
บทย่อ
ภายใต้ปมร้ายที่ซ่อนอยู่ในใจของหลานชาย รามจึงต้องขอความช่วยเหลือไปที่เจ้าของคดีให้มาช่วยดูแลและฉุดรั้งหลานชายออกจากสิ่งยั่วยุรอบตัว เดือดร้อนไปถึงผู้กองสาวนามปานระพี เมื่อผู้กองฝีมือดีของกองปราบเข้ามาแก้ไข ทำให้เธอรู้ว่าไม่ใช่แค่หลานชายเขาเท่านั้นที่มีปัญหา คุณอาจอมแสบก็ทำตัวมีปัญหาเช่นกัน คอยปั่นป่วนหัวใจเธอไม่หยุดเช่นกัน จนความใกล้ชิดทำให้เกิด ความรักท่ามกลางอุปสรรคมากมาย และต้องรับมือกับพ่อค้ายาเสพติดที่หลานชายเจ้าปัญหาเข้าไปมีเอี่ยว จนปานระพีถึงกับต้องออกจากอาชีพที่รัก รามและปานระพีจะสามารถทลายปมร้ายที่อยู่ในใจหลานชายได้หรือไม่…ติดตามความดราม่าได้ในเล่มค่ะ…
1. บทนำ
*** ทักทายคร้า ทัณฑ์รักผู้กองสาว เป็นเรื่องราวของนักธุรกิจใหญ่กับผู้กองสาว ความรักปนดราม่าแนวปัญหาครอบครัวจ้า สนุกและน้ำตาซึมไปพร้อมๆกัน ฝากติดตามด้วยนะคะ ***
ณ สถานีตำรวจหนองสองห้องวันนี้ดูวุ่นวายพอสมควร ลานด้านหน้าสถานีเต็มไปด้วยผู้ปกครองของนักศึกษาสถาบันมีชื่อแห่งหนึ่งในกรุงเทพมหานคร เสียงเซ็งแซ่ที่ดังขึ้นทำให้นายตำรวจถึงกับส่ายหน้าไปมา เพราะผู้ปกครองหลายคนพยายามปกป้องลูกของตัวเองว่าโดนเพื่อนกลั่นแกล้งให้เข้าไปมีส่วนในการยกพวกตีกันกับนักศึกษาจากสถาบันคู่อริ
“คุณตำรวจคะ ลูกดิฉันเป็นเด็กว่านอนสอนง่าย ไม่เคยมีเรื่องกับใครเลย แบบนี้จะไปยกพวกชกต่อยกับไอ้พวกเหลือขอพวกนี้ได้ยังไง” เสียงคุณนายที่ทำตัวเหมือนตู้ทองเคลื่อนที่ต่อว่านายตำรวจที่ทำหน้าที่ลงบันทึกประจำวัน
“กรุณาใจเย็นๆ ก่อนนะครับคุณนาย ถ้าเด็กไม่มีส่วนเกี่ยวข้องทำให้ฝ่ายโน้นเสียชีวิตก็ไม่มีปัญหาอะไร ตอนนี้ขอให้ทางตำรวจทำตามหน้าที่ก่อนดีกว่า” นายตำรวจยศร้อยตรีพยายามอธิบายให้ผู้ปกครองหลายคนเข้าใจ
“มีอะไรกันเหรอหมวด”
ผู้ปกครองและนายตำรวจต่างหันไปสนใจผู้มาใหม่ ร่างโปร่งระหงสวมเสื้อเชิ้ตสีขาวเสียบชายในกางเกงสแล็กสวมรองเท้าหนังสีดำ ผมยาวสลวยรวบไว้ด้านหลัง ส่งให้ใบหน้าเนียนใสกับดวงตากลมโตดูโดดเด่นน่ามอง
“นักเรียนนักเลงครับผู้กอง นี่ก็ปวดหัวกันมาตั้งแต่บ่ายยังไม่เสร็จเลย” ดาบยิ้มส่ายหน้าไปมา ทำให้ผู้กองปานระพียิ้มให้กำลังใจ ดวงตากลมโตมองไปยังกลุ่มนักศึกษาสิบกว่าคนที่ถูกจับมาดำเนินคดี
“คราวนี้เล่นกันแรงนะครับจ่า มีระเบิดด้วย” เสียงหมู่อ่ำที่ออกตรวจพื้นที่และกลับมาพร้อมผู้กองสาวเอ่ยบ้าง
“นี่ยังน้อยนะหมู่ ใหญ่ๆ อยู่ในห้องผู้การโน่น”
หญิงสาวพยักหน้ารับรู้ สายตามองไปยังหลังห้องสอบสวน
“หมู่เข้าไปก่อนนะ ขอทำธุระเดี๋ยว แล้วก็ขอรายงานเรื่องการจับกุมยาเสพติดเมื่อคืนด่วนเลย” ผู้กองสาวสั่ง ก่อนจะเดินมาที่ม้านั่งยาวหลังห้องสอบสวน
“ขอนั่งด้วยคนได้ไหม”
หนุ่มลูกครึ่งอายุราวยี่สิบในชุดนักศึกษานั่งไขว่ห้างไม่สนใจเหตุการณ์รอบๆ ตัวว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง แขนขาวสะอาดทั้งสองข้างวางกับพนักม้านั่งไม้ ผิวขาว รูปหน้าไปทางลูกครึ่ง ดวงตาสีฟ้าเข้มออกอาการหงุดหงิดอย่างชัดเจนที่มีคนเข้ามารบกวนความเป็นส่วนตัว
“ผู้ปกครองไปไหน วันนี้จะมาประกันตัวหรือเปล่า” หญิงสาวถาม สายตามองออกไปด้านนอก เหมือนไม่สนใจจะเอาคำตอบ
“แล้วเจ๊เป็นใคร มาประกันตัวลูกรึไง” เสียงถามเหมือนต้องการหาเรื่องมากกว่าจะเอาคำตอบ
ปานระพีหันไปยิ้มกับชายหนุ่มอย่างใจเย็น “ไม่มีลูก เคยมีน้องชายแต่เขาตายไปแล้ว”
เมอร์ฟี่ เซสฟรานโก้ เงียบไป ก่อนจะหันมาสบตากลมโตของผู้กองสาว แล้วหันกลับไปมองรถที่วิ่งอยู่บนถนน
“คราวนี้มีคนตายหรือเปล่า”
“เปล่า” เมอร์ฟี่ตอบสั้นๆ
“โชคดีไป มีแค่นี้เหรอ” หญิงสาวมองเด็กหนุ่มหลายคนที่ยืนเรียงแถวเพื่อบันทึกประวัติ
“หลายคนหนีไปได้ นี่แค่ครึ่งเดียว”
“ทำไมถึงมีเรื่องกันบอกได้ไหม มียาเสพติดเข้าไปเกี่ยวหรือเปล่า”
“เขม่นกันนิดหน่อย”
“คราวหน้าหัดใจเย็นและใช้เหตุผลตรึกตรองหน่อยก็ดี จะได้ไม่ต้องโดนจับมาแบบนี้” เธอบอกเสียงเข้ม เมอร์ฟี่หันขวับ มองร่างสูงโปร่งที่ลุกขึ้นยืน ดวงตาคมรีลุกวาวอย่างไม่พอใจ
“ไม่ใช่แม่ อย่ามาสอน”
“อ้าว! ไอ้น้อง หน้าตาก็ดีทำไมพูดแมวๆ แบบนี้ ผู้กองเขาอุตส่าห์หวังดี” เสียงหมู่อ่ำดังมาจากข้างหลัง หน้าตาไม่ค่อยพอใจกับคำพูดของเมอร์ฟี่
“ช่างเถอะหมู่ แล้วนี่มีอะไรหรือเปล่า” ปานระพีตัดบทเพราะกลัวเรื่องยืดยาวไปกว่าเดิม
เมอร์ฟี่มองหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้า แล้วมองป้ายชื่อที่ติดอยู่บนหน้าอกเสื้อแจ็กเก็ตสีดำที่สวมอยู่ ร.ต.อ.ปานระพี เศวตกุล ริมฝีปากบางได้รูปยกขึ้น ส่วนร่างโปร่งบางของผู้กองสาวเดินหายเข้าไปในห้องผู้บังคับบัญชา
ปานระพีเปิดประตูเข้าไปในห้องทำงานของ พล.ต.ต.สมภพ ผู้บังคับบัญชาสายตรง ร่างบอบบางยืดตัวตรงทำความเคารพนายตำรวจใหญ่วัยกลางคนที่นั่งทำงานอยู่หลังโต๊ะทำงานตัวใหญ่
“มาสายหนึ่งนาทีนะผู้กอง” พล.ต.ต.สมภพ ยกนาฬิกาข้อมือดูเวลาแล้วยิ้มกว้างทักทาย ก่อนจะเอนหลังพิงพนักเก้าอี้ท่าทางผ่อนคลาย
“ขอโทษค่ะ ป่านเพิ่งกลับมาจากตรวจท้องที่” เธอตอบพร้อมกวาดสายตาไปยังนายตำรวจที่นั่งอยู่ในห้องสามสี่นาย แล้วส่งยิ้มให้อย่างคุ้นเคย
“เมื่อคืนได้ข่าวว่าจับได้รายใหญ่ใช่ไหมผู้กอง” เสียงผู้กองเหล็กเพื่อนร่วมงานเอ่ยชมกับผลงานของหญิงสาว หมู่อ่ำและจ่าหินเปิดประตูเข้ามาสมทบกับทีมงานที่อยู่ในห้อง
“มาครบแล้วใช่ไหม งั้นก็เริ่มประชุมได้” พล.ต.ต.สมภพ กางเอกสารบนโต๊ะพร้อมอธิบายภารกิจคร่าวๆ
“อาทิตย์หน้าจะมีการประชุมนักธุรกิจภาคพื้นเอเชียแปซิฟิกที่โรงแรมกลางกรุง หน่วยเราได้รับมอบหมายให้ทำหน้าที่คุ้มกันนักธุรกิจทั้งหมดจนกว่าการประชุมจะจบลง หน่วยข่าวกรองของเอฟบีไอได้แจ้งมาว่ามาเฟียข้ามชาติจะจับนักธุรกิจไปเรียกค่าคุ้มครอง ทางหน่วยเหนือจึงกำชับมาว่างานนี้ห้ามพลาดเด็ดขาด เพราะนั่นหมายถึงชื่อเสียงของประเทศ รายละเอียดทั้งหมดอยู่ในซอง” เสียงผู้บังคับบัญชาเน้นย้ำในตอนท้าย
“เป้าหมายหลักของพวกมันอยู่ที่ใครคะ” ปานระพีถาม หลังจากนั่งอ่านเอกสารเกี่ยวกับประวัติของนักธุรกิจที่เข้าร่วมประชุม
“ถามได้ดีผู้กอง นักธุรกิจที่เป็นเป้าหมายสำคัญก็คือคุณราม เซสฟรานโก้ นักธุรกิจลูกครึ่งไทย-รัสเซียน ลูกชายคนเล็กของมาดามลอว์เรน ประธานกรรมการผู้จัดการเซสฟรานโก้กรุ๊ป”
“ใหญ่ขนาดนี้ บอดี้การ์ดคงมีไม่ต่ำกว่าสิบแล้วมั้งครับป๋า” ผู้กองเหล็กเอ่ย
“ใช่ เราต้องทำงานร่วมกับการ์ดของเขา และต้องอารักขานักธุรกิจคนอื่นๆ ด้วย อีกสามวันเราจะประชุมเรื่องนี้กันอีกครั้ง”
*** ขอบคุณคร้า ***
