บทที่ 2
“ทำไมคุณพ่อต้องเกลียดน้องพลอยด้วยล่ะคะคุณแม่” คำถามเบาๆ จากลูกสาวในอ้อมแขนที่ดังขึ้นระหว่างทางกลับบ้านหลังน้อยนั้นทำเอามิ่งขวัญชะงักค้างไปเมื่อได้ยินมันเข้า หญิงสาวจำต้องรีบหันกลับไปมองใบหน้าเรียวเล็กน่ารักที่เริ่มจะกลับมามีหยาดน้ำตาให้ได้เห็นอีกครั้งด้วยความรู้สึกสงสารและเห็นใจต่อลูกสาวที่ไม่ได้รู้เรื่องรู้ราวอะไรด้วยเลยแต่กลับต้องมาแบกรับเอาทุกๆ อย่างไปพร้อมกับตัดสินใจเอ่ยบอก..
“ไม่ค่ะลูก คุณพ่อเขาไม่ได้เกลียดน้องพลอยเลยนะคะ คุณพ่อเขาก็คงแค่เหนื่อยที่ต้องทำงานหนักมาทั้งวันเท่านั้นเองค่ะ ไม่เอานะคะคนดีของแม่ไม่ร้องไห้นะคะ แม่ว่าเราสองคนรีบกลับบ้านกันดีกว่า ป่านนี้เจ้ามะลิคงหิวข้าวแย่แล้ว” แม้จะอยู่ในช่วงที่กำลังรู้สึกน้อยใจอยู่แต่พอได้ยินชื่อของสุนัขตัวโปรดก็ทำเอาเด็กหญิงพลอยลดายิ้มแย้มสดใสขึ้นมาจนเผลอลืมความทุกข์ที่เข้าใจเอาเองตามประสาเด็กว่าพ่อแท้ๆ นั้นไม่รักไปจนหมดสิ้น
“ก็ได้ค่ะ น้องพลอยคิดถึงมะลิเหมือนกัน” มิ่งขวัญได้แต่จ้องมองลูกสาวด้วยความรักใคร้และสงสารในคราเดียวกัน เธออยากจะอธิบายเรื่องทุกอย่างให้ลูกได้เข้าใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นแต่ก็ไม่กล้า หนึ่งเลยเพราะอีกฝ่ายนั้นยังคงเป็นแค่เด็กตัวเล็กๆ คนหนึ่งเท่านั้น และอีกอย่างที่เธอยังคงเป็นกังวลอยู่มาจนถึงทุกวันนี้เลยก็คือโรคร้ายของคุณหญิงนวลแขที่ยิ่งนับวันมันก็ยิ่งกำเริบหนักขึ้นเข้าไปทุกที
เธอได้รู้อาการป่วยของท่านมาบ้างจากป้าสายหยุดหัวหน้าแม่บ้านหลังใหญ่ของทัดเทพ แต่ถึงแม้ทุกคนในบ้านนั้นจะรู้ แต่ก็คงจะรู้แค่เพียงว่าหญิงชรานั้นล้มป่วยตามวัยชรา ต่างจากเธอที่รู้ความจริงของอาการป่วยเหล่านั้นมากกว่าใครๆ แต่ก็บอกใครไม่ได้เพราะถูกเจ้าตัวขอร้องเอาไว้
และเมื่อมันคือคำขอร้องของผู้เป็นพระคุณต่อครอบครัว…
มีหรือที่เธอจะกล้าปริปากบอกใคร!
‘อย่าบอกใครเรื่องอาการป่วยของฉัน...สัญญากับฉันสิมิ่งขวัญว่าเธอจะไม่บอกเรื่องนี้กับใคร!’
“ทำไมละคะคุณท่าน...”
‘ถือเสียว่าคนแก่ใกล้ตายอย่างฉันขอร้องเถอะนะ ฉันไม่อยากทำให้ใครต้องเจ็บปวดอีก ให้ตาวีเกลียดฉันยังจะดีเสียกว่าที่ฉันต้องมานั่งมองหลานชายสุดที่รักต้องทุกข์ตรมกับโรคร้ายที่ไม่มีวันรักษาได้หายขาดของตัวเอง..’
เพราะเหตุผลนั้นเองเธอจึงจำต้องเก็บงำความลับนี้ไว้กับตัวเองเรื่อยมาจนกระทั่งถึงทุกวันนี้และไม่เคยได้เจอกับคุณหญิงนวลแขอีกเลยเพราะทัดเทพมักจะสั่งให้คนงานในไร่จับตาดูเธอกับลูกตลอดเวลา และไม่ว่าเธอกับลูกสาวจะกระดิกตัวไปไหนเขาก็มักจะรู้ความเคลื่อนไหวของพวกเธอราวกับเงาตามตัวไม่มีผิด
มิ่งขวัญพาตัวลูกสาวที่เผลอหลับไประหว่างทางมาจนถึงบ้านหลังเล็กๆ ที่ทัดเทพเอื้อน้ำใจยกให้เธอกับลูกได้อาศัยหลับนอนกันมานานหลายปี หญิงสาวส่งเสียงเอ็ดมะลิลูกหมาพันซิสุตัวน้อยสีขาวสะอาดตาที่พลัดหลงเข้ามาในไร่และเกิดถูกใจพลอยลดาเข้าตั้งแต่แรกเห็นเลยทำให้ฝ่ายนั้นลงทุนถึงขั้นร้องไห้ฟูมฟายจะขอเลี้ยงมันเอาไว้เสียให้ได้ ลำบากจนเธอต้องใจอ่อนยอมตามใจให้เงียบเสียงลงเมื่อมันทำท่าจะเห่าต้อนรับเจ้านายทั้งสองเมื่อเจอหน้ากัน
หลังจากทำให้สุนัขตัวน้อยที่มีหน้าที่เฝ้าบ้านให้กับสองแม่ลูกสงบลงไปได้แล้วเธอจึงอุ้มตัวลูกสาวไปนอนพักที่โซฟาในบ้านก่อนจะออกมาจัดการกับข้าวเย็นของคนทั้งคู่พร้อมด้วยเจ้ามะลิที่กำลังนั่งกระดิกหางอยู่ไม่ไกลเฝ้ารอข้าวเย็นของตัวเองเหมือนกับทุกวันที่สองแม่ลูกมักจะมีให้ไม่เคยขาด
“อ้าวน้องขวัญ! วันนี้สองแม่ลูกบ้านนี้ทำอะไรทานกันจ๊ะกลิ่นนี่หอมเข้าไปถึงในไร่เชียว” นายชัย หนึ่งในคนงานหนุ่มของไร่ชาเอ่ยถามขึ้นเมื่อเดินผ่านมาเห็นสองแม่ลูกเข้าโดยบังเอิญระหว่างทาง
ซึ่งไม่ได้มีเพียงแต่ชายหนุ่มตรงหน้านี้เท่านั้นที่แสนดีและมีน้ำใจต่อสองแม่ลูก คนงานแทบจะทุกคนในไร่ต่างก็ให้ความรักและพากันหลงเสน่ห์รอยยิ้มของคุณหนูตัวน้อยอย่างพลอยลดากันถ้วนหน้า แม้ว่าผู้เป็นเจ้านายจะประกาศก้องว่าเด็กสาวไม่ใช่ลูกตนแต่ใครเลยจะเชื่อในเมื่อใบหน้าของหนูน้อยนั้นละม้ายคล้ายคลึงกับพ่อมากกว่าใครๆ ไม่ว่าจะส่วนไหนของร่างกายเด็กสาวก็เหมือนผู้เป็นพ่อราวกับฝาแฝดไม่มีผิด
“ขวัญว่าจะทำข้าวต้มปลาจ๊ะพี่ชัย ของโปรดหนูพลอยแก อยู่ทานด้วยกันไหมจ๊ะพี่” มิ่งขวัญตอบกลับอีกฝ่ายไปพร้อมรอยยิ้ม ทุกๆ คนที่นี่ดีกับเธอมากเหลือเกิน ทั้งคอยช่วยเหลือและให้คำปรึกษาทุกอย่างเรื่อยมาอย่างไม่คิดที่จะรังเกียจกัน
