บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 9 คุณแม่สามี

ติ้ง ติ้ง... มือถือของคีรยาดังขึ้น

(แยม เย็นนี้ฉันจะไปกินข้าวกับเธอนะ)

(ปันมีอะไรหรือเปล่า)

(ฉันมีเรื่องเยอะแยะอยากจะคุยด้วยน่ะ ถ้าฉันไม่ได้ระบาย ฉันจะต้องขาดใจตายแน่ ๆ)

(มาสิ มาเลย)

(แล้วปันอยากจะกินอะไรล่ะ เดี๋ยวฉันจะซื้อมาทำให้)

(ฉันอยากกินผัดไทยโบราณ ที่เธอเคยทำให้กินครั้งก่อนนะ อร่อยมากเลยนะ)

(ได้เดี๋ยวฉันไปหาซื้อของมาเตรียมไว้ พอเธอมาถึง ฉันผัดให้ แป๊บเดียวเธอก็ได้กิน)

(ขอบใจนะเพื่อน ขอบใจ ถ้าฉันไม่มีใครอยู่ด้วย ฉันคงจะฆ่าตัวตายไปแล้ว)

(เฮ้ย! ทำไมแกพูดอะไรแบบนี้ล่ะปัน ฉันขอร้อง แกอย่าพูดแบบนี้อีกนะ เข้าใจหรือเปล่า ปันฉันรักแก ฉันรักแกมาก)

(ฉันก็มีแกคนเดียวเหมือนกัน)

แล้วปันฐิตาก็หายไป ปล่อยให้คีรยาส่งข้อความของเธอกลับไปอีกรัว ๆ

(ฉันอยู่ข้างแก ไม่ว่าแกจะผิดจะถูก ยังไงฉันก็อยู่ข้างแก)

(ปัน ฉันยังยืนยันคำเดิมที่ฉันเคยพูดกับแก ฉันรักแกปัน) แววตาของคีรยาเต็มไปด้วยความเป็นห่วง ชีวิตรักของปันฐิตาน่าอิจฉา หรือน่าสงสารกันแน่

ไพรภูมิก็รักปันฐิตาดี แต่แม่ของสามีนี่สิ คงไม่พ้นเรื่องเดิม ถ้าเธอเป็นปันฐิตา แล้วเจอปัญหาบ้า ๆ แบบนี้ เธอจะทำอย่างไร แต่เสียงหนึ่งก็ดังในหัว

‘แกไม่ใช่ปัน และแกก็ไม่ได้เป็นเมียเขา’

‘บ้า ฉันไม่ได้อยากเป็นเมียเขา’

ปฏิเสธตัวเองรัว ๆ ยกมือขึ้นมากุมหัวใจที่เต้นแรง

ไพรภูมิเดินเข้ามาในบ้าน เขาก็ได้ยินเสียงของคุณแม่บ่นกระปอดกระแปด หน้าตาเอาเรื่อง ใจจริงของเขาแล้ว ชายหนุ่มก็อยากหันหลังกลับ แต่พอดีคุณนายชวนชมหันมาเห็นเสียก่อน

“จะไปไหนล่ะ มาถึงที่แล้ว จะกลับเลยหรือ”

“ผมเห็นว่าคุณแม่กำลังมีปัญหาอยู่นี่ครับ ผมไม่อยากรบกวน”

“แกมาก็ดีแล้ว มาฟังฉันพูดซะดี ๆ”

“ขอร้องนะครับแม่ แค่นี้ผมก็มีปัญหาหนักอกหนักใจมากพอแล้ว” เขาเดาถูกว่าจะต้องเป็นเรื่องของปันฐิตา ไพรภูมิจำใจเดินเข้าไปหาท่าน

“วันนี้แกไม่ต้องไปทำงานเหรอ”

“ผมจะไปสัมมนาที่สิงคโปร์สองอาทิตย์นะครับ วันนี้ผมเลยอยู่บ้านเก็บกระเป๋า”

“แล้วเมียแกก็ยังไปทำงานอีก ไม่ยอมเก็บกระเป๋าให้แก” กระแนะกระแหนอีก

“ปกติผมก็เก็บเองอยู่แล้วครับ ปันไม่ได้ทำให้อยู่แล้ว”

“สบายจริง ๆ เป็นเมียแกนี่ ไม่ต้องทำอะไรเลย”

“คุณแม่ครับ” ใช้สายตาปราม

“โอเค ฉันว่าอะไรเมียแกไม่ได้ แตะต้องอะไรเมียแกไม่ได้” พ่นลมหายใจแรง

“แล้วเมื่อกี้คุณแม่ก่นด่าใคร”

“จะด่าใครด่า เมียแกน่ะสิ”

“แม่ครับ ทำไมครับ ปันทำอะไรให้แม่อีก”

“แค่แม่โทรไปหา โทรไปคุยด้วย”

“แม่โทรไปหาเรื่องปัน”

“เอ๊ะ! เจ้าเชน แกนี่ยังไง ฉันแค่โทรไปปรึกษา ไม่ได้โทรไปหาเรื่อง ทำไมฉันก็มีเรื่องต้องปรึกษาเมียแก ฉันจะโทรไปไม่ได้เหรอ” เฉไฉไปแบบน้ำขุ่น ๆ

“เรื่องไหนครับ”

“เรื่องอุ้มบุญ”

“แม่” เขาเรียกแม่เสียงสูง

“ผมบอกคุณแม่แล้วไงว่าเรื่องนี้ผมจะคุยกับปันเอง” สายตากระแทกมองท่านอย่างไม่พอใจ

“ฉันคุยแล้ว ก็ไม่เห็นว่าปันเมียแกจะมีปัญหา บอกว่าได้ เชิญตามสบาย ฉันอยากทำอะไร เมียแกจะไม่ขัด เห็นดีเห็นงามอีกด้วย”

“แม่ทำเกินไปแล้ว”

“เกินไปอะไร ก็เมียแกไม่กระตือรือร้นเอง”

“แม่ครับ ปันท้องเองไม่ได้ คุณแม่จะให้ปันกระตือรือร้นทำอะไร” เขาชักสีหน้าไม่พอใจ

“แล้วแกจะมาแว้ดแม่ทำไม มาแผดเสียง นี่เจ้าเชน ฉันน่ะเป็นแม่แกนะ”

“ฉันโทรไปบอกเมียแกแล้ว เมียแกบอกว่า โอเค ไม่เห็นจะคุยยากตรงไหน แกนั่นแหละที่ทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่”

“นี่ แม่รู้ไหมครับ คำว่าโอเคของผู้หญิงนั้น มันไม่โอเคเลยนะครับ ไม่มีใครโอเคกับเรื่องแบบนี้หรอก สมมุติถ้าตอนนั้นคุณพ่อเดินมาบอกคุณแม่ว่า อยากจะเอาเมียใหม่มาทำลูกเพิ่ม อะไรก็แล้วแต่ คุณแม่จะพูดว่ายังไงครับ” ไพรภูมิพ่นหายใจออกดังเฮือก

“ฉันไม่ได้ให้แกเอาเมียใหม่ เมียแกก็ยังตั้งโด่ โดยอยู่ตรงนั้น ฉันไม่ได้ให้หย่า หรือว่าเลิกกันสักหน่อย แค่จะหาคนมาทำลูกให้แค่นั้นเอง ปัญหาไม่มีอะไรมากเลย ก็แค่ทำอกทำใจ รับเรื่องที่จะเกิดขึ้นเท่านั้น”

“คุณแม่ควรจะเอาใจเขามาใส่ใจเราด้วย แม่ก็รู้ว่าการเลี้ยงเด็กไม่ได้ง่าย แล้วตอนนี้แม่ก็แก่มากแล้ว แข้งขาก็ไม่ดี”

“ฉันมีคนใช้”

“คนใช้ก็ไม่เหมือนแม่ที่แท้จริง แล้วที่คุณแม่ต้องการให้อุ้มบุญพอลูกเกิดมาคุณแม่จะให้ผมกับปันเลี้ยงกันสองคนใช่ไหมครับ”

“ฉันจะเลี้ยงเอง”

“อ้าวสรุปว่า คุณแม่อยากได้ลูกของตัวเอง ไม่ได้อยากได้ลูกของผม”

“ฉันอยากได้เด็กมาเลี้ยง แต่ต้องเป็นลูกของแก”

“หึ-หึ ผมเป็นลูกคงพูดอะไรไม่ได้ สุดแท้แต่แม่ครับ แต่ผมขอร้องอย่างหนึ่ง แม่อย่าไประรานปันอีก”

“แตะต้องไม่ได้เลยนะ เมียแกน่ะ”

“ก็แม่ทำไม่ถูก”

“ไม่ต้องพูดแล้ว รำคาญปวดหัว เผ็ดเอายาพาราฯ มาให้ฉันกินหน่อยซิ ฉันจะกินยาแก้ปวดสักเม็ดสองเม็ด”

แล้วคุณแม่ก็หันไปตะโกนเรียกคนใช้ฃ

“คุณแม่อย่ากินยาไปเรื่อยเปื่อยนะครับ มันอันตราย ผมว่าถ้าคุณแม่ไม่อยากปวดหัว คุณแม่ก็ควรจะปลง ๆ คุณแม่ควรจะนั่งสมาธิ ไปอาบน้ำให้ตัวเย็น นอนพักผ่อน แล้วก็เลิกยุ่งกับชีวิตของผมกับปันสักที”

“นี่แกหาว่าฉันก้าวขาไปแหย่รังมดแดงของแกหรือไง”

“ไม่ใช่ครับ”

“แกจะไปไหนก็ไป ไป” คุณแม่ออกปากไล่

“ผมจะมากราบลาคุณแม่ เดี๋ยวผมจะเดินทางไปสิงคโปร์แล้วครับ”

“โอเค ๆ เดินทางปลอดภัยก็แล้วกัน พอแกไปถึงที่สิงคโปร์แล้วก็ส่งข้อความมาบอกแม่ด้วย”

“ครับคุณแม่ สวัสดีครับ” เขายกมือไหว้ ก่อนจะรีบหันหลังกลับไป สีหน้าของไพรภูมิไม่ได้ดีขึ้นกว่าเดิมเลย ทุกอย่างดูแย่ลง แย่ลง และก็ยิ่งแย่ลง

ชายหนุ่มยกมือถือโทรไปหาปันฐิตา เขาโทรติดแต่เธอก็ไม่ได้รับสาย ไพรภูมิจึงรู้ว่า เธอคงพลอยโกรธเขาไปอีก โกรธเขาในสิ่งที่แม่ทำ ไพรภูมิจึงได้ข้อความเข้าไปหาเธอ

(พี่ขอโทษนะปัน สำหรับในสิ่งที่แม่พี่ทำ)

(พี่ไม่รู้จะขอโทษปันยังไง ให้ปันยกโทษให้พี่ พี่จึงได้แต่ขอโทษ ขอโทษ ขอโทษ พี่ขอโทษนะจ๊ะปัน)

(พี่จะไปสิงคโปร์สองอาทิตย์นะ พี่ต้องไปดูงาน แล้วตอนขากลับมาพี่จะซื้อน้ำหอมที่ปันชอบมาฝากนะครับ)

(ปันอยากได้กระเป๋าถือไหม หรือว่ากระเป๋าสตางค์ หรือว่าจะเป็นกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ เผื่อว่าเราจะเดินทางไปท่องเที่ยวที่ไหนสักที่หนึ่ง หลังจากที่พี่กลับมาจากสิงคโปร์แล้ว)

(ปันลางานเอาไว้ด้วยนะสักสองอาทิตย์ พอมาถึง พี่จะพาปันไปเที่ยว พี่รักปันนะ รักมาก รักมากที่สุด รักไม่มีวันเปลี่ยนแปลง)

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel