บท
ตั้งค่า

บทที่ 3 (1.2) แย้มยลโฉมครานั้น ความทรงจำมิลืมเลือน

“เกิดอะไรขึ้น” เสียงเนิบนาบด้านในรถม้าเอ่ยถามขึ้นในชั่วขณะนั้น

กู่ซิงอีได้ยินยลก็พบว่าคนผู้หนึ่งหน้าตาดีขนาดนั้นได้แล้ว เสียงเองก็ยังน่าฟังมากยิ่งนัก อดเผลอมองไปที่หน้าต่างรถม้าซึ่งมีผ้าม่านปิดอยู่มิได้

หลี่เซียวที่นั่งอยู่หน้ารถม้าก็รายงานเข้าไปให้คนด้านในฟังว่าเกิดอะไรขึ้น เมื่อครู่เขามัวแต่หันไปบอกคุณชายของตนว่าใกล้ถึงที่หมายแล้วจึงไม่ทันเห็นว่าสตรีผู้นี้ผ่านหน้ารถม้าตนตั้งแต่เมื่อไหร่ รู้ตัวอีกทีก็ตอนที่เสียงม้าร้องขึ้นมาแล้ว

กู่ซิงอีหันมาสนใจฉีหย่าที่ทำท่าจะลุกแต่ก็ล้มลงไปกับพื้นต่อ พลางพิเคราะห์ในใจว่า แผนนี้ของเซี่ยลู่หลินอาจใช้ได้ผลแปดส่วนเท่านั้น เพราะส่วนมากคนที่ถูกรถม้าชนในตลาดมักจะเป็นขอทาน คนไร้บ้าน หรือพวกต้มตุ๋น สามกลุ่มนี้ล้วนมีเป้าหมายเดียวกันคือทำเพื่อหลอกเงินคนร่ำรวยอย่างคุณชายว่านเท่านั้น

แต่ครั้งนี้อาจจะต่างออกไปก็ได้ เพราะว่าคนที่ถูกชนเป็นสตรีหน้าตางดงามนางหนึ่ง ความงามย่อมมีชัยไปกว่าครึ่ง ผู้ใดพบเห็นจะต้องสงสารแม่นางฉีหย่าก่อนถามไถ่ความจริงเป็นแน่

ด้านว่านฟู่เฉิงพอฟังจบแล้วว่าเกิดอะไรขึ้นก็สั่งให้หลี่เซียวไปจัดการตามสมควร เรื่องเงินเขาไม่คิดมาก อย่างไรเสียก็เป็นเพียงแค่เศษเงินในมือของตนเท่านั้น หากทำให้เรื่องไม่วุ่นวายและเดินทางต่อได้โดยไวก็ถือว่าคุ้มค่า

หลี่เซียวตอบรับ ด้วยรู้ว่าคุณชายของตนรักหน้ารักตาขนาดไหน ย่อมไม่อยากให้เรื่องอุบัติเหตุในครั้งนี้ตกเป็นขี้ปากของชาวบ้าน แม้เหตุการณ์ตรงหน้าจะดูไม่ชอบมาพากลก็เถอะ เพียงแต่ว่าตนเองไม่มีหลักฐาน และคนขับรถม้าเองก่อนลงไปเมื่อครู่ก็บอกว่าไม่เห็นแม่นางคนนี้ตั้งแต่แรกแล้วเหมือนกัน

ปกติตัวเขาที่นั่งด้านหน้ารถม้ามาด้วยจะคอยระวังอยู่เสมอ และเพราะคุณชายของตนที่นั่งอยู่บนเก้าอี้รถเข็นด้านในไม่สะดวกเดินทางมากนักรถม้าของพวกเขาจึงเคลื่อนที่ช้ากว่าของคนอื่น ดังนั้นไม่มีทางที่จะชนแม่นางคนนี้จนล้มแรงถึงขนาดลุกไม่ขึ้นแบบนี้

“ขอโทษด้วยเจ้าค่ะ ขอโทษด้วย เป็นข้าที่ผิดเอง” ฉีหย่าที่เพิ่งจะลุกขึ้นนั่งได้ก็รีบขอโทษขอโพยยกใหญ่ น้ำตาไหลรินอาบสองแก้ม แต่เพราะตอนนี้ผมนางปิดใบหน้าไปส่วนหนึ่งจึงเห็นใบหน้าแค่บางส่วนเท่านั้น

และเมื่อพอได้เห็นบุรุษอีกคนที่ท่าทางดูดีเดินเข้ามาหาก็รีบบีบน้ำตาอีกระลอกหนึ่ง แต่ฉีหย่ารู้ว่าคนผู้นี้ไม่ใช่คุณชายว่านที่นางต้องจับให้อยู่หมัด เพราะนางได้ยินมาว่าคุณชายว่านเดินเหินมิได้ ดังนั้นจึงเดาว่านี่อาจเป็นลูกน้องคนสนิทของเขา

หลี่เซียวเดินมาหยุดอยู่ด้านหลังคนขับรถม้า ก่อนหน้านี้ไม่ใช่ว่าไม่เคยเกิดเรื่องแบบนี้ในตลาด เขาเห็นจนชินชาว่าพวกต้มตุ๋นชอบวิ่งให้รถม้าของคนมีเงินชนแล้วร้องขอเงินค่ารักษา แต่คนพวกนั้นพอถูกชนก็จะโวยวายเสียงดังให้คนมามุงดู เอ่ยปากออกมาแต่ละทีก็มีแต่เรียกร้องความเป็นธรรมให้ตนเอง ทว่าสตรีผู้นี้กลับขอโทษก่อนแถมท่าทางก็ดูหวาดกลัวจนตัวสั่น

“แม่นางบาดเจ็บตรงไหนหรือไม่” หลี่เซียวเมื่อเห็นคนโดนชนไม่เหมือนคนที่ตนเคยเจอจึงถามออกไปอย่างมีมารยาท

“ขาของข้าเหมือนจะพลิกเจ้าค่ะ ข้าลุกไม่ได้” ฉีหย่าที่ก้มหน้าจนผมปิดบังใบหน้าไปครึ่งหนึ่งก็พลันเงยหน้าขึ้นมาตอบ

ใบหน้างามสวยสะคราญตาพลันปรากฏให้ทุกคนแถวนั้นได้ยลโฉม ดวงตาที่มีม่านน้ำตาเจือปนอยู่ก็ทำให้ดวงหน้าสวยดูบอบบางลงไปอีกเท่าตัว

“น่าสงสารยิ่งนัก” กู่ซิงอีหันไปพูดกับท่านป้าข้างกายที่เหมือนกำลังรอจะเอ่ยปากอยู่เหมือนกัน น้ำเสียงของเขาทั้งทอดถอนใจและคล้ายตำหนิคนผิดอยู่กลาย ๆ

ท่านป้าคนแรกไม่กล้าเอ่ยอะไรเพราะรู้ดีว่าเจ้าของรถม้าเป็นใคร แต่พอมีคนพูดนางก็เอาบ้าง “นั่นสิ ขาเจ็บขนาดนี้จะเดินได้วันไหนก็ไม่รู้” ครั้นพอท่านป้าพูดจบ กลุ่มชาวบ้านที่มาดูต่างก็พากันแสดงความคิดเห็นคนละประโยคสองประโยค จากแค่คนกลุ่มหนึ่งจึงเริ่มกระจายไปเป็นวงกว้าง

“คนทั้งคนไยจึงเผลอไปชนได้”

“นางกลัวจนตัวสั่นไปหมดแล้ว”

“สตรีคนนี้หน้าตางดงามยิ่งนัก”

และย่อมมีหลายคนออกปากชมเป็นเสียงเดียวกัน เป็นไปตามความต้องการของกู่ซิงอีพอดี ระหว่างนั้นกู่ซิงอีก็ชำเลืองตามองม่านหน้าต่างเป็นพัก ๆ แต่ก็ยังไร้การเคลื่อนไหวเหมือนเคย

“แม่นางหากลุกไม่ไหวข้าจะช่วยเจ้าเอง จะเป็นการล่วงเกินเจ้าหรือไม่” หลี่เซียวถามความเห็นอีกฝ่ายก่อน นางเป็นสตรีอยู่ในวัยแต่งงาน หน้าตาก็งดงาม จึงไม่กล้าผลีผลามถูกเนื้อต้องตัวโดยตรง

กู่ซิงอีเมื่อเห็นว่าหน้าที่ของตนเสร็จสิ้นแล้วและด้วยกลัวว่าตนจะถูกสังเกตเห็นเข้าจึงก้าวถอยหลังเดินออกจากจุดเดิม หากเรื่องนี้ไม่สำเร็จและยังต้องเปลี่ยนแผน ดังนั้นถ้าเขาปรากฏตัวบ่อยครั้งอาจจะทำให้คนของตระกูลว่านสังเกตเห็นตนเข้าพอดี จะทำอะไรต่อไปก็คงเคลื่อนไหวได้ยากแล้ว

ทว่าในตอนที่กู่ซิงอีถอยออกไปจากละครฉากนี้ ผ้าม่านของรถม้าตระกูลว่านก็ถูกพัดเล่มหนึ่งที่ยังถูกพับไว้อยู่เขี่ยเปิดออกไปด้านข้าง

ว่านฟู่เฉิงเห็นคนของตนเองออกไปสักพักยังไม่จบเรื่องก็ลองเปิดม่านไปมอง ในตอนนั้นกลิ่นหอมที่เขาเคยสงสัยว่าเป็นกลิ่นอะไรก็ลอยเข้ามาในรถม้า

ครั้นหันมองไปด้านข้างก็ได้พบกับบุรุษผู้หนึ่งคนที่เดินสวนทางกับฝูงชนที่พากันเข้ามามุงดูเรื่องสนุกออกไป อาจเพราะความสูงที่สูงกว่าชาวบ้านทั่วไปเล็กน้อยทำให้เขาดูโดดเด่นขึ้นมา อีกทั้งหน้าตาก็งดงามเกลี้ยงเกลาน่ามอง แต่กลิ่นอายรอบตัวกลับเต็มไปด้วยความเฉยชาทำให้มีความรู้สึกว่าเข้าหาได้ยาก

ว่านฟู่เฉิงคิดว่าคนผู้นี้คงทำงานอยู่แถวนี้เป็นแน่ นี่เป็นครั้งที่สองแล้วที่ได้เจอกัน และถ้าหากเขาเดาไม่ผิดวันนั้นที่ตนนั่งดูต้นพลับอยู่ก็เป็นคนผู้นี้แน่ที่บ่นต้นพลับของผู้อื่นอยู่ด้านนอกกำแพง

ด้ามพัดถูกดึงกลับเข้ามาด้านใน ว่านฟู่เฉิงปิดม่านลงไม่อยากมองตามคนผู้นั้นไป ด้วยเกรงว่าหากใส่ใจมากเกินไปเวลาไปไหนก็คงเจอกันบ่อยขึ้น ในใจคาดว่าที่พบกันครั้งนี้อีกรอบคงเป็นเพียงความบังเอิญเท่านั้น

ส่วนกู่ซิงอีก็เดินกลับมาหาสหายรัก มองดูเหตุการณ์อยู่ไกล ๆ เห็นชาวบ้านพากันกดดันคนของตระกูลว่านทั้งสองคน จากนั้นไม่นานฉีหย่าก็ได้นั่งอยู่ด้านหน้ารถม้าแต่รถม้าไม่ได้เคลื่อนตัวเข้าไปที่ร้านว่านในทันที กลับไปส่งนางที่อื่นก่อน ที่นั่งด้านหน้าไม่ได้กว้างมากนักดังนั้นจึงนั่งได้แค่สองคน คนขับรถม้าคนเดิมถูกทิ้งไว้เบื้องหลัง หลี่เซียวจึงทำหน้าที่เป็นสารถีแทน

กู่ซิงอีกับเซี่ยลู่หลินก็เดินตามมาตลอดทาง

“นางงดงามขนาดนี้เจ้าคิดว่าคุณชายว่านจะชอบนางหรือไม่” เซี่ยลู่หลินถามขึ้น

“นางงดงามเป็นเรื่องจริง ส่วนเรื่องคุณชายว่านจะชอบนางหรือไม่ข้ามิอาจเดาส่งเดชได้ แล้วดูตอนนี้แม้กระทั่งหน้าของนางคุณชายว่านก็ยังไม่ได้เห็นเลย คนของตระกูลว่านไม่ยอมพาคุณชายว่านออกจากรถม้าเพื่อไปส่งที่ร้านว่านก่อนด้วยซ้ำ กลับมุ่งตรงไปที่อื่น ข้าเดาว่าคงไปโรงหมอ เกรงว่าหากนางไม่ใช้มารยาอีกนิดเรียกร้องขอทำงานกับคุณชายว่านให้ไวกว่านี้ตามแผนที่เราวางไว้ นางคงถูกส่งไปโรงหมอแล้วได้เงินค่าเสียหายมาแทนก่อนจะได้เจอคุณชายว่านเสียอีก”

กู่ซิงอีเริ่มกังวล หากเรื่องนี้ไม่สำเร็จก็เท่ากับตนเสียเงินโดยสูญเปล่า ค่าตัวแม่นางฉีหย่าไม่ใช่น้อย ๆ เลย นั่นเป็นเงินเก็บตั้งสองปีของเขาเชียวนะ!

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel