บทที่ 3 หลงเลย
“หนูดาวน้ำหนักขึ้นสองโลค่ะ คุณแม่บอกว่าเพราะแอบกินเค้กกับคุณพ่อตอนดึก” คำตอบที่ได้สร้างรอยยิ้มให้คนฟังไม่น้อย ก็หลานน่ารักน่าเอ็นดูออกขนาดนี้จะไม่ให้หลงได้ยังไง
“กินเยอะๆ ดีแล้วครับ จะได้โตไวๆ” ภาคตอบก่อนจะหันกลับมามองแม่ของหลาน ซึ่งอีกฝ่ายก็ไม่รีรอที่จะยกมือไหว้
“สบายดีรึเปล่ามิ ไม่เจอนานหลายเดือนสวยขึ้นนะเรา” คำกล่าวนั้นเหมือนจะทำให้ใครอีกคนที่ได้แต่ยืนนิ่งอยู่กับที่เริ่มไม่ค่อยจะสบอารมณ์สักเท่าไหร่ ไหนเลยที่เขาจะไม่รู้ว่าก่อนที่เรื่องราวระหว่างตัวเองกับแม่ของลูกจะเกิดขึ้นนั้น ไอ้ภาคมันตามจีบอีกฝ่ายแทบจะทุกครั้งที่พบหน้า และดูเหมือนว่าตอนนี้ ความรู้สึกที่ว่านั้นก็น่าจะยังคงหลงเหลืออยู่
ไม่ได้จางหายไปตามวันเวลาเลยสักนิด!
“มิสบายดีค่ะคุณภาค” มิรันตีก็ยังคงเป็นมิรันตีคนเดิมไม่เปลี่ยน และเพราะแบบนั้นภาคถึงได้ชอบผู้หญิงคนนี้มาก ถึงแม้ว่าตอนนี้สถานะของเธอจะเปลี่ยนไป แต่ความชอบที่เขามีต่อเธอนั้นยังคงอยู่ ไม่ได้ห่างหายไปตามสถานะของเธอเลย
“พี่ซื้อหนังสือที่มิชอบอ่านมาฝากด้วย เอาไว้ทานข้าวเย็นเสร็จค่อยตามไปเอาที่ห้องนะ มีของเล่นของหนูดาวด้วย” หญิงสาวเพียงแต่พยักหน้ารับ ก่อนจะหันไปทักทายภูมิที่ได้แต่นั่งมองสถานการณ์ศึกชิงนางระหว่างพี่ๆ ทั้งสองอย่างคนนึกสนุก กระทั่งเมื่อถึงคราวที่เขาได้มีบทบ้าง ชายหนุ่มก็ไม่ลืมที่จะแนะนำใครอีกคน ที่นั่งอยู่ข้างๆ กายกันให้ทุกคนได้รู้จัก
“จริงสิครับ ทุกคนนี่บัวบูชา เพื่อนสนิทของผมเอง บัวครับนี่พี่เทียนกับมิ ส่วนหนูน้อยที่น่ารักคนนี้คือหนูดาว ที่ผมเคยเล่าให้คุณฟังไง” อีกฝ่ายยิ้มรับก่อนจะหันไปมองหนูน้อยที่อยู่ใกล้ตัวเป็นคนแรก เธอพยายามจะเอื้อมมือเข้าไปจับที่แขนป้อมๆ นั่น แต่ก็เป็นเจ้าของมันเอง ที่เบี่ยงตัวหลบเข้าหาผู้เป็นอาในทันที ไม่ยอมให้คนแปลกหน้าแตะเนื้อต้องตัวโดยง่าย
“หนูดาว…เป็นอะไรไปครับ” นอกจากจะไม่ตอบคำถามของผู้เป็นอาแล้วนั้น เด็กน้อยยังเอาแต่ส่ายหัวท่าเดียว
“แกน่าจะไม่คุ้นน่ะ” สุดท้ายก็กลายเป็นสิบทิศที่ต้องเอ่ยขึ้น ก่อนจะขยับไปอุ้มลูกขึ้นมาแนบอก ซึ่งทันทีที่ได้รับอ้อมกอดจากผู้เป็นพ่อ เด็กน้อยก็ตวัดมือน้อยๆ โอบไว้ในทันที
“บัวขอโทษค่ะ น้าขอโทษนะคะหนูดาว ดีกันนะคะ” แม้ท่าทีของคนแปลกหน้าจะไม่ได้ดูอันตราย แต่เด็กน้อยก็ยังไม่ยอมตอบรับเหมือนเดิม เดือดร้อนมิรันตีที่ต้องเอ่ยขึ้นมาบ้าง
“น้องดาวคะ คุณน้าเขาพูดกับหนูอยู่นะลูก ไม่เสียมารยาทกับแขกของอาภูมินะคะ” โดยปกติแล้วลูกสาวของเธอไม่เคยแสดงท่าทีแบบนี้กับใครคนไหนมาก่อนเลยแม้แต่ครั้งเดียว แม้จะแปลกใจสักแค่ไหน แต่อย่างไรในความเป็นแม่ ก็ต้องสอนให้ลูกทำสิ่งที่ถูกที่ควร โดยเฉพาะการเสียมารยาทกับแขกของคนในครอบครัวนั้นก็ยิ่งเป็นเรื่องที่ไม่ควรเกิดขึ้น
“ช่างเถอะค่ะแกคงไม่คุ้นกับบัวจริงๆ ไม่เป็นไรหรอก”
“มิต้องขอโทษแทนลูกด้วยนะคะ” บัวบูชายิ้มรับอย่างไม่คิดถือสา ในส่วนของสายตานั้นยังคงจับจ้องไปยังพ่อของเด็กน้อยอย่างหมายมั่น ในสิ่งที่เธอกำลังคิดจะทำนับจากนี้ไป
บรรยากาศในการรับประทานข้าวเย็นเป็นไปอย่างเรียบง่ายโดยบทสนทนาส่วนใหญ่เกิดขึ้นสองอาหนุ่มกับหลานสาวตัวน้อยที่พูดคุยกันอย่างออกรสออกชาติ กระทั่งเมื่อของหวานทยอยถูกนำออกมาวาง ภูมิถึงได้หันไปเอ่ยบางสิ่งที่ผู้เป็นพี่
“ที่พี่วานให้ผมช่วยหาพนักงานบัญชีมาเพิ่ม ผมหาให้ได้แล้วนะครับ” พูดออกไปแล้วก็หันไปมองเพื่อนสาวคนสนิทที่นั่งอยู่ข้างๆ เป็นการแนะนำอีกฝ่ายให้พี่ชายได้รู้จักไปในตัว
“ขอบใจ” ซึ่งสิบทิศก็ไม่ได้ตอบอะไร เพราะเชื่อมั่นในฝีมือของภูมิ ที่ไม่เคยทำให้เขาผิดหวังเลยสักครั้งเรื่องหาคน
“ยังไงก็ฝากเพื่อนของผมด้วยนะครับ บัวเขาจากบ้านมาไกลเพื่องานนี้โดยเฉพาะ อาจต้องใช้เวลาพักใหญ่ในการปรับตัว” หนนี้เขาไม่ได้ตอบอะไรนอกจากเงยหน้าขึ้นไปมองคนที่น้องชายมาหาให้ตามคำขอ ซึ่งก็เหมือนว่าอีกฝ่ายนั้นจะมีบางอย่างที่คล้ายกับอดีตของคนรักของเขามากเลยทีเดียว แต่ถึงแม้จะเหมือนกันสักแค่ไหน มันก็ไม่ใช่คนเดียวกันอยู่ดี
อีกด้านหนึ่ง
มิรันตีถูกคุณผกาเรียกให้มาพบที่ห้องส่วนตัวของท่านตามลำพังหลังทานอาหารเย็นเสร็จ กระทั่งเมื่อได้อยู่กันตามลำพัง มือเหี่ยวย่นของหญิงชรานั้นก็ค่อยๆ ยื่นบางสิ่งมาให้
“นี่มัน…อะไรเหรอคะ”
“ค่าจ้างหย่าของเธอกับหลานชายฉัน” เมื่ออีกฝ่ายเลือกที่จะถามกันตรงๆท่านเองก็เลือกที่จะตอบกลับไปตรงๆ เช่นกัน
“คุณท่าน…”
“หลายปีมานี้ฉันได้ให้โอกาสเธอแล้ว แต่ก็เหมือนว่าความสุขเดียวของหลานชายฉัน จะมีแค่หนูดาวเพียงคนเดียวเท่านั้น เพราะอย่างนั้นเธอไม่คิดว่ามันไม่ดีกว่าเหรอ ถ้าหากเธอปล่อยตาเทียนให้เป็นอิสระซะ ให้เขาได้ไปเจอคนที่คู่ควรกับเขา คนที่ทำให้เขามีความสุขได้จริงๆ สักที” ในส่วนของเหลนตัวน้อยนั้น ท่านเห็นว่าแกน่าจะโตพอที่จะรับเรื่องพวกนี้ได้แล้วกระมัง คงไม่ใช่ปัญหาใหญ่อะไร เพราะฝ่ายครอบครัวของท่านเองก็มีทุกอย่างพร้อม และมันก็น่าจะมากพอที่จะทำให้แกมีความสุข อีกทั้งคนที่ตาภูมิพามาให้ดูตัวในวันนี้นั้นก็เหมือนจะเหมาะสมกับสิบทิศในทุกๆ ด้าน ต่างจากคนตรงหน้า ที่นอกจากจะไม่เหมาะสมกับหลานชายของนางแล้วนั้น ยังคอยแต่จะสร้างปัญหาไม่เว้นวันให้ตาเทียนต้องตามแก้
“เรื่องนี้…คุณเทียนทราบรึเปล่าคะ” ที่ต้องถามเพราะอยากรู้จริงๆ ว่าสามีของเธอรู้เรื่องนี้มาก่อนไหม และถ้าเขารู้ นั่นก็แปลได้ว่า เขาอยากให้สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นกับชีวิตคู่ของเรา
ซึ่งหากสุดท้ายแล้วมันเป็นความต้องการของเขาที่ต้องการหย่า เธอก็คงทำอะไรไม่ได้นอกจากต้องตามใจเขาไป
เธอแค่คิดไม่ถึง ว่าเวลาที่จะได้อยู่กับเขา อยู่กับลูกนั้น
มันจะจบลงรวดเร็วขนาดนี้
“มันสำคัญด้วยรึ เพราะถึงยังไงตาเทียนเขาก็ไม่คิดที่จะรักหล่อนอยู่ดี” ลองหากหลานนางรักเด็กนี่สักนิด นางเองก็คงไม่สอดมือเข้ามายุ่งให้เปลืองแรงหรอก แต่เพราะเห็นชัดว่าเขาไม่รัก นางถึงได้อยากคืนอิสรภาพให้กับหลานชายของตัวเอง
