บทที่ 2.3
ธีระถอนออกใจด้วยความกลัดกลุ้มหลังจากฟังสิ่งที่กวินเล่ามาทั้งหมดเกี่ยวกับความรู้สึกในเวลานี้ของณัชชาที่มีต่อตน เขาไม่รู้จะอธิบายอย่างไรเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นว่าไม่มีอะไรในกอไผ่อย่างที่ทุกคนคิด เพราะในเวลานี้สายตาของคุณนายลอรและเพื่อนรักที่จ้องมองมาเต็มไปด้วยคำถามที่ชายหนุ่มก็รู้ว่าต่อให้อธิบายไปอีกร้อยครั้งก็คงไม่มีใครเชื่อแน่
“ณัชเป็นไงบ้าง” ชายหนุ่มถามถึงภรรยาคนดี
“ก็ร้องไห้เป็นเผาเต่า ท่าทางคงเสียใจมาก” กวินเองก็หนักใจเช่นกัน
ทันทีที่ได้รู้ว่าน้องรักตัดสินใจแก้ปัญหาด้วยการแยกทาง กวินก็รีบโน้มน้าวและหาทางออกที่ดีให้ สิ่งที่ชายหนุ่มยกมาเป็นข้ออ้างก็คือลูก
‘ทำแบบนั้นแล้วได้อะไร ณัชมีความสุขจริงเหรอ’ กวินถามอย่างอ่อนโยน
‘ณัชทนอยู่กับความหลอกลวงของพี่ธีไม่ได้แล้วค่ะ สิ่งที่ณัชเห็นวันนี้เป็นครั้งที่เท่าไรก็ไม่รู้ ณัชไม่อยากเป็นคนโง่ พี่วินเข้าใจไหม’ ณัชชาสะอื้น
‘ร้านอาหารนั่นใกล้มหาวิทยาลัยมาก พี่ธีน่าจะคิดถึงหน้าณัชบ้าง ถ้าเกิดใครในคณะมาเห็นว่าสามีณัชมากับผู้หญิงอื่นแถมสนิทสนมจนแทบจะอุ้มกันขนาดนี้ ณัชจะเอาหน้าไปไว้ไหนคะ’
‘พี่เข้าใจ แต่ณัชยังไม่ได้คุยกับธีเลยนะ เอางี้ไหม เรื่องหย่าไว้เป็นทางออกสุดท้าย เดี๋ยวพี่จะไปพูดกับนายธีให้เอง ถ้ามันเป็นเรื่องจริงณัชจะทำอะไรพี่ไม่ห้าม แต่ถ้าธียืนยันว่าไม่มีอะไร ณัชต้องให้โอกาสพ่อของลูกได้พิสูจน์ตัวเองตกลงไหม’
‘แต่ พี่วินคะ...’
‘เชื่อพี่ ถ้าไอ้ธีมันผิดกับณัชจริงพี่ก็ไม่เข้าข้าง แต่อย่างน้อยเห็นแก่ลูกหมีให้ธีมันสำนึกนะ แล้วณัชค่อยตัดสินใจก็ยังไม่สาย’
‘ถ้างั้นณัชขอแยกห้องนอนกับพี่ธีค่ะ ณัชจะมานอนกับลูก ณัชไม่อยากรับรู้ว่าเขาสองคนทำอะไรกันอีก’
ทั้งณัชชาและธีระเป็นบุคคลที่เขารักทั้งคู่ คนหนึ่งเป็นเพื่อนตายอีกคนเป็นน้องรักที่เอ็นดูมาแต่ไหนแต่ไร เพื่อนรักกับน้องรักมาปลูกต้นรักจนงอกเงยแต่งงานมีหลานน่าเอ็นดูอย่างลูกหมี ชีวิตที่น่าอิจฉากำลังจะอับปางลงเพียงเพราะใจคนเปลี่ยนอย่างนั้นหรือ
“ณัชจะเลิกกับผมครับแม่” ธีระเอ่ยเสียงเครือ
“แม่ไม่รู้จะพูดยังไง ธีต้องพิสูจน์ให้หนูณัชเห็นว่าทุกอย่างเป็นความเข้าใจผิดอย่างที่พูด” คุณนายลอรตอบอย่างเป็นกลาง ใจหนึ่งก็เอนเอียงเชื่อคำของลูกชายแต่อีกใจก็เห็นใจสะใภ้คนดีเหลือเกิน
“มันเป็นเรื่องเข้าใจผิด มันไม่ใช่อย่างที่ทุกคนคิด แม่เข้าใจผมใช่ไหม ไอ้วินแกรู้ใช่ไหมว่าฉันเป็นยังไง” ธีระเองก็อึดอัดกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นเหลือเกิน ต้องทำอย่างไรทุกคนถึงจะเชื่อว่าเขากับชุติมาไม่มีอะไรอย่างที่ทุกคนกล่าวหา
“ไอ้วิน ฉันจะเข้าใจหรือเปล่าไม่สำคัญ ตอนนี้เมียแกเข้าใจเป็นอย่างอื่นไปเเล้ว แกควรหาทางออกเรื่องนี้ให้เร็วที่สุด” กวินเองก็ไม่รู้จะทำอย่างไร ในเมื่อณัชชายืนยันว่าสิ่งที่เห็นเมื่อกลางวันเป็นหลักฐานที่ดีที่สุด และในเวลานี้หญิงสาวตัดสินใจที่อยากจะยุติปัญหาด้วยการแยกทางกับเพื่อนรัก
“เรื่องณัช ฉันกล่อมให้แล้ว ตอนนี้แยกห้องกันสักพักแล้วแกก็หาทางพิสูจน์ตัวเองซะว่าความจริงคืออะไร”
กวินมองหน้าเพื่อนรักด้วยความไม่เข้าใจ ทำไมธีระจึงต้องปกป้องผู้หญิงที่ชื่อชุติมาที่กำลังทำให้ครอบครัวมีปัญหามากมายขนาดนี้ เขาอดคิดในใจไม่ได้ว่าหรือทุกอย่างจะเปลี่ยนไปตามที่ณัชชาพูด
“มันไม่ใช่วิธีแก้ปัญหานะครับ ที่จะให้น้องมาลาออก” ธีระแย้งมารดากลับไปทันที
คุณนายลอรเสนอให้ธีระไล่ชุติมาออกจากงานเพื่อยุติปัญหาความเข้าใจผิดของณัชชาเสีย แต่บุตรชายไม่ยอมหนำซ้ำยังปกป้องหญิงสาวอย่างออกนอกหน้าเสียด้วย
“ผมกับน้องมาไม่มีอะไรจริงๆ ทำไมไม่มีใครเชื่อบ้างนะ” คนถูกกล่าวหานิ่วหน้าพลางถอนหายใจออกมาเบาๆ
“ก็ถ้าไม่มีอะไรแล้วทำไมนายต้องปกป้องเด็กนั่นด้วย ให้ออกไปก็สิ้นเรื่อง” กวินเห็นด้วยกับความคิดของคุณนายลอร
เขาได้เห็นประวัติหน้าตาของชุติมาเรียบร้อยแล้วจากคุณนายลอร หน้าตาจัดเข้าขั้นว่าสวยประวัติการศึกษาใช้ได้ประวัติส่วนตัวเป็นเด็กกำพร้า นี่ล่ะ เป็นเหตุผลที่ทำให้กวินคิดเห็นเหมือนมารดาเพื่อนรัก
‘คนไม่มีหลักอาจจะเห็นตาธีเป็นหลักที่มั่นคงก็ได้’
“แต่มันไม่มีเหตุผลที่จู่ๆ จะไปไล่พนักงานออก แม่จะให้ผมให้เหตุผลว่าเพราะกลัวเมียเข้าใจผิดอย่างนั้นเหรอครับ” ธีระหันมาหามารดา
“ให้เงินไปสักก้อนคิดซะว่าเป็นโบนัสที่ทำงานดีถูกใจลูก มีเงินสำรองไว้ใช้จ่ายระหว่างหางานใหม่ก็คงไม่ต้องห่วงอะไรอีกแล้วมั้ง” มารดาค้อนขวับเข้าให้
“แม่ครับ” ชายหนุ่มปวดประสาทเหลือเกินกับเรื่องนี้
“ไม่งั้นแกก็ต้องเลือกระหว่างพนักงานดีเด่นที่ช่วยได้ทุกเรื่อง กับเมียและลูกที่ชาวบ้านเขาเรียกว่าครอบครัว” คุณนายลอรยื่นคำขาด
ธีระไม่คิดเลยว่ามารดาก็จะเป็นไปกับเขาด้วย ชายหนุ่มหันไปหาเพื่อนรักเพื่อขอความช่วยเหลือแต่กวินเมินหน้าเหมือนไม่รับรู้ว่าเขาต้องการอะไร
“นี่ถ้าต่อไปณัชไม่พอใจหรือหึงใคร ผมต้องไล่ออกหมดบริษัทเลยไหม” ชายหนุ่มประชดอย่างสุดกลั้น
ไม่มีใครตอบคำถามของธีระทำให้บรรยากาศในห้องยิ่งเงียบเข้าไปใหญ่ ชายหนุ่มพยายามคิดหาวิธีที่จะช่วยชุติมาให้ไม่ต้องออกจากงานกลางคันตามการกดดันของครอบครัว เรื่องไม่เป็นเรื่องมาทำให้เป็นเรื่องใหญ่กระทบต่อการปกครองของเขาจนได้
การเงียบของธีระทำให้คุณนายลอรและกวินคิดไปต่างๆ นานา โดยเฉพาะกวินที่เริ่มสงสัยว่าผู้หญิงคนนั้นมีความสัมพันธ์อย่างไรกับเพื่อนรักกันแน่
“ตกลงพรุ่งนี้ธีไปไล่เด็กนั่นออกซะ ปัญหาทุกอย่างจะได้จบ” คุณนายลอรเป็นคนสรุปทุกสิ่งเอง
“แม่ครับ ผมขอร้องได้ไหม ถ้าแม่จะให้น้องมาออกจริงๆ ก็ให้หางานใหม่ได้ก่อน” ธีระพยายามยืดเวลาให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เขากลัวว่าชุติมาจะหางานทำเลี้ยงตัวเองไม่ได้และคนอย่างเธอคงไม่รับความช่วยเหลือจากใครง่ายๆ แน่
“นายดูเป็นห่วงเด็กนั่นมากนะ ธี ตกลงนายกับเด็กนั่นเป็นอะไรกัน เด็กนั่นอยู่ฝ่ายบัญชีไม่ได้เป็นเลขาซะหน่อย หรือว่าพอหลังเลิกงานก็มาเป็นเลขาข้างตัวนาย”
ธีระไม่โกรธที่กวินพูดแบบนั้น เขารู้จักนิสัยเพื่อนรักดีว่าเป็นคนพูดจาโผงผางตรงไปตรงมามากแค่ไหน แต่เรื่องของเขากับชุติมาอธิบายไปก็คงไม่มีคนเข้าใจอยู่ดี
“ไม่ใช่แบบนั้น เอาเป็นว่าผมจะให้ชุติมาหางานใหม่ให้ได้เร็วที่สุด” ธีระพูดเพียงเท่านั้น สีหน้าชายหนุ่มดูเคร่งเครียดอย่างเห็นได้ชัด
“กี่เดือน นานแค่ไหน” มารดาถามกลับทันที
“ไม่รู้ครับ เมื่อไรก็เมื่อนั้น” ชายหนุ่มตอบอย่างเสียไม่ได้
“แล้วเรื่องจะจบเมื่อไร ต้องให้หนูณัชอาละวาดขึ้นมาอีกหรือไง หรือจะรอให้หย่ากันจริงๆ เสียก่อนต้องให้ตาลูกหมีเป็นเด็กไม่มีพ่อก่อนใช่ไหม ธีถึงจะยอมไล่เด็กนั่นออก” คุณนายลอรชักเริ่มไม่พอใจกับท่าทีลังเลของบุตรชาย
“แม่ครับ มันไม่เลวร้ายแบบนั้นหรอก ผมกับน้องมาไม่มีอะไรจริงๆ ณัชควรเข้าใจและใจกว้างมากกว่านี้ ทีเวลาเขาบ้างานของมหาวิทยาลัยกลับดึกๆ ดื่นๆ บ้าเรียนปริญญาเอกเอาด็อกเตอร์ให้ได้ ผมยังไม่เคยว่าเลย นี่ผมทำงานเพื่อครอบครัวนะครับ ทำไมทุกคนไม่เข้าใจกันบ้าง”
คุณนายลอรเงียบไม่พูดอะไรต่อ นางก็ไม่อยากจะทะเลาะกับบุตรชายมากไปกว่านี้ รู้นิสัยธีระดีว่าหากกดดันมากๆ เจ้าลูกชายคนนี้ก็บ้าระห่ำได้เหมือนกัน
“นายอยากให้เด็กนั่นได้งานทำก่อนใช่ไหม” กวินเอ่ยถามขึ้นมาหลังจากที่เงียบอยู่นาน
ปัญหาที่กวินมองเห็นตอนนี้คือทำอย่างไรก็ได้ให้ธีระกับผู้หญิงคนนั้นแยกจากกันให้เร็วที่สุด ดังนั้นเขาจึงเสนอตัวเป็นคนช่วยแก้ไขเรื่องนี้เอง
“มันก็ยุติธรรมไม่ใช่เหรอ” เพื่อนรักมองหน้า
“ถ้างั้นให้เด็กนั่นไปช่วยงานฉันที่ไร่ ตอนนี้คนกำลังขาด”
คุณนายลอรยิ้มออกมาได้ ทางออกนี้นับว่าสวยงามที่สุด ไปทำงานที่ไร่ของกวินซึ่งเงียบสงบติดต่อโลกภายนอกไม่ได้ นางคิดจะเป็นคนออกค่าใช้จ่ายทั้งหมดให้เองโดยไม่ต้องรบกวนใคร ขอแค่ให้ไปไกลๆ จากครอบครัวของณัชชากับธีระเถอะ วิธีไหนนางก็ยอม
“ที่ไร่นายมีอะไร” ธีระถามขึ้นทันที
“อ้าว ฉันทำไร่สตรอว์เบอร์รี่แกคิดว่ามีอะไรล่ะ” กวินย้อนเข้าให้บ้าง
“ถ้านายห่วงว่าเด็กนั่นจะไม่มีงานทำ ฉันก็เสนองานให้แล้วทีนี้นายมีปัญหาอะไรอีกไหม”
ธีระฮึดฮัดอยู่เพียงคนเดียว นี่อย่าบอกว่าเพื่อนรักเป็นพวกเดียวกับมารดาและณัชชาไปแล้ว ไร่สตรอว์เบอร์รี่ของกวินจะมีงานอะไรให้ชุติมาทำ ที่นั่นมีแต่เจ้าผลไม้สีแดงนั่นกับคนงานเท่านั้น เงียบสงบเหมาะกับการไม่ยุ่งเกี่ยวกับโลกภายนอก ถ้าให้ชุติมาไปทำงานที่นั่นก็เท่ากับตัดอนาคตที่สดใสของเธอแน่
“น้องมาทำบัญชีได้ ที่ไร่นายก็มีคนทำอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ” ธีระจำได้ว่าเรื่องบัญชีของเพื่อนมีคนดูแลเรื่องนี้แล้ว
“มีสองคนก็ดีจะได้ช่วยกันดูแล ฉันเพิ่งขยายไร่เพิ่ม” กวินจ้องหน้าสำรวจดูท่าทีของเพื่อนว่าคิดเห็นประการใดกับทางออกที่เขาเสนอให้
“แม่เห็นด้วย เรื่องเงินเดือนเงินดาวน์แม่จัดการให้เอง” คุณนายลอรเห็นด้วยอีกคน
“แม่จะให้บริษัทจ่ายเงินเดือนเด็กนั่นตามปกติ ถือว่าเป็นการให้คนของบริษัทไปเรียนรู้งานที่ไร่ของพ่อวินแล้วกัน คราวนี้ตาธีมีปัญหาอะไรไหม”
ธีระพูดอะไรไม่ออก เขาสะบัดหน้าหนีมองไปทางอื่นอย่างขัดใจ คุณนายลอรค่อยโล่งอกที่มีทางออกสำหรับปัญหาเรื่องนี้ ในขณะที่กวินมองท่าทีของเพื่อนรักที่ดูเหมือนไม่พอใจด้วยความสงสัย ผู้หญิงคนนั้นมีอิทธิพลกับธีระมากขนาดนี้เชียวหรือ
