ตอนที่ 3 จำยอม
“นายใหญ่!!” ดวงตาคู่งามเบิ่งกว้างมองคนเป็นเจ้านายแทบไม่อยากเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน
“ก่อนที่เธอจะออกไปจากห้องนี้ฉันต้องได้คำตอบ”
“นายใหญ่คะคือ..มุข ให้มุขชดใช้เป็นอย่างอื่นได้หรือเปล่าคะ จะหักเงินเดือนมุขก็ได้มุขยอม” เมื่อได้สติเธอจึงวิงวอนเขาทั้งน้ำเสียงและสายตา
พราวมุขรู้ว่าข้อเสนอแรกที่โภไคยพูดมานั้นเขารู้ดีว่าเธอไม่มีปัญญาที่จะหาเงินมาจ่ายแน่ ๆ แต่ข้อเสนอหลังนั้นยิ่งทำให้ตกใจยิ่งกว่าเพราะไม่คิดว่าผู้ชายอย่างเขาจะอยากได้สิ่งชดเชยเป็นผู้หญิงแบบเธอ
“เธอเป็นคนพูดเองไม่ใช่หรือไงว่าให้ฉันเป็นคนเลือกทางออกให้กับเธอ หรือว่าเพียงไม่กี่วินาทีเธอก็ลืมคำพูดของตัวเองเสียแล้ว” สิ่งที่หญิงสาวพูดออกไปเพราะความกลัวถูกชายหนุ่มยกขึ้นมาพูดเพื่อดักคอ
“แต่ว่ามุข”
“หรือว่าเธอมีสามีแล้ว”
“เปล่าค่ะมุขยังไม่มีแฟน” พราวมุขอยากกัดลิ้นตัวเองนักที่รีบตอบคำถามของเขาโดยไม่คิด
คำตอบของหญิงสาวทำให้หนุ่มใหญ่อย่างโภไคยรู้สึกพอใจอยู่ลึก ๆ
“ก็ดี..เธอคิดว่าเงินเดือนที่เธอได้รับจะต้องชดใช้กี่ชาติล่ะถึงจะหมด ถึงแม้ที่นี่จะจ่ายเงินเดือนมากกว่าที่อื่นก็เถอะฉันไม่ตายก่อนที่จะได้เงินครบหรอกเหรอ บริษัทคงเจ๊งไม่เป็นท่าถ้าหากมีพนักงานที่สะเพร่าแบบเธอทั้งหมด” เสียงเรียบที่แฝงไปด้วยความดุดันพร้อมแววตาที่ลึกล้ำนั้นยากจะเข้าใจได้ว่าคนพูดกำลังมีเจตนาอะไรที่แท้จริงซ่อนอยู่
“มุขไม่ได้อยากให้มันเป็นแบบนี้” เธอแสดงออกถึงความเสียใจให้เขาเห็นอีกครั้งทั้งคำพูดและสายตา
“ฉันถึงบอกให้เธอเลือกไงล่ะ ว่าจะชดใช้เป็นตัวเงินทั้งหมดภายในเจ็ดวัน..หรือจะชดใช้เป็นตัวเธอ เพราะหากจะต้องรอฝ่ายไอทีกู้ข้อมูลอีกสามวันยังไงบริษัทก็ต้องเสียลูกค้าไปเห็น ๆ พร้อมทั้งความน่าเชื่อถือที่สั่งสมมานานก็ต้องพังลง รวมถึงเงินค่าเสียหายจากการที่ลูกค้าต้องเสียเวลาซึ่งบริษัทต้องเป็นคนชดใช้ ถ้าเธอเป็นฉัน เธอจะจัดการตัวปัญหาที่ทำให้เกิดความเสียหายนี้ยังไงดีล่ะบอกฉันหน่อยสิ..พราวมุข” แม้เสียงนั้นจะลดระดับลงในตอนท้ายแต่พราวมุขกลับรู้สึกว่าสถานการณ์เริ่มน่ากลัวขึ้นเรื่อย ๆ
ร่างสูงเดินอ้อมออกจากโต๊ะทำงานตัวใหญ่มาหยุดทางด้านหลังของหญิงสาว
กลิ่นน้ำหอมอ่อน ๆ ผสมกลิ่นกายสาวให้ความรู้สึกสดชื่นและสะอาดแบบที่ชายหนุ่มไม่เคยรู้สึกจากผู้หญิงคนไหนมาก่อน มันทำให้บางอย่างในกายหนุ่มแล่นพล่านอย่างบอกไม่ถูก
โภไคยรู้สึกแปลกใจการกระทำตัวเองไม่น้อยที่เสนอทางเลือกแบบไม่ได้วางแผนมาก่อนให้กับพราวมุขทั้งที่ชีวิตเขาไม่เคยขาดผู้หญิง แถมยังมีคู่หมั้นแล้วด้วย ที่สำคัญชีวิตเขาไม่เคยมีคำว่าประมาทหรือทำอะไรด้วยอารมณ์ชั่ววูบ แต่ตอนนี้เขากำลังทำสิ่งนั้น และถึงแม้ย้อนเวลากลับไปเมื่อไม่กี่นาทีก่อนได้ เขาก็ยังไม่คิดที่จะเปลี่ยนข้อเสนอที่ได้พูดออกไปอยู่ดี และถ้าจะถามว่าทำไม โภไคยก็ยังไม่มีคำตอบที่ดีให้ตัวเองในตอนนี้เช่นกัน
“นายใหญ่กำลังเสนอทางเลือกที่มุขไม่มีโอกาสได้เลือก” ความกล้าถูกรวบรวมอีกครั้งแล้วพูดออกไป
ไออุ่นและกลิ่นกายของบุรุษเพศที่อยู่ทางด้านหลังทำให้พราวมุขต้องเขยิบหนีตามสัญชาตญาณแล้วหันมามองสู้ตาโภไคยด้วยดวงตาที่ชุ่มฉ่ำไปด้วยน้ำตา
“ฉันไม่ได้บังคับ..แต่ฉันกำลังให้เธอเลือก”
“ตัวของมุขไม่ได้มีค่าอะไรขนาดนั้น” เธอยังคงพยายามชี้ให้เขาเห็นถึงความไม่คุ้มค่ากับทางเลือกนี้
“คนที่จะตัดสินว่ามีค่าหรือไม่มีค่าคือฉัน..ไม่ใช่เธอ” สายตาคุกคามมองไปยังพนักงานสาวราวกับเสือที่จ้องมองเหยื่อ ต่างกันเพียงแค่ชายหนุ่มไม่ใช่เสือจึงยังพอหักห้ามใจได้ แต่ก็วางกับดักทุกทางไม่ให้เหยื่อของตนมีทางรอด
“ถ้ามุขไม่เลือกสักทางที่นายใหญ่เสนอมาล่ะคะ” เธอยังคงไม่ละความพยายามที่พาตัวเองให้จะหลุดพ้นจากข้อเสนอที่มีร่างกายของเธอป็นตัวชดใช้
“เธอก็แค่เตรียมตัวไปไปให้การกับตำรวจในฐานะผู้ต้องหาขโมยข้อมูลและความลับของบริษัทก็แค่นั้น และถ้าเธอยอมเลือกทางนั้น ก็หมายความว่าเธอยอมที่จะสละบ้านที่เป็นสมบัติชิ้นสุดท้ายของพ่อแม่ที่ทิ้งไว้ให้อย่างนั้นใช่ไหม” คิ้วเรียวงามอย่างเป็นธรรมชาติขมวดมุ่นสายตาที่ยังฉ่ำวาวด้วยน้ำตามองไปยังชายหนุ่มอย่างแปลกใจ เพราะไม่คิดว่าเขาจะรู้เรื่องส่วนตัวของเธอ
“ทำไมนายใหญ่ถึงรู้เรื่องส่วนตัวมุขคะ” หญิงสาวถามทั้งที่รู้ว่าสำหรับเขาแล้วมันไม่ใช่เรื่องที่เกินความสามารถในการที่จะรู้ประวัติของพนักงานตนเอง เพียงแต่ไม่คิดว่าเขาจะสนใจเรื่องส่วนตัวของพนักงานตัวเล็ก ๆ ที่พึ่งเข้ามาทำงานแบบเธอก้เท่านั้น
“ไม่สำคัญว่าฉันรู้ได้ยังไง สำคัญตรงที่เธอเลือกทางไหนต่างหากล่ะพราวมุข”
พราวมุขยังคงยืนอยู่ที่เดิม มือทั้งสองข้างบีบเข้าหากันแน่นเพื่อระบายความกดดันที่มีอยู่ อากาศภายในห้องที่เย็นเฉียบจากเครื่องปรับอากาศไม่อาจสลายความรุ่มร้อนภายในใจหญิงสาวได้แม้แต่น้อย
พราวมุขกำลังไม่เข้าใจในสิ่งที่โภไคยเสนอให้กับเธอ หากผู้ชายตรงหน้าเธอตอนนี้ต้องการผู้หญิงสักคนเพื่อระบายความใคร่แน่นอนว่าคงไม่ใช่เรื่องยาก แม้จะมองผิวเผินก็ยังดูออกว่าโภไคยเป็นผู้ชายที่เพอร์เฟคตั้งแต่รูปลักษณ์ภายนอกจนถึงฐานะชาติตระกูลและการศึกษา จัดอยู่ในกลุ่มที่ว่าหล่อมาก หากเขาไม่ใช่นายใหญ่และบังเอิญไปเจอกันข้างนอกพราวมุขยอมรับว่าเธอก็ต้องมีหวั่นไหวบ้าง แต่สถานการณ์ตอนนี้มันไม่ใช่แบบนั้น
“ฉันไม่ชอบรออะไรนาน ๆ เพราะมีอีกหลายเรื่องที่ต้องจัดการ” น้ำเสียงเรื่อยเฉื่อยนั้นแฝงไว้ด้วยการบีบเค้นเอาคำตอบ ก่อนจะเดินกลับไปนั่งหลังโต๊ะทำงานตัวใหญ่ดังเดิม
“ไม่ว่าจะเลือกทางไหนมุขก็จะต้องถูกไล่ออกจากงานด้วยใช่มั้ยคะ” น้ำเสียงคล้ายจะร้องไห้เต็มแก่ถามออกมา
“ถ้าเธอเลือกที่จะชดใช้ค่าเสียหายเป็นตัวเธอ เธอจะยังคงเป็นพนักงานของที่นี่ และได้รับเงินเดือนเท่าเดิม”
“ทำไมนายใหญ่ถึงเลือกทางนี้ให้มุขคะทั้งที่….”
“ไม่มีเหตุผลและไม่มีสถานะสำหรับเธอ เธอจะมีสถานะเป็นแค่พนักงานบริษัท ไม่ใช่ภรรยาและไม่มีสิทธิ์ใด ๆ ในตัวฉันหวังว่าเธอจะไม่คิดอะไรไปมากกว่านั้น”
“มุขไม่เคยคิด และจะไม่มีวันคิดแบบนั้นด้วยค่ะ” เป็นครั้งแรกที่เธอพูดอย่างมั่นใจตั้งแต่เข้ามาในห้องนี้
“ก็ดี จำคำเธอวันนี้ไว้ให้ดี หวังว่านานไปเธอจะไม่ลืมคำพูดตัวเอง” พราวมุขฝืนกลืนก้อนแข็ง ๆ ลงคอเมื่อได้ยินในสิ่งที่ชายหนุ่มพูดออกมา
“มุขต้องใช้ร่างกายชดใช้นานแค่ไหนคะนายใหญ่ถึงจะปล่อยมุขไป” เธอถามอีกครั้งหลังพยายามทำใจยอมรับโชคชะตาแบบไม่มีทางเลือก
“สามเดือน และฉันจะแจ้งไปเองว่าต้องการเธอเมื่อไหร่ วันไหน และเธอต้องพร้อมสำหรับฉันตลอดเวลา ระหว่างสามเดือนนี้ห้ามเธอนอนกับผู้ชายอื่น ถ้าหากฉันรู้ ความผิดของเธอจะถูกส่งไปให้ตำรวจทันที อย่าคิดที่จะหนี เพราะคนอย่างฉันไม่เคยปล่อยให้ศัตรู..รอด”
