บท
ตั้งค่า

บทที่ 2 มีแค่เธอ

เด็กน้อยตอบรับอย่างไม่เต็มเสียงเท่าไหร่นักเพราะยังมีของเล่นอีกหลายชิ้นที่อยากจะได้ ในส่วนของสิบทิศเองก็ไม่ได้ว่าอะไรนอกจากหันไปมองแม่ของลูกด้วยสายตาไม่สบอารมณ์เท่าไหร่ ที่หล่อนบังอาจทำให้รอยยิ้มของลูกจางหายไปจากใบหน้า ซึ่งสำหรับเขาแล้วเรื่องเงินไม่เคยเป็นปัญหาเลยสักครั้ง หากมันทำให้ยอดดวงใจของเขามีความสุข มากกว่านี้เขาก็ให้ได้

“ถ้างั้นไปเล่นบ้านลมไหมครับ”

“ดีค่ะ น้องดาวอยากเล่น! ดะ…ได้ใช่ไหมคะคุณแม่ขา” แม้ใจจะอยากไปยังไง แต่สุดท้ายเด็กน้อยก็เลือกที่จะหันกลับมาถามผู้เป็นแม่ ด้วยความสีหน้าที่เต็มไปด้วยความหวังก่อนอยู่ดี

“อย่างสุดท้ายแล้วนะคะ”

“เย้ๆ รีบไปกันเถอะค่ะคุณพ่อ คุณแม่อนุญาตแล้ว” ภาพของลูกสาวตัวน้อย ที่กึ่งเดินกึ่งวิ่งจูงมือผู้เป็นพ่อไปยังบ้านลมนั้นทำให้คนมองยิ้มอย่างมีความสุข

และแม้จะอยากพาตัวเองเดินเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของภาพตรงหน้าให้ตายสักแค่ไหน แต่สุดท้ายแล้วคนไม่มีสิทธิ์อย่างเธอก็ทำได้เพียงต้องปลีกตัวออกมานั่งมองพวกเขาอยู่ห่างๆ เท่านั้นเพราะว่านี่…มันเป็นสิ่งเดียวจริงๆที่เขาอนุญาติให้เธอทำมันได้

ซึ่งสำหรับเธอแล้ว เธอขอแค่ได้เห็นเด็กคนนี้มีความสุขในทุกๆ วัน เท่านี้มันก็ดีมากแล้ว ส่วนสามีต่อให้เขาไม่รัก ก็ไม่เป็นไร

ความจริงแล้วเขาไม่ใช่คนเดียวเสียหน่อยที่ชีวิตต้องหยุดชะงัก เธอเองครั้งหนึ่งก็เคยวาดฝันว่าอยากจะสร้างครอบครัวกับผู้ชายสักคนที่ไม่ต้องดีมาก ขอแค่เขารักและดูแลเธอเท่านั้นก็พอทว่าสิ่งที่ได้รับนั้น มันกลับตรงข้ามกับคำขอไปหมด

นอกจากสามีจะไม่เคยทำดีกับเธอเลยสักครั้ง เขายังมักจะทำให้เธอได้เห็น ว่าสำหรับเขาแล้ว เธอนั้นไม่มีค่าอะไรเลยสักนิด

และมันคงจะเป็นแบบนั้นไปอีกเท่านานเลยทีเดียว!

เพราะย่าสั่งให้คนสนิทโทรตาม สิบทิศจึงไม่มีทางเลือกนอกจากพาสองแม่ลูกขับรถมาทานข้าวเย็นกับท่านที่บ้าน ซึ่งทันทีที่พบหน้าเหลน คุณหญิงผกาก็ไม่มีรีรอที่จะคว้าแม่ตัวน้อยเข้าไปกอดด้วยความคิดถึง ทว่าสายตาที่มอบให้แม่ของเหลนนั้นมันกลับเต็มไปด้วยความเย็นชาเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน

“มาหาทวดบ่อยๆ สิ บ้านเรารึก็อยู่ใกล้กันแค่นี้ หรือแม่เราเขาไม่ยอมให้มา” ถามออกไปแล้ว สายตาก็ยิ่งฉายแววถึงความไม่พอใจให้กับคนที่ได้แต่ยืนนิ่งอยู่กับที่ ไม่มีปากมีเสียง

“ช่วงนี้หนูดาวต้องหัดอ่าน หัดเขียนเตรียมความพร้อมเข้าอนุบาลครับ ผมเลยไม่ได้พาแกมาเยี่ยมย่าบ่อยๆ” และก็เป็นสิบทิศเสียเอง ที่ต้องออกหน้ารับแทน เพราะไม่อยากให้ย่าแสดงท่าทีแบบนี้ใส่คนของเขา คนที่แม้เขาจะไม่ได้อยากมีเธออยู่ในชีวิตมาตั้งแต่แรก แต่ก็ใช่ว่าจะปล่อยให้ใครมาหาเรื่องเธอได้ง่ายๆ เพราะคนเดียวที่มีสิทธิ์ทำแบบนั้น คือเขา!

“แล้วไป แต่ถึงอย่างนั้นแกก็ควรพาหนูดาวมาเยี่ยมย่าบ้าง หรือไม่อย่างนั้น เอาไว้ทวดไปหาเจ้าที่บ้านก็ได้ ดีไหมลูก”

“ดีค่า หนูดาวคิดถึงคุณย่าทวด คิดถึงพี่พุดซ้อนด้วยค่ะ” ใจคนฟังอุ่นซ่านไปถึงหัวใจ ชีวิตที่เคยเหี่ยวเฉาก็ได้แม่หนูคนนี้นี่แหละ ที่เกิดมาสร้างรอยยิ้มให้คนแก่ใกล้ตายอย่างนางมีความหวังอยากจะอยู่บนโลกนี้ไปนานๆ เพื่อเฝ้ามองแกเติบใหญ่ ในส่วนของแม่เหลนนั้นท่านเองก็ไม่ได้อยากยอมรับมาตั้งแต่ต้น แต่เพราะถูกสังคมบีบทางอ้อม ก็เลยจำใจต้องไปบังคับหลานชายให้รับผิดชอบอีกฝ่ายด้วยการแต่งงานบังหน้าไปก่อน ซึ่งนี่ก็ผ่านมาหลายปีแล้ว แต่ก็เหมือนว่าชีวิตคู่ของหลานกับอีกคนนั้น มันจะไม่ได้หวานชื่นเลยสักนิด

“ไปทานข้าวกันเถอะ ทวดสั่งแม่เนียนทำพะโล้ของโปรดของหนูดาวเอาไว้ด้วยนะลูก ทานเยอะๆ จะได้โตไวๆ” เด็กน้อยยิ้มกว้างทันทีที่ได้รู้ว่ากำลังจะได้ทานของโปรดฝีมือแม่เนียน ก่อนจะเดินตามแรงจูบของคุณทวดเข้าบ้านไป เหลือไว้ก็แต่ผู้เป็นพ่อและแม่ ที่ได้แต่ยืนสบตากันอยู่เงียบๆเพียงพำลัง

“คราวหน้าคราวหลังหัดปกป้องตัวเองบ้าง ฉันไม่ได้ว่างมานั่งปกป้องเธอจากย่าทุกครั้ง!” หญิงสาวทำได้เพียงพยักหน้ารับ ก่อนจะเดินตามแผ่นหลังกว้างของสามีเข้ามาด้านในของบ้านที่ตอนนี้มีคนสามคนนั่งรออยู่ที่โต๊ะอาหารก่อนแล้ว

สองในสามคือภูมิกับภาค ลูกพี่ลูกน้องของสามีเธอ แต่ผู้หญิงอีกคนนั้นเธอไม่รู้จัก รู้เพียงว่าอีกฝ่ายสวยจับใจทีเดียว

“อาภูมิ อาภาค!”

และก็เป็นเสียงร้องอันสดใส ของหนูน้อยดาวนับพันที่ดังขึ้นทันทีที่เห็นผู้เป็นอาทั้งสองที่ไม่ได้เจอมานานหลายเดือน

“ไงครับเจ้าหญิงของอา ตัวหนักขึ้นนะเรา” เป็นภาคที่อ้าแขนรออุ้มหลานตัวน้อยขึ้นมานั่งลงบนตัก พร้อมๆ กับจมูกคมสัน ที่ค่อยๆ บรรจงหอมเบาๆ ที่แก้มป่องอย่างอดใจไม่อยู่

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel