ตอนที่ 5 สถานะที่ไม่เคยเปลี่ยน
(ไอ้คินต์มึงออกมายัง) ข้อความจากดิวเด้งขึ้นหน้าจอ ในขณะที่รถยนต์ของคินต์จอดติดไฟแดง
“กำลังไป” เขาตอบกลับอย่างรวดเร็ว ก่อนวางโทรศัพท์คืนที่เดิม จ้องมองรถยนต์คันด้านหน้า
สายตาของคินต์จ้องป้ายทะเบียนรถอยู่นานหลายนาที เมื่อแน่ใจว่าเป็นรถยนต์ของใครเขาจึงทำได้เพียงขับตามติดท้าย กดเบอร์โทรหาเจ้าของรถคันด้านหน้าอย่างรวดเร็ว
“พี่จะไปไหนครับ” เขากรอกเสียงมาตามสาย เวลาจะห้าทุ่มแล้วแต่อริณกลับไม่อยู่ที่ห้องพักผ่อนจะบอกว่าเธอออกมาเที่ยวก็คงไม่ใช่ เพราะเธอไม่ใช้สายปาร์ตี้เหมือนกับเขา
“พี่จะไปหาพี่สอง”
“พี่จอดรถก่อนผมขับตามด้านหลังอยู่ตอนนี้” เขาออกคำสั่งเสียงเรียบอย่างไม่เคยทำมาก่อน
รถยนต์ด้านหน้าค่อย ๆ ตีไฟเลี้ยวเข้าข้างทาง คินต์จึงตีไฟเลี้ยวรถยนต์ตัวเองบ้างจอดนิ่งซ้อนท้ายของรถของอริณ ไม่นานเขาก็เดินลงจากรถไปเคาะกระจกด้านข้างคนขับ
“ทำไมมาอยู่ที่นี่? จะไปเที่ยวอีกแล้วเหรอ” อริณทำหน้ายุ่งส่งมาให้กับน้องชายข้างบ้าน
“ผมไม่ได้เป็นเด็กดีพี่ก็รู้ พี่จะไปที่ไหนเดี๋ยวผมไปส่ง” เขาอาสาขับรถให้เธอทันที “ไปจอดรถเอาไว้ที่ปั๊ม เดี๋ยวเอารถผมไปนี่ก็ดึกมากแล้ว มันเรื่องสำคัญมากเลยเหรอ?”
“อืม พี่สองลืมกระเป๋าตังค์ไว้ พรุ่งนี้จะไปทำงานต่างจังหวัดด้วย พี่โทรหาแล้วเขาไม่รับคงขับรถอยู่ ก็เลยจะเอาไปให้ที่ห้อง” เธอบอกสิ่งที่กำลังทำอยู่ในตอนนี้
“เดี๋ยวผมขับรถให้ ไปคนเดียวน่ากลัวออก ดึกแล้วด้วย”
“...ก็ได้” เธอคิดชั่วครู่ ก่อนยอมตกลงให้คินต์ไปเป็นเพื่อน
ทั้งสองขับรถเข้ามาในปั๊มน้ำมัน คินต์แวะเติมน้ำมันจนเต็มถังก่อนจะออกเดินทางไปยังที่พักของสองตามที่อริณบอกเส้นทาง ภายในรถดูเงียบผิดปกติจนเขาเอื้อมมือไปเปิดเพลงให้เธอฟัง
“เพลงยุค 90 ก็ฟังเหรอ” เธอหัวเราะคิกคัก เมื่อได้ฟังเพลงเก่า ๆ สมัยที่ยังเรียนอยู่มัธยม
“ผมชอบอะไรที่มันเก่า ๆ ดูมีอายุ” เขาพูดแล้วอมยิ้ม
“ชอบคนแกเหรอ” เธอพูดแหย่ ทั้งที่รู้ว่าคินต์หมายถึงอะไรแต่ก็ยังทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้
“ใช่ครับ แก่ ๆ แบบพี่ผมยิ่งชอบนะ” เขาพูดหน้าตาย สายตาคอยจับจ้องที่ถนนอยู่ตลอดเวลา “พี่ลองโทรหาเขาอีกรอบดีไหม เผื่อเขาก็ขับรถมาเอากระเป๋าตังค์จากพี่ เดี๋ยวสวนทางกัน”
“อืม ไม่ติดเลย ปิดเครื่อง” เธอโทรหาแฟนหนุ่มอยู่ตลอดเวลา แต่กลับติดต่อไม่ได้
“เขาไม่นอนค้างกับพี่เหรอนาน ๆ ได้เจอกันที”
“เราไม่เคยนอนค้างห้องด้วยกันสักครั้ง พี่สองเป็นสุภาพบุรุษนะ คบกันใช่ว่าจะทำแต่เรื่องอย่างว่าสักหน่อย” เธอหันมาย่นจมูกใส่คินต์เหมือนอย่างที่เคยทำ
“จริงเหรอ? ผมไม่เชื่อหรอก ผู้ชายก็ต้องคิดเรื่องอย่างว่าบ้าง คบกันมาหลายปีผมไม่เชื่อหรอกว่าจะไม่นอนด้วยกัน” คินต์พูดแหย่อริณด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม เมื่อได้ยินสิ่งที่เธอพูดว่าระหว่างที่คบกันมาเธอไม่เคยมีอะไรกับแฟนสักครั้ง
“สาบานเลย ไม่เคยนอนด้วยกันจริง ๆ นะ ทำไมพี่ต้องมาสาบานเรื่องแบบนี้กับผู้ชายแบบนายด้วยเนี่ย” เธอก้มหน้าเขินอายเล็กน้อย
“ผมเชื่อแล้วก็ได้ ถ้าเป็นแบบที่พี่พูดผมนี่นับถือแฟนพี่มาก ๆ เลยนะ” เป็นเขาไม่เหลือรอดถึงสามวันหรอก ยิ่งเป็นคนสวย ๆ อย่างอริณ คงห้ามใจไม่ไหวตั้งแต่วินาทีแรกที่อยู่ด้วยกันสองต่อสอง
“ก็ใช่ไง พี่สองเขาเป็นคนดี ไม่เหมือนใครบางคนเสน่ห์แรงจนหัวกระไดไม่แห้ง” เธอพูดประชดเขาเล็กน้อยก่อนที่คินต์จะหัวเราะในลำคอ “ทีแบบนี้ไม่ปฏิเสธเลยนะ”
“ผมยอมรับว่าตัวเองเสน่ห์แรง แต่ถ้าผมมีแฟนก็คบกับแฟนแค่คนเดียว ไม่นอกใจแน่นอนครับ” เขาหันมายิ้มก่อนจะรีบหันไปมองถนนเบื้องหน้าที่ตอนนี้แทบนับรถยนต์บนท้องถนนได้ว่ามีกี่คัน
“ไกลหน่อยนะ คินต์ต้องไปเรียนเช้าด้วยกลับไปถึงห้องก็คงดึก เอาไว้พี่เลี้ยงข้าวไถ่โทษแล้วกัน”
“ข้าวไม่อยากกิน อยากกินอย่างอื่นแทนได้ไหม” คำพูดที่แฝงความหมายลามกทำให้อริณเงียบเสียง ริมฝีปากบางเม้มเข้าหากันจนคินต์ยิ้มอย่างลืมตัว
“มีอะไรให้กินนอกจากข้าวกับขนมหวานร้านพี่กัน อยากกินอะไรก็บอก สำหรับน้องชายอย่างนายพี่เลี้ยงได้ตลอดชีพอยู่แล้ว” เธอหันมายิ้มให้กับเขา แถมยังพูดย้ำสถานะที่เป็นอยู่ขึ้นมาอีกครั้ง
“ผมทำบุญด้วยอะไรนะ ถึงมีพี่สาวที่แสนดีแบบนี้ งั้นผมเรียนจบก็ไม่ต้องทำงานมาเกาะพี่กินก็ได้ใช่ไหมครับ”
“พี่ต่างหากที่ต้องเกาะคินต์กิน เรียนจบกลับบ้านรับช่วงกิจการต่อจากพ่อ ใครจะไม่รู้ว่าลูกชายคนเดียวของเสี่ยสุทินไม่ร่ำรวยบ้าง ใครได้เป็นสะใภ้คงโชคดีทั้งชาติเลย”
“พี่ก็มาเป็นคนที่โชคดีซะสิ ผมยังรอพี่เสมอนะครับ” เขายิ้มเศร้า และพูดแบบไม่ปิดบังกับอริณ “ไม่ต้องบอกว่าพี่เห็นผมเป็นแค่น้องชาย ผมฟังคำนี้มาจนโตแล้ว”
“รู้อยู่ก็ยังจะเปิดประเด็นเรื่องนี้ขึ้นมาคุยกันอีก ไม่เอาไม่พูดเรื่องนี้แล้ว ชาตินี้พี่คงเป็นสะใภ้เสี่ยสุทินไม่ได้แล้วแหละ”
“พี่จะแต่งงานกับเขาจริง ๆ เหรอ ไม่ดูกันไปอีกหน่อย” คินต์ผ่อนแรงเท้าที่กดคันเร่งลงเล็กน้อย เขาไม่อยากเร่งความเร็วของรถ อยากใช้เวลาที่มีอริณอยู่ข้าง ๆ แบบนี้ไปนาน ๆ
“ก็มีคุยกันเอาไว้บ้าง รอบนี้กลับบ้านพี่สองว่าจะคุยเรื่องแต่งงานกันนะ” ช่างเป็นเรื่องที่เซอร์ไพรส์เขาเหลือเกิน
คินต์ได้แต่เจ็บปวดในหัวใจ เขาไม่แสดงออกเพราะต้องการเก็บเอาไว้เพียงคนเดียว รู้ว่าอริณมองทุกอย่างที่เขาพูดและการกระทำออก หากแต่เธอเลือกที่จะสนใจเขาแค่สถานะน้องชายข้างบ้านเพียงเท่านั้น
“ผมดีใจกับพี่ด้วยนะครับ” เขาไม่เคยคิดว่าจะได้เอ่ยคำนี้กับอริณ
“เลี้ยวเข้าซอยด้านหน้าเลย” เธอรีบชี้มือบอกทางเข้าคอนโดของสองทันที บทสนทนาจึงจบลงแค่เพียงตรงนี้เท่านั้น
เวลาล่วงเลยมาเกือบตีหนึ่ง อริณกดโทรออกหาแฟนหนุ่มทันที เธอยังเดินมาที่เคาน์เตอร์เพื่อขอใช้โทรศัพท์สำนักงานเพื่อติดต่อขึ้นไปบนห้อง แต่ก็ไม่มีผู้ใดรับสาย สุดท้ายเธอจึงเลือกที่จะขึ้นไปบนห้องด้วยตัวเอง
“เดี๋ยวผมไปด้วย” คินต์เดินตามติดขึ้นไปบนห้องพร้อมกับอริณ “ผมเป็นห่วงเผื่อมีเรื่องฉุกเฉิน”
“นายนี่คิดเผื่อเอาไว้เหมือนผู้ใหญ่เข้าไปทุกทีเลยนะ” เธอชมเขาแล้วยิ้มให้
“ก็ผมโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว พี่ดูไม่ออกเหรอตรงไหนที่บอกว่าผมเป็นเด็ก” เขาโน้มตัวลงมาใกล้ก่อนที่เสียงลิฟต์จะดังขึ้น
อริณรีบเดินออกมาด้านนอกทันที ก่อนจะเดินตรงไปยังห้องหมายเลขที่ปรากฏขึ้นบนคีย์การ์ด เคาะห้องอยู่สองครั้งแต่ก็ยังไม่มีเสียงตอบรับ หากจะเคาะห้องอีกห้องข้าง ๆ คงได้เปิดประตูออกมาด่าเพราะเสียงมันดังก้องไปทั่วทางเดินของชั้น
เสียงแตะคีย์การ์ดดังขึ้น อริณค่อย ๆ เปิดประตูเข้าไป เธอได้ยินเสียงเพลงที่ดังออกมาจากห้องนอน ไม่ใช่ครั้งแรกที่เธอมาที่นี่จึงรู้ว่าผังของห้องเป็นเช่นไร บนพื้นเต็มไปด้วยเสื้อผ้ารองเท้าของผู้ชายเกลื่อนเต็มไปหมด
“ให้ผมเข้าไปดูดีกว่าไหม” คินต์เดินเข้าไปก่อน เขาสาดส่องสายตาไปทั่วห้องก่อนหยุดนิ่งที่ประตูห้องบานสุดท้าย เขาเคาะประตูแต่ไม่ได้ยินเสียงตอบรับจึงค่อย ๆ บิดลูกบิดลองดู ปรากฏว่าประตูไม่ได้ล็อกเขาจึงค่อย ๆ เปิดและดันประตูเข้าไปด้านใน
“!!” ประตูเปิดออกกว้างไม่ต่างจากม่านตาของชายหญิงทั้งสองที่เบิกกว้างออก
“ริณ!” สองที่เห็นแฟนสาวถึงกลับอ้าปากค้างกับการมาของเธอ
