์นหลังหนึ่ง เมื่อคนสวนเห็นว่าเจ้านายกลับมาก็รีบเปิดประตูรั้วให้รถแล่นผ่านเข้าไปจอดในตัวบ้าน
กุสุมามองของเขาด้วยความตื่นตา มันไม่ได้ใหญ่โตมากมายแต่ก็สมฐานะของเขาอยู่ไม่น้อย
“รู้ใช่ไหมว่าต้องทำตัวยังไง” เขาถามเธอขณะที่จอดรถในโรงจอดรถที่มีรถหรูอีกสองคันจอดอยู่
“เอ่อ รู้ค่ะฉันเคยเห็นในละครมาก่อน ไม่ต้องห่วงนะคะฉันจะทำให้ครอบครัวของคุณเอ็นดูฉัน และเชื่อว่าเราเป็นคนรักกันจริงๆ” กุสุมาบอกเขาด้วยน้ำเสียงที่ตื่นเต้นยังไม่ละสายตาจากบ้านของเขาที่เธอไม่คิดว่าจะได้มาอาศัยอยู่
“ผมอยู่คนเดียว” เขาพูดเสียงเรียบ ไม่ได้กล่าวถึงรายละเอียดว่าทำไมถึงอยู่คนเดียวทำให้เธอไม่กล้าถาม และคิดว่าก็ดีเหมือนกันเธอจะได้วางตัวง่ายขึ้นเมื่อไม่ต้องสู้รบตบมือกับครอบครัวของเขาที่อาจจะไม่ชอบหน้าเธอ
หญิงรับใช้ต่างวัยสองคนลงมาช่วยถือกระเป๋าของทั้งคู่ ไม่กล้าถามว่าเจ้านายพาใครมาได้แต่มองหน้ากันเงียบๆ
คนสวนที่พ่วงตำแหน่งคนขับรถในบางครั้งรีบยกกระเป๋าลงมาจากท้ายรถเพื่อให้หญิงรับใช้ทั้งสองช่วยกันยกมันเข้าไปในบ้าน
“จะให้เอากระเป๋าของคุณผู้หญิงไปไว้ที่ห้องรับแขกเลยหรือเปล่าคะนายหัว”
“เอาไปไว้ที่ห้องผม” ชารุกพูดสั้นๆ ทำให้ทั้งคู่มองหน้ากันอีกรอบแล้วรีบจัดการตามที่เขาบอกโดยไม่ถามหรือว่าพูดขัดอะไร
“เป็นคนรักต้องนอนห้องเดียวกันด้วยเหรอคะ”
“นอนกับผมคนเดียวดีกว่านอนกับคนเป็นสิบเป็นร้อย คุณบอกเองไม่ใช่เหรอ แล้วอีกอย่างผมจ่ายไปสามแสนนะอย่าลืม” เขาอ้างถึงเรื่องที่เธอเคยพูดอ้อนวอนเขาและย้ำถึงมูลค่าเงินที่เขาเสียไปกับเธอ
“แก้วต้องอยู่แบบนี้ไปอีกนานแค่ไหนเหรอคะ เอ่อ แก้วแค่อยากรู้ว่าจะได้กลับบ้านตอนไหน” เธอถามเขาเสียงเบากลัวว่าเขาจะไม่พอใจ
“จนกว่าผมจะพอใจ” เขาพูดสั้นๆ แล้วเดินนำหน้าเข้าไปในบ้านเธอจึงต้องเดินตามเขาไปในบ้านอย่างเงียบๆ อย่างน้อยเป็นนางบำเรอของเขาก็ยังดีกว่าเป็นหญิงขายบริการ
“นายหัวจะรับอาหารเย็นหรือเปล่าคะ” หญิงรับใช้วัยกลางคนเข้ามาถามเขาด้วยท่าทีนุ่มนวล
“นี่ก็จะมืดแล้วถ้าจะทำอาหารก็คงนาน เอาเป็นว่าทำข้าวผัดให้ผมกับเธอคนละจานก็แล้วกัน” เขาบอกเธอแล้วเดินไปนั่งที่โซฟา
กุสุมาตามเข้าไปนั่ง เธอมองเขาด้วยความประทับใจ เขาแทนตัวเองว่าอย่างสุภาพกับทุกคนไม่ได้ถือตัว แม้จะดูแข็งกร้าวแต่ก็รู้สึกถึงความอ่อนโยนที่ไม่ได้แสดงออกมา
**********************
