บทที่ 1 จุดเริ่มต้น
ณ โรงแรมแห่งหนึ่ง
งานแต่งระหว่างฟีนิกซ์และนลินญาจัดขึ้นใหญ่โตและอลังการ ซึ่งภายในงานเต็มไปด้วยผู้มีชื่อเสียงมากหน้าหลายตา เนื่องจากฟีนิกซ์เป็นนักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่มีชื่อเสียงทำให้แขกที่มาร่วมงานต่างเป็นคนใหญ่คนโต
ชายหนุ่มกับนลินญาพบรักเมื่อสี่เดือนก่อน ตอนเขาเดินทางมายังประเทศไทยวันแรก ระหว่างกำลังนั่งรถตู้ไปคฤหาสน์ ครานั้นคนขับรถเกือบชนเข้ากับร่างผู้หญิงคนหนึ่ง โชคดีคนขับเหยียบเบรกทัน เมื่อชายหนุ่มลงไปดูกลับพบกับนลินญา คราแรกได้เห็นใบหน้าของเธอเหมือนมีแรงดึงดูดบางอย่างทำให้เขาไม่สามารถสลัดความรู้สึกนั้นออกจากใจ
นับจากวันนั้นชายหนุ่มให้บอดี้การ์ดตามสืบข้อมูลเกี่ยวกับนลินญา จึงได้ทราบว่าเธอเป็นเจ้าของร้านดอกไม้ซึ่งตั้งอยู่ใกล้กับบริษัทของเขา
ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาเขาก็เริ่มตามจีบนลินญา ฟีนิกซ์ไม่เคยคิดเลยเพียงระยะเวลาสั้น ๆ จะทำให้เขาตกหลุมรักเธอง่ายดาย คาดไม่ถึงตัวเองในวัยสามสิบสองปีจะรักผู้หญิงที่เพิ่งเจอไม่กี่เดือน มิหนำซ้ำเธอยังอายุน้อยกว่าเขาตั้งแปดปี
ความตั้งใจในการเดินทางมาที่นี่ เขาไม่เคยลืมจุดประสงค์ด้วยเรื่องอะไร นอกจากมาดูแลบริษัทในไทยแล้ว เขาต้องตามหาฆาตกรที่ฆ่าบุพการีให้ได้ ทว่าเรื่องของหัวใจไม่สามารถบังคับได้เช่นกัน ฉะนั้นเมื่อไม่ได้เกี่ยวข้องกับการตามหาตัวคนร้าย ทำไมเขาต้องปฏิเสธความรักด้วยล่ะ ไม่ง่ายเลยกว่าเขาจะได้พบเธอ
“พี่เซนคะ เป็นอะไรหรือเปล่า” นลินญาเอื้อมมือสะกิดแขนแกร่งของสามีเบา ๆ เนื่องจากเห็นเขาเงียบตั้งนานจึงรู้สึกเป็นห่วง
“ครับ” ฟีนิกซ์มองภรรยาข้างกายพลางส่งยิ้มหวานให้เธอเพื่อคลายความกังวล
“เป็นอะไรหรือเปล่าคะ น้ำหนึ่งเห็นพี่เงียบตั้งนานแล้ว ไม่สบายหรือเปล่าคะ” ไม่พูดเปล่ามือเรียวยื่นไปอังหน้าผากคนตัวโต ทำเอาฟีนิกซ์เผยยิ้มกว้างด้วยความเอ็นดู
“พี่ไม่ได้เป็นอะไรครับ” ฟีนิกซ์คว้ามือนิ่มที่อังหน้าผากตัวเองมาจูบหลังมือแผ่วเบา
“ถ้าเป็นอะไรบอกนะคะ น้ำหนึ่งเป็นห่วงพี่เซน”
“ครับ”
“เอ่อ ขอโทษนะครับ” เสียงของบุคคลที่สามทำให้ฟีนิกซ์และนลินญาหันไปมองพร้อมกัน ก่อนหญิงสาวจะเอ่ยเรียกคนตรงหน้าอย่างคุ้นเคย
“พี่ภูเมฆ” นลินญาส่งยิ้มหวานแก่พี่ชายข้างบ้านซึ่งรู้จักกันตั้งแต่เด็ก
“พี่รบกวนหรือเปล่า” ธีรวีร์พูดพลางปรายตามองคนข้างกายของนลินญา เขาแค่อยากมาแสดงความยินดีกับรักแรกเท่านั้น แต่ไม่รู้จะทำให้ใครอีกคนโกรธหรือเปล่า
“ไม่เลยค่ะ พี่ภูเมฆเชิญเข้าไปในงานก่อนนะคะ เดี๋ยวน้ำหนึ่งพาเข้าไป” นลินญาทำท่าจะคว้าข้อมือหนาของธีรวีร์ด้วยความเคยชิน แต่ต้องหยุดชะงักเมื่อหันไปเห็นสายตาดุดันของฟีนิกซ์
“ไม่เป็นไรหรอกน้ำหนึ่ง พี่เข้าไปคนเดียวเองได้” ธีรวีร์กล่าวขึ้น เขาไม่อยากเป็นตัวปัญหาทำลายความรักของใคร แม้ตอนนี้ยังไม่สามารถตัดใจจากเธอทันที ทว่าต้องมีสักวันเขาต้องทำให้สำเร็จ
“ไม่ได้หรอกค่ะ พี่ภูเมฆอุตส่าห์มาร่วมงานทั้งที น้ำหนึ่งจะให้พี่ภูเมฆเข้าไปคนเดียวได้ไง”
“เอ่อ แต่…”
“พาเข้าไปเถอะน้ำหนึ่ง เดี๋ยวพี่ต้อนรับแขกคนเดียวเอง” ฟีนิกซ์แทรกบทสนทนาคนทั้งสอง ครั้งนี้เขาจะยอมปล่อยให้นลินญาอยู่กับธีรวีร์ก่อน พ้นวันนี้ไปเมื่อไรอย่าหวังว่าจะได้เจอเธอเพียงลำพัง ใช่ว่าเขาจะไม่รู้ธีรวีร์แอบรักนลินญา แค่เห็นแววตาที่มองหญิงสาวก็พอเดาออกทันที
“งั้นน้ำหนึ่งขอตัวก่อนนะคะพี่เซน ไปค่ะพี่ภูเมฆ” ประโยคท้ายนลินญาหันไปกล่าวกับธีรวีร์ จากนั้นทั้งคู่จึงเดินเข้าไปในงาน ทิ้งให้ฟีนิกซ์ยืนรับแขกเพียงคนเดียว
“ไอ้เซน”
“อืม” ฟีนิกซ์ช้อนตามองคนตรงหน้า นั่นคืออนาวิลเพื่อนรักของเขา ทั้งสองคนสนิทกันตั้งแต่เรียนไฮสกูลและมหาวิทยาลัยที่ออสเตรียด้วยกัน
อนาวิลลูกชายนักธุรกิจชื่อดังเจ้าของกิจการอาหารและเครื่องดื่ม เขาถูกบิดาส่งไปเรียนต่างประเทศตั้งแต่อายุสิบห้าปี และกลับมาบริหารงานตำแหน่งรองประธานหลังเรียนจบปริญญาเอก แม้จะกลับประเทศไทยแล้วเขาก็มักจะติดต่อกับเพื่อนรักอย่างฟีนิกซ์เสมอ
“ทำไมมึงปล่อยให้น้ำหนึ่งไปกับผู้ชายคนนั้นวะ ไม่ใช่ว่าหมอนั่นเคยจีบน้ำหนึ่งหรอกเหรอ” อนาวิลชำเลืองมองธีรวีร์กับนลินญา ก่อนหันมาจ้องหน้าเพื่อนรักเพื่อขอคำตอบ
“แค่วันนี้แหละ หลังจากนี้อย่าหวังว่าจะได้เข้าใกล้น้ำหนึ่งอีก”
“ใจกว้างดีนะมึง” อนาวิลแซวเพื่อนรักพร้อมตบบ่าแกร่งฟีนิกซ์แผ่วเบาราวกับส่งกำลังใจ เขาไม่คิดเลยเพื่อนจะมีวันนี้ ทั้งที่เมื่อก่อนตอนเรียนต่างประเทศด้วยกันก็เห็นควงเล่น ๆ ไม่ได้จริงจังกับใครสักคนถึงขั้นแต่งงาน ทว่าเพียงเดินทางมาถึงไทยไม่กี่เดือนก็ประกาศแต่งงานทันที ทำเอาตกใจไม่น้อย
“แล้วเรื่องของมึงล่ะ”
“เรื่องอะไรของกู” อนาวิลขมวดคิ้วเข้าหากัน
“ก็เห็นเป็นโสดมานานแล้ว ไม่คิดจะคบใครจริง ๆ สักคนเหรอ”
“ไม่ว่ะ แผลเก่ายังไม่หายเลย กูยังช้ำใจกับผู้หญิงอีก” ต่อให้ผ่านมาแล้วหลายปี ทว่ารักครั้งเก่ายังคงตราตรึงในใจ ยากจะเปิดใจให้ใครเข้ามา
“อืม” ฟีนิกซ์ไม่ได้ซักไซ้เพื่อนมากมายย่อมเข้าใจดี ถ้าเขาไม่เคยเจอนลินญาก็คงไม่ต่างกับอนาวิล
หลังจากนลินญาพาธีรวีร์เข้าในงาน ทั้งสองเดินไปหาโต๊ะนั่งและพูดคุยกันเรื่องทั่วไปตามประสาคนรู้จักกัน ครั้งหนึ่งเขาเคยดูแลเธอเป็นอย่างดี
“พี่ยินดีกับน้ำหนึ่งด้วยนะครับ” ธีรวีร์กล่าวออกมาจากใจจริงไม่ได้เสแสร้งสักนิด แม้ตอนนี้กำลังเจ็บปวดกับรักแรกก็ตาม
“พี่ภูเมฆคะ น้ำหนึ่งขอโทษ” นลินญากล่าวเสียงเศร้า เธอกำลังรู้สึกผิดต่อคนตรงหน้า เพราะครั้งหนึ่งเขาเคยสารภาพรักกับตัวเอง ตอนนั้นเธอปฏิเสธเขาไปบอกว่ายังไม่อยากมีความรัก ทว่าพอฟีนิกซ์เข้ามาในชีวิตเธอกลับเปิดใจให้ฟีนิกซ์เต็มที่และยอมแต่งงานกันง่าย ๆ แค่ระยะเวลาสั้น ๆ ที่รู้จักกัน
“เรื่องอะไรครับ” ชายหนุ่มช้อนตามองหญิงสาว
“เรื่องที่น้ำหนึ่งปฏิเสธพี่ภูเมฆและเลือกจะแต่งงานกับพี่เซน”
“ช่างมันเถอะ พี่เข้าใจครับ” คนเราถ้าเขาไม่รักก็ควรตัดใจ เขาเข้าใจหลักการนี้ดี อาจจะเสียใจไปบ้างแต่ต้องทำใจให้ได้
“ขอบคุณนะคะ” ส่งยิ้มหวานแก่คนตรงหน้า ไม่ว่าจะผ่านมากี่ปีเขาก็แสนดีกับเธอเสมอมา เพราะแบบนี้ไงเธออยากให้เขาเป็นพี่ชายตลอดไปมากกว่าเป็นคนรักกัน
“ครับ”
“น้ำหนึ่งทำไมถึงมานั่งตรงนี้ล่ะลูก พี่เซนหายไปไหน” กลิ่นจันทร์บังเอิญเดินผ่านมาจึงเอ่ยทักทายบุตรสาว ซึ่งไม่ทันสังเกตเห็นธีรวีร์นั่งอยู่ด้วย
“สวัสดีครับป้าจันทร์”
“อ้าวภูเมฆนั่งอยู่กับน้องเหรอ ป้าไม่ทันได้มอง ว่าแต่กินอะไรหรือยัง”
“ยังเลยครับ”
“งั้นไปเถอะ เดี๋ยวป้าพาไปหาอะไรกิน” ได้ยินดังนั้น กลิ่นจันทร์รีบชวนชายหนุ่มทันที เธอกับมารดาของธีรวีร์สนิทกันจึงเห็นธีรวีร์มานานและเอ็นดูเหมือนลูกคนหนึ่ง คราแรกยังแปลกใจเลยคนที่บุตรสาวรักและเลือกใช้ชีวิตคู่ดันเป็นคนอื่นไม่ใช่ธีรวีร์ แต่เธอเคารพในการตัดสินใจของนลินญาจึงไม่ขัดข้องใด ๆ
“แม่คะ”
“น้ำหนึ่งก็กลับไปหาพี่เซนเลย ทิ้งให้พี่เขารับแขกคนเดียวนาน ๆ จะดูไม่ดี” กลิ่นจันทร์เอ็ดนลินญา
“ก็ได้ค่ะ” หญิงสาวยอมทำตามคำสั่งของมารดาอย่างว่าง่าย เธอเดินกลับไปหาฟีนิกซ์ ซึ่งขณะนี้กำลังทำหน้าบึ้งตึงมองมายังเธอ
“นึกว่าจะลืมกันแล้ว” เสียงทุ้มกล่าวอย่างแง่งอน
นลินญาอมยิ้มกับความขี้งอนของสามีป้ายแดง จากนั้นไม่รอช้าเขย่งเท้ายื่นหน้าจูบแก้มสาก
“ไม่งอนสิคะ เดี๋ยวแก่เร็วหรอก”
“นี่ว่าพี่แก่เหรอ” หันขวับมองคนตัวเล็กที่สูงแค่หัวไหล่ของเขาขนาดใส่ส้นสูงแล้วก็ตามยังเทียบความสูงของเขาไม่ได้เลย
“จริงไหมคะ” เธอล้อเลียนเขาอย่างอารมณ์ดี
“คืนนี้ลองดูไหมล่ะ แล้วจะรู้ว่าแก่จริงไหม” แขนแกร่งคว้าเอวคอดกิ่ว จากนั้นโน้มหน้าคมคายกระซิบข้างหูคนตัวเล็ก ทำคนฟังซาบซ่านทั่วสรรพางค์ ใบหน้างดงามแดงระเรื่อ
“พี่เซนชอบแกล้ง” นลินญาผลักอกแกร่งสามีออกห่าง ถอยหลังห่างคนตัวโตหนึ่งก้าวพลางก้มหน้ามองพื้นด้วยความเขินอาย
“รอเข้าหอก่อนเถอะ คืนนี้จะจัดหนักให้ดู” ฟีนิกซ์เดินเข้าใกล้หญิงสาวและไม่วายพูดให้ได้ยินแค่สองคน เขามีความสุขที่ได้แกล้งเธอให้หน้าแดง ตั้งแต่รู้จักกันมานี่เป็นครั้งแรกที่พูดจาเช่นนี้กับเธอ เพราะที่ผ่านมาเขาไม่เคยล่วงเกินเธอสักครั้ง เขาทะนุถนอมเธอเป็นอย่างดี ทั้งให้เกียรติเสมอ
“พี่เซนเลิกแกล้งน้ำหนึ่งเถอะ” เธอจะไม่ไหวแล้ว เขินเหลือเกินจนแทบอยากมุดหน้าแทรกแผ่นดินหนี
“ก็ใครใช้ให้ว่าพี่ก่อนล่ะครับ เด็กดื้อก็ต้องโดนลงโทษ”
“ขอโทษทันไหมคะ” นลินญามองฟีนิกซ์ด้วยสายตาอ้อนวอน
“ไม่ทันแล้วครับ” ส่ายศีรษะไปมาเล็กน้อย เขายังสนุกกับการกลั่นแกล้งเธอ
“พี่เซนคนใจร้าย น้ำหนึ่งจะล่มงานแต่ง”
“อันนี้ก็ไม่ทันแล้วเหมือนกันครับ อีกไม่กี่ชั่วโมงเราจะเข้าหอกันแล้ว”
“เชอะ คนเจ้าเล่ห์” นี่เธอคิดถูกแล้วใช่ไหมแต่งงานกับเขา ช่วงคบกันไม่เห็นเป็นแบบนี้เลย 1
