บทที่ 2.1
ผลจากการทุ่มเทของธีระทำให้บริษัทได้รับข่าวดีเรื่องการตอบรับราคาสินค้าที่เสนอไป ทำให้เที่ยงนี้ชายหนุ่มจึงตอบแทนทุกฝ่ายที่ร่วมมือร่วมใจกันผลักดันให้งานชิ้นนี้สำเร็จได้ตามคาดหมาย
“เต็มที่นะทุกคนอยากกินอะไรสั่งได้ตามสบาย” เจ้านายหนุ่มนั่งลงที่หัวโต๊ะในขณะที่พนักงานคนอื่นๆ ทยอยกันนั่งตามใจชอบ
“มาโทร.สั่งอาหารไว้เรียบร้อยแล้ว คุณธีอยากทานอะไรเพิ่มไหมคะ” ชุติมา ดวงสวัสดิ์วัยยี่สิบห้าปีนั่งลงข้างเจ้านายของตน
“คนอื่นอยากทานอะไรสั่งได้เต็มที่ ของผมแค่นี้ล่ะ”
อาหารถูกลำเลียงมาวางบนโต๊ะอย่างรวดเร็ว ทุกจานล้วนเป็นอาหารขึ้นชื่อของที่ร้านทั้งสิ้น ธีระอดคิดถึงณัชชาขึ้นมาไม่ได้ร้านนี้อยู่ใกล้มหาวิทยาลัยที่หญิงสาวสอนอยู่ คงจะดีไม่น้อยหากศรีภรรยาได้มาร่วมฉลองความสำเร็จในครั้งนี้
สาวน้อยคนเดิมตักข้าวใส่จานให้ชายหนุ่มพร้อมทั้งเลื่อนจานอาหารมาใกล้ๆ เธอดูแลทุกอย่างให้เขาไม่ขาดตกบกพร่องแล้วจึงไปจัดการกับจานข้าวของตนเอง
ธีระให้พนักงานทุกคนเต็มที่กับอาหารมื้อเที่ยงและพักผ่อนจนได้เวลาอันสมควร ทั้งหมดจึงเดินทางกลับบริษัทเพื่อไปสานงานต่อให้เสร็จ ชายหนุ่มอยากจะนำข่าวดีนี้ไปบอกให้กับคุณนายลอรได้รับรู้
“วันนี้ผมคงกลับเร็วหน่อย อยากจะเอาข่าวดีไปบอกคุณแม่ ท่านห่วงกลัวว่าเราจะสู้คู่แข่งไม่ได้” ธีระเอ่ยถามหลังจากที่จัดการค่าอาหารเรียบร้อยและกำลังจะเดินมาขึ้นรถเพื่อกลับไปทำงานต่อ
ชุติมารับฟังเฉยๆแต่ไม่พูดอะไรต่อ หญิงสาวรู้ดีว่าสภาพเศรษฐกิจทั้งในประเทศและทั่วโลกมีปัญหาร่วมกัน แต่การที่ธีระสามารถพยุงบริษัทให้ผ่านวิกฤตต่างเหล่านั้นได้ และยังทำการตลาดกับกลุ่มลูกค้าใหม่จนสามารถทำกำไรได้เกินคาดแบบนี้ก็เป็นเรื่องน่ายินดีที่ควรบอกให้คนสำคัญได้รับรู้
ลานจอดรถของร้านอาหารร่มรื่นไปด้วยต้นไม้นานาชนิด พนักงานที่มาร่วมทานอาหารต่างทยอยกันขึ้นรถส่วนตัวที่ใช้เป็นพาหนะเดินทาง ชุติมาตั้งใจจะกลับไปรถคันเดียวกันกับพนักงานคนอื่นในแผนกแต่ธีระเรียกไว้เสียก่อน
“น้องมา ไปกับผม”
ชุติมาจำต้องเดินมาที่รถของชายหนุ่มตามคำสั่งอย่างเสียไม่ได้ รองเท้าส้นสูงเจ้ากรรมดันมีปัญหาทำให้ร่างของเธอเซถลาเกือบจะล้มลงกับพื้นปูน ดีที่ธีระคว้าตัวหญิงสาวไว้ได้ทัน
“เป็นอะไรหรือเปล่า” เขาถามด้วยความตกใจ พลางใช้สายตาสำรวจให้ทั่วว่ามีบาดแผลที่ไหน
“ไม่เป็นไรค่ะ ส้นรองเท้าดันมาหักตอนนี้” ชุติมารู้สึกเจ็บที่ข้อเท้าเล็กน้อย
“เท้าแพลงหรือเปล่า” ชายหนุ่มก้มลงมาจับที่ข้อเท้า
“มะ ไม่เป็นไรค่ะ คุณธีอย่าทำแบบนี้ มาเกรงใจ” หญิงสาวดึงข้อเท้าออกให้พ้นมือชายหนุ่ม
“บอกกี่ทีแล้วน้องมา ผมไม่ใช่คนอื่น” ธีระนิ่วหน้าพร้อมทำเสียงดุใส่
ชุติมาไม่รู้จะโต้ตอบกลับไปว่าอะไรดีได้แต่ทำตามคำสั่งของชายหนุ่มเท่านั้น แม้จะเกรงใจกับสายตาของเพื่อนร่วมงานที่เริ่มมีคำถามในความสัมพันธ์ระหว่างตนกับเจ้านายหนุ่ม แต่หญิงสาวก็เลือกที่จะไม่พูดอะไรทั้งสิ้นได้แต่นิ่งเงียบและบอกเพียงสั้นๆ ว่า ไม่มีอะไรในกอไผ่
ธีระพยุงชุติมาไปนั่งในรถแล้วจัดการพาไปหาหมอทันที คงไม่มีใครคิดว่าที่ลานจอดรถจะมีสายตาแห่งความเจ็บช้ำของใครบางคนจ้องมองอยู่ ณัชชาปล่อยโฮอย่างสุดกลั้นเมื่อรถของสามีแล่นผ่านไปต่อหน้า พวงมาลัยเป็นที่รองรับซับคราบน้ำตาที่หลั่งรินอาบสองแก้ม ไม่คิดเลยว่าจะได้มาเห็นกับสองตาตัวเองแบบนี้
บ้านแดนสรวงมีโอกาสได้ต้อนรับบุคคลพิเศษที่ชั่วนาตาปีจะมาเยือนสักครั้ง ชายหนุ่มรูปร่างสูงผิวคมเข้มท่าทางทะมัดทะแมงคุกเข่าลงกราบที่ตักของคุณนายลอรอย่างเรียบร้อย
“ไหว้พระเถอะ ลมอะไรหอบพ่อวินลงมาจากเชียงใหม่ได้ได้” นางยิ้มอย่างเอ็นดู
กวิน สุขรักษ์วัยสามสิบปีเพื่อนรักของบุตรชายเจ้าของไร่สตรอว์เบอร์รี่ชื่อดังทางภาคเหนือ ร้อยวันพันปีพ่อหนุ่มคนนี้แทบไม่เคยย่างกรายออกไปไหน วันๆ เอาแต่หมกตัวอยู่แต่ในไร่ที่เป็นมรดกตกทอดของครอบครัวมา
นอกจากลูกชายของสองครอบครัวจะเป็นเพื่อนรักชนิดตายแทนกันได้แล้ว ยังมีธุรกิจที่เกี่ยวพันกันนับตั้งแต่รุ่นพ่อแม่อีกด้วย ไร่สตรอว์เบอร์รี่ของกวินเป็นหนึ่งในสินค้าส่งออกของบริษัท ตั้งแต่เริ่มบุกเบิกและสานต่อสายสัมพันธ์นี้มาจนถึงธีระในปัจจุบัน
“แหม คุณแม่ ผมก็ออกมาดูดินฟ้าอากาศบ้างซิครับ ยิ่งตอนนี้สถานการณ์กำลังน่าติดตาม” กวินยิ้มอย่างประจบแล้วลงมือนวดเฟ้นมารดาเพื่อนรักเหมือนเช่นที่เคยทำทุกครั้งที่มา
“ตาลูกหมีไปไหนล่ะครับ เมื่อกี้ผมแวะไปหาก็ไม่เห็น” กวินถามหาหลานชายสุดที่รัก
“หนูณัชเอาไปบ้านตายาย เย็นๆ คงกลับมั้ง” พอพูดถึงณัชชากับหลานรักสีหน้าของคุณนายลอรก็ดูเคร่งเครียดขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด จนกวินเองก็สังเกตได้
“พ่อวินมาก็ดีแล้ว คืนนี้ค้างที่นี่เลยจะได้คุยกับตาธีหน่อย”
“นายธีเป็นไงบ้างครับ ล่าสุดที่เพิ่งคุยกันเห็นบอกว่ายุ่งมาก”
กวินไม่รู้ว่าตอนนี้เกิดอะไรขึ้นกับครอบครัวของธีระ เพราะเพื่อนรักไม่เคยพูดหรือบ่นปัญหาอื่นให้ฟังนอกจากเรื่องงานที่ทั้งสองช่วยกันแก้ไขมาตลอด ดังนั้นชายหนุ่มจึงคิดว่าทุกอย่างลงเอยด้วยการมีความสุขเหมือนเช่นที่ผ่านมา
คุณนายลอรชั่งใจว่าจะเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นของธีระและณัชชาให้กวินรู้ดีหรือไม่ นางเองก็ไม่อยากให้เรื่องบานปลายจนใหญ่โตเกินความจำเป็น แต่ก็ไม่อยากปล่อยให้ปัญหาคาราคาซังจนอาจแก้ไขอะไรไม่ได้ในที่สุด
“พ่อวินรู้เรื่องตาธีกับผู้หญิงคนนั้นไหม” นางเลียบเคียงถามก่อนเผื่อว่ากวินอาจจะระแคะระคายอะไรบ้าง
“ผู้หญิงคนไหนครับ” กวินถามด้วยความแปลกใจ
ธีระกลับเข้าบ้านมาตั้งแต่สี่โมงเย็นเพื่อบอกข่าวดีให้กับคุณนายลอรได้รู้ เขาทั้งแปลกใจและดีใจที่เห็นกวินอยู่ที่เรือนเล็กของมารดา
“ไงไอ้วิน” ธีระกอดคอทักทายเพื่อนรักด้วยความคิดถึง
“สบายดี แกเป็นไง”
“เหมือนเดิมงานยุ่งมากแต่วันนี้มีข่าวดีโว้ย” ชายหนุ่มหัวเราะเบาๆ อย่างมีความสุข
“ข่าวดีอะไร” คุณนายลอรเอะใจเล็กน้อย หวังว่าข่าวดีของลูกชายคงไม่เกี่ยวกับสิ่งที่นางกังวลอยู่ในเวลานี้
“ก็เรื่องที่คุณแม่เป็นห่วง วันนี้ผมเจรจากับลูกค้าเรียบร้อยทางโน้นเขาตกลงซื้อในราคาที่เคยซื้อขายกัน แต่ทางเราต้องเพิ่มเซอร์วิสให้เขามากขึ้น ผมว่าก็ดีเหมือนกันเพราะเซอร์วิสที่เพิ่มให้เราก็ไม่เสียอะไรอยู่แล้ว”
คุณนายลอรพยักหน้าเข้าใจและรู้สึกดีใจกับสิ่งที่บุตรชายสามารถแก้ไขปัญหาเร่งด่วนของบริษัทให้ผ่านไปได้ ธีระหันมาหากวินที่นั่งอยู่ข้างๆ ชายหนุ่มไม่ได้พบหน้าเพื่อนรักมานานเกือบปี วันนี้คงต้องคะยั้นคะยอให้ค้างที่นี่เพื่อคุยกันให้หายคิดถึง
“จะรีบกลับหรือเปล่า คืนนี้ค้างที่นี่นะ” ธีระอยากให้เพื่อนค้างที่นี่เพื่อหาโอกาสพูดคุยเรื่องราวต่างๆ มากมาย
ตามปกติแล้วทุกคนรู้กันดีว่านิสัยของกวินเป็นคนค่อนข้างเก็บตัว แต่ไหนแต่ไรตั้งแต่สมัยเรียนทุกครั้งที่มีวันหยุดยาวหรือปิดภาคเรียน เพื่อนรักต้องกลับไปบ้านต่างจังหวัดเพื่อช่วยงานครอบครัวอยู่เสมอ บ่อยครั้งที่ธีระมักตามไปด้วยจึงทำให้ทั้งสองสนิทกันจนถึงขนาดพูดทุกสิ่งในใจแก่กันได้อย่างสนิทใจ
“ก็อยากกลับแต่ก็อยากกินน้ำพริกฝีมือแม่ครัวที่นี่สักมื้อ” กวินแกล้งพูดยียวนสร้างเสียงหัวเราะให้กับทุกคนได้เป็นอย่างดี
คุณนายลอรมองสองหนุ่มที่พูดจาเล่นหัวกันอย่างสนุกสนานอย่างมีความสุข กวินและธีระเป็นเพื่อนรักที่ไม่เคยเปลี่ยน ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหนก็ตามทุกครั้งที่เจอหน้าหรือได้มีโอกาสโทรศัพท์พูดคุย ทั้งสองก็จะสร้างความสุขใจให้อีกฝ่ายเสมอ
