5.ในที่สุดก็เจอ
*** ทักทายคร้า ***
หลังประชุมเสร็จ ร่างสูงสง่าในสูทสีเข้มเดินออกมา มีอนุชิตเดินตามหลังออกมาติดๆ เรนก้าวยาวๆ เข้าไปหาทันที
“บอสครับ ผู้กองปานระพี เจ้าของคดีคุณเมอร์ฟี่มาขอพบครับ”
รามหันไปสบตาอนุชิตที่ยืนยิ้มอยู่ข้างๆ
“นั่นล่ะคนที่นายอยากเจอ” อนุชิตบอก ก่อนจะก้าวยาวๆ เดินตรงไปที่ลิฟต์
“แล้วนั่นนายจะไปไหน”
“มีธุระ คุยกันเองก็แล้วกัน แต่นายต้องระวังตัวด้วยนะ เดี๋ยวจะหลงเสน่ห์เธอเข้าให้” อนุชิตหันกลับมาพูดกับราม ก่อนจะหมุนตัวเดินเข้าไปในลิฟต์
“แล้วตอนนี้เธออยู่ที่ไหน” รามเดินตรงไปที่ห้องทำงาน
“รอที่ห้องรับแขกครับ” พอรู้ว่าคนที่ต้องการพบอยู่ที่ไหน ร่างสูงใหญ่ก็เปิดประตูเข้าไปทันที ทำเอาคนที่นั่งรอสะดุ้งเล็กน้อย
รามยืนจับลูกบิดนิ่งไปชั่วครู่เมื่อสบตากลมโตสดใสของเธอ ร่างบอบบางในชุดทะมัดทะแมงยืนขึ้นแล้วแนะนำตัวกับเขาอย่างเป็นทางการ
“สวัสดีค่ะ ฉันผู้กองปานระพีจากกองปราบ”
“ไม่ทราบว่ามีธุระสำคัญอะไรกับผมหรือเปล่า พอดีผมต้องออกไปพบลูกค้า”
เรนมองหน้าเจ้านายนิดหนึ่ง เท่าที่รู้วันนี้เจ้านายเขาไม่มีนัดที่ไหนนี่นา
“ฉันอยากคุยกับคุณเรื่องหลานชายคุณ”
เรนหลบออกไปอย่างรู้งาน เพราะเรื่องของเจ้านายเขาจะเข้าไปยุ่งก็ต่อเมื่อมีคำสั่งจากอนุชิตเท่านั้น
“ทำไมครับ ผมคิดว่าคดีจบไปแล้วเสียอีก” ร่างสูงนั่งลงบนโซฟารับแขกตรงข้ามกับหญิงสาว ดวงตาคมมองใบหน้าเนียนใสภายใต้ผมดำสลวยที่รวบไว้ด้านหลัง เผยให้เห็นดวงหน้ารูปไข่เด่นชัดขึ้น ชายหนุ่มพิเคราะห์หญิงสาวตรงหน้าอย่างครึ้มใจ ร่างโปร่งเพรียวได้สัดส่วนกลมกลึงไปทั้งตัว ริมฝีปากอิ่มชมพูระเรื่อจะหวานสักแค่ไหนนะ
“เจ้าทุกข์ไม่ยอมน่ะสิคะ ฉันก็เลยต้องมาสอบปากคำเพิ่ม จริงๆ ฉันส่งหมายเรียกมาก็ได้ แต่ที่มาเพราะอยากคุยกับผู้ปกครองของแกด้วย”
“แล้วผมต้องทำยังไง ผู้กองพอจะแนะนำได้ไหม” เขาถามยิ้มๆ เหมือนจะลองเชิงผู้กองสาวหน้าใส ที่ทำให้เขาสนใจตั้งแต่วินาทีแรกที่เจอ
“คุณเป็นอาน่าจะรู้ว่าหลานชายกำลังเรียกร้องความสนใจจากคุณ ฉันถึงอยากให้คุณมีเวลาให้แกมากกว่านี้”
รามคลี่ยิ้มออกมาก่อนจะเอ่ยกับเธอ “ข้อนั้นผมรู้ ผมกำลังพยายามอยู่”
“ไม่ใช่แค่กำลังนะคะ คุณต้องทำ ไม่อย่างนั้นหลานคุณจะเตลิดไปไกลกว่านี้” เธอสั่งเขากลายๆ เริ่มไม่พอใจกับอาการทองไม่รู้ร้อนของชายหนุ่ม
“ถ้าผมทำ คุณจะได้สองขั้นหรือไง” เขาถามดวงตาไหวระยับ ไล่สายตาไปตามกลีบปากสีชมพูจางๆ ของปานระพี
“นี่คุณ จะดูถูกกันมากไปแล้วนะ ที่ฉันมาเพราะอยากช่วยเด็กหลงผิดตามโครงการของเราเท่านั้น ไม่คิดว่าคนรวยๆ อย่างคุณจะคิดอกุศลแบบนี้ ฉันไม่สงสัยเลยว่าทำไมหลานชายคุณถึงมีปัญหา เพราะอาเขาก็มีปัญหาทางจิตมองโลกในแง่ร้ายเหมือนกัน” ร่างบอบบางลุกขึ้นมองเขาอย่างไม่พอใจ ใบหน้าคมเข้มตึงขึ้นมาทันทีที่ถูกต่อว่า รามก้าวพรวดเดียวถึงตัวเธอ แล้วกระชากร่างบอบบางลอยมาปะทะอก ปานระพีแม้จะเรียนการต่อสู้มา แต่ถ้าโดนเล่นทีเผลอแบบนี้ก็พลาดได้เหมือนกัน
“พูดให้ดีๆ ทูนหัว เดี๋ยวโดนข้อหาหมิ่นประมาทนะ”
“อย่าคิดว่ามีเงินแล้วจะขู่ฉันได้ รู้ว่ามาแล้วเจอคนแบบคุณฉันไม่มาให้เสียเวลาหรอก ปล่อย” ปานระพีดิ้นเต็มแรง แต่วงแขนแกร่งยิ่งรัดแน่นขึ้น ลมหายใจอุ่นๆ ของชายหนุ่มเป่ารดข้างแก้มที่ตอนนี้แดงระเรื่อเหมือนลูกตำลึงสุกไปแล้ว
“ถ้าคุณไม่มาแล้วเราจะทำความรู้จักกันได้ยังไงครับ หรือว่านี่เป็นหนึ่งในแผนการเข้ามาใกล้ชิดผม” รามบอกยิ้มๆ มองแก้มแดงของเธออย่างชอบใจ ยิ่งได้สัมผัสความนุ่มนิ่มของหญิงสาว ยิ่งทำให้เขาอยากรู้จักอยากสัมผัสเธอมากกว่านี้ ผู้หญิงคนนี้น่าค้นหามากทีเดียว อ่อนโยน นุ่มนวล และเร้าใจเวลาที่สัมผัส
“หลงตัวเอง หน้าตาโหลๆ แบบนี้ ถ้าไม่มีเงินจ้างให้ก็ไม่มีใครแลหรอกเชื่อสิ” เธอดิ้นแล้วกระทืบเท้าลงบนรองเท้าคู่ใหญ่ แต่เขาก็รู้ทันหัวเราะออกมาอย่างพอใจ
“ตอนนี้ผมอยากให้คุณแลซะแล้วสิ” เขาบอกเสียงนุ่ม ใบหน้าคลอเคลียอยู่ใกล้ๆ ปลายจมูกโด่งแตะลงบนแก้มนวลอย่างแผ่วเบา
“จ้างให้ฉันก็ไม่แล ปล่อยเดี๋ยวนี้” เธอออกแรงผลักเขาเต็มที่ ทำให้ร่างสูงเซล้มลงไปบนโซฟาตัวหนา แทนที่จะล้มไปคนเดียว รามกลับรั้งร่างบอบบางให้ล้มเกยอยู่บนอกกว้าง ลำแขนแข็งแรงกอดรอบเอวคอดเอาไว้แน่น ริมฝีปากอิ่มสีชมพูแนบลงไปทับเรียวปากได้รูปอย่างไม่ตั้งใจ
รามรับรู้ถึงความนุ่มหยุ่นของทรวงอกที่บดเบียดอยู่กับแผงอกของเขา ดวงตากลมโตสบตาเขาอย่างตกใจ ชายหนุ่มยันตัวขึ้นพลิกร่างบอบบางพิงกับพนักของโซฟาตัวใหญ่ ปานระพีใจเต้นระทึกเมื่อสบตาที่เต็มไปด้วยพลังไฟปรารถนาของเขา
“ปล่อย” ผู้กองสาวพูดได้เท่านั้น ปากได้รูปก็กดลงมาอย่างหนักหน่วงและเรียกร้อง พร้อมบดเคล้าไล้ลิ้นไปตามเรียวปากอิ่ม ใบหน้านวลบิดหนีพร้อมกำปั้นเล็กทุบลงบนไหล่หนา ปลายจมูกโด่งจึงเปลี่ยนเป้าหมายมาที่ซอกคอขาวผ่อง ซุกไซ้เนิ่นนานจนเธอแทบขาดใจกับการรุกเร้าของชายหนุ่ม
“คุณรามอย่าทำบ้าๆ แบบนี้นะ” เอ่ยเสียงกระหืดกระหอบ
“ขอบ้าก่อนได้ไหมทูนหัว” เขาบอกเสียงพร่า ซุกไซ้ซอกคอเลื่อนไปตามแก้มนวล
“ปล่อยนะ ก่อนที่ฉันจะแจ้งความจับคุณ” เธอขู่เขา รามมองหน้าหญิงสาวยิ้มๆ ก่อนจะจูบริมฝีปากแดงก่ำแรงๆ ทีหนึ่ง
“ข้อหาอะไรครับ”เขาถามยิ้มๆ กอดร่างนุ่มนิ่มไว้หลวมๆ
“ข้อหาลวนลามเจ้าพนักงาน” เธอตอบเขา แก้มแดงเป็นลูกตำลึง รามหัวเราะออกมาอย่างชอบใจ
“โทษหนักไหมครับ” เขาถามนัยน์ตาพราว สายตาคมจับนิ่งอยู่ที่ใบหน้าบึ้งตึงของอีกฝ่าย
ปานระพีขยับตัวออกห่างรักษาระยะเอาไว้ แต่วงแขนแข็งแรงของเขาคว้าเอวบางไว้
“เอ๊ะคุณ ขยับไปไกลๆ หน่อย ฉันหายใจไม่สะดวก”
“ผมอยู่ตั้งไกลนะคุณ” ไกลของเขาแค่ลมหายใจเป่ารดกันด้วยซ้ำ ใบหน้าคมเข้มยังไม่ยอมถอยห่าง ริมฝีปากได้รูปกดลงบนแก้มนวลสูดความหอมเข้าจนเต็มปอด
“นี่! ปล่อยนะ ถ้าคุณไม่ขยับออกไปฉันจะกลับ” ว่าแล้วปานระพีก็ดิ้นออกจากอ้อมแขนเขา ทำให้รามคลายวงแขนออกอย่างเสียดาย
“คุยเรื่องของเราต่อเลยครับ”
เธอส่งค้อนงามๆ ให้แล้วเอ่ยออกมา
“ทางเราอยากให้คุณมีเวลาอยู่ใกล้ชิดแกอีกสักหน่อยค่ะ นี่เป็นแผนปฏิบัติการคร่าวๆ ของโครงการ เราอยากให้คุณลองทำดู” มือบางส่งเอกสารให้ชายหนุ่ม จากนั้นเขาก็นั่งฟังเธออยู่เงียบๆ หลายอย่างที่เธอพูดเป็นจริงเกือบทั้งหมด
สมกับเป็นตำรวจด้านฟื้นฟูจริงๆ แม่คุณ รามคิดในใจขณะจ้องมองใบหน้านวลเนียนไม่วางตา
*** ขอบคุณคร้า ***
