บท
ตั้งค่า

บทที่ 2 (2.3) นี่คนหรือนักบวช

กู่ซิงอีถึงขั้นเกาหัวด้วยความฉงน จู่ ๆ ก็โดนฝ่ามืออรหันต์ “จะส่งคนไปทั้งที่ก็ต้องส่งแบบที่เจ้าตัวชอบสิ บางทีคุณชายว่านอาจจะไม่ได้ชอบคนที่มีหุ่นงดงาม อาจชอบที่เรียบร้อยและเด็กกว่าตนมากก็ได้”

สุดท้ายแล้วทั้งคู่ก็ถกเถียงกันอยู่นาน กู่ซิงอีที่ไม่มีงานทำเพราะหมักสุราไว้มากพอแล้วจึงอาสาไปสืบถามหาข่าวดูว่าคุณชายว่านเคยมีสตรีที่คบหาหรือไม่ หรือว่าเคยไปเที่ยวหอย่านโคมแดงแล้วเลือกสตรีแบบไหน

“คุณชายว่านหรือ ไม่เห็นว่าเขาจะมีใครที่เคยชอบพอกัน” นี่คือคำกล่าวของคนที่อยู่ละแวกจวนของตระกูลว่านซึ่งมีแต่คำบอกเล่าในทำนองเดียวกันทั้งหมด กู่ซิงอีจึงเดินทางต่อไปแถวย่านโคมแดงแทน

“คุณชายว่านหรือ ข้าไม่เคยเห็นเขาไปงานเลี้ยงด้วยซ้ำ”

“คุณชายว่านไม่เคยมาที่แบบนี้หรอก วัน ๆ เห็นแต่ขลุกตัวอยู่ในจวนกับร้านว่านกลางเมือง”

“ข้าเคยเห็นเขามาเจรจาการค้าอยู่บ้างแต่ส่วนมากไม่มาที่หอเริงรมย์ของข้าหรอก นู่น เขาแวะเข้าร้านน้ำชาแทน !”

สรุปแล้วกู่ซิงอีเสียเวลาไปจนค่ำก็รู้แค่ว่าคนผู้นั้นเก็บตัวมากนัก หอเริงรมย์หรือหอรื่นเริงแต่ละที่ก็ยังไม่เคยไปและไม่เคยเรียกใครไปที่จวนเพื่อจัดงานเลี้ยงเหมือนที่เศรษฐีจวนอื่นชอบทำด้วยซ้ำ

กู่ซิงอีใช้สุราที่หมักไว้ช่วงเดือนนี้ของปีก่อนไปแลกข่าวสารจากที่ต่าง ๆ เกือบหมดบ้านแล้วก็ไม่ได้ความ บัดนี้สุราเหลืออยู่ในมือเพียงไหเล็กหนึ่งไห ถูกกู่ซิงอีหิ้วหูเชือกแกว่งไปมาระหว่างทางกลับจากหาข่าว

“แปลกคนยิ่งนัก”

ทว่าเขาจะไปว่าคุณชายว่านแปลกคนก็มิได้ ตัวเขาเองไม่ใช่คนจนมากนัก สามารถดื่มกินเที่ยวตามหอรื่นเริงหรือเข้าหอนางเริงรมย์ย่านโคมแดงก็มิใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้ แต่เขาเองก็ไม่เคยคิดจะไปเช่นกัน หากคิดอยากร่ำสุราก็นั่งดื่มเพียงลำพังไม่ก็แอบไปดื่มกับเซี่ยลู่หลินกันสองคนเท่านั้น

ยามนี้พอนึกถึงใบหน้าเรียบเฉยที่ค่อนข้างเย็นชาของคุณชายว่านขึ้นมาก็สัมผัสถึงกลิ่นอายสูงศักดิ์จากความทรงจำได้เลือนราง เช่นนั้นก็คงไม่แปลกแล้วที่คุณชายท่านนั้นจะไม่มาเที่ยวในที่แบบนี้

‘สูงส่งราวเทพเซียน ไร้สิ้นโลกิยะ’

นั่นคือคำที่กู่ซิงอีนิยามว่านฟู่เฉิงในใจ

กู่ซิงอีจึงสรุปได้ว่าหากจะหาคนแบบที่คุณชายว่านชอบก็คงต้องสุ่มเอาแล้ว ไม่ก็หนทางสุดท้ายคือแอบเฝ้าดูคุณชายว่านอยู่ห่าง ๆ

ชั่วขณะที่คิดมาถึงตรงนี้ เขาก็มาหยุดลงที่จวนตระกูลว่านเสียแล้ว เนื่องเพราะถนนเส้นนี้เป็นทางผ่านไปยังบ้านของเขาที่ท้ายเมืองพอดี

จุดที่เขาหยุดยืนอยู่คือกำแพงด้านข้างของจวน กำแพงค่อนข้างสูงและบริเวณนี้ไม่มีที่ให้ปีนเข้าไปได้ง่าย แถมกู่ซิงอีวันนี้ก็เหนื่อยมากแล้ว ยามนี้จึงไม่คิดจะปีนจวนคนอื่นยามวิกาล

แต่วันอื่นนั้น ไม่แน่!

แววตาทอประกายเบาบางเงยขึ้นมองแผ่นฟ้า เมื่อวานจันทร์กระจ่างเต็มดวง ทว่าวันนี้ความกลมกลึงของมันหดหายไปเสี้ยวหนึ่ง แต่กระนั้นก็ยังทอประกายแสงสีเหลืองนวลออกมา สาดส่องไปทั่วบริเวณทำให้กู่ซิงอีไม่จำเป็นต้องพกโคมเทียนนำทางกลับบ้าน

“ยังดีที่เจ้ายังเห็นใจหมู่ดาว ให้ผู้อื่นได้อวดโฉมเสียบ้าง”

กู่ซิงอีพึมพำบ่นดวงจันทร์ นึกครึ้มใจเปิดผนึกสุราในมือออกแล้วยกกระดกไปอึกใหญ่ สุราแสงจันทร์รสชาติใสกระจ่าง บางเบาและหอมหวาน นำพาความหนักอึ้งแต่เดิมให้บางเบาลงไป

เขายกมือปาดสุราที่ไหลออกมาจากมุมปากออกไป เมื่อสังเกตดาราไปแล้วก็เพิ่งจะได้เห็นกิ่งของต้นพลับที่ยื่นออกมาจากกำแพงจำนวนหนึ่งและบนกิ่งก้านมีผลของมันอยู่หลายลูก “เหอะ! แม้แต่ต้นพลับของที่นี่ก็ดีกว่าที่อื่น!”

กู่ซิงอีครั้นกล่าวต่อว่าต้นไม้ด้วยความน้อยใจเสร็จก็เดินจากไป

ในอีกฟากฝั่งของกำแพงเป็นคุณชายเจ้าของจวนกำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้รถเข็นและมองต้นพลับอยู่เช่นกัน

เมื่อครู่เขาได้ยินคนด้านนอกเหมือนบ่นทอแสงจันทร์ไม่พอยังตัดพ้อแม้กระทั่งต้นไม้ในจวนของผู้อื่น จากที่รู้สึกมึนหัวอยู่จึงเปลี่ยนเป็นความอยากรู้แทน คิดว่าคนผู้นี้เมามายแล้วแน่เพราะเขาได้กลิ่นสุราโชยมาจาง ๆ และคนปกติคงจะไม่มาอิจฉาแม้กระทั่งต้นไม้ของผู้อื่นหรอก

“คุณชายเข้าข้างในเลยไหมขอรับ” หลี่เซียวที่รออยู่ไกล ๆ เมื่อเห็นคุณชายขยับตัวจึงคิดว่าต้องการเรียกใช้เลยรีบเดินเข้ามาถาม

“อาเซียว ต้นพลับต้นนี้ออกผลมากกว่าต้นที่จวนของผู้อื่นหรือ” น้ำเสียงของว่านฟู่เฉิงนั้นค่อนข้างเบาเหมือนเคย

“น่าจะปกติขอรับ” แม้จะแปลกใจว่าคุณชายถามทำไม แต่เขาลองนึกหาในหัวดูแล้ว ต้นพลับมีผลออกมาประมาณนี้ถือว่าไม่เยอะไม่น้อย จำนวนกำลังพอดี

“...” ว่านฟู่เฉิงจับจ้องผลบนต้นพลับที่เริ่มเป็นสีเหลืองส้มแล้วทอดถอนใจ เกิดเป็นแค่ต้นพลับก็ยังถูกอิจฉา ใจคนล้ำลึกขนาดไหนกัน

 

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel