บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 4 ความต้องการของแม่2

“อย่างนั้นเหรอ” ดูไม่เชื่อ คุณชวนชมนั่งหน้านิ่วคิ้วขมวด

“ใช่ แม่ต้องเชื่อนะครับ ยายคนนี้เป็นเครื่องสูบเลือดเนื้อคนอื่น ผมไม่ชอบยายผู้หญิงคนนี้ เธอเป็นปลิง เห็นแก่เงิน คงจะเห็นว่าปันนั้นเป็นเหมือนบ่อข้าวบ่อน้ำ บ่อเงินบ่อทองของหล่อน ไม่มีเงินทองใช้ หล่อนก็จะมาขอ คงจะเห็นว่าปันเป็นคนใจดี ละรักเพื่อนมาก จึงเอาความใจอ่อนของปันมาเป็นข้ออ้าง เลวจริง ถ้ามีเพื่อนแบบนี้ สู้ไม่ต้องมีเสียดีกว่า”

“อูย ปากคอเราะรายนะ เป็นไปไม่ได้หรอก จะมีหรือ อยู่ ๆ จะมาให้เงินให้ทองกัน มันได้ยังไง แกลองคิดด้วยหัวสมองอันน้อยนิดของแก คิดซิ คิด...”

“แม่ครับ ตอนนี้ผมชักจะยังไงยังไงกับแม่แล้วนะครับ สรุปว่าผมเป็นลูกแม่จริง ๆ หรือเปล่า”

“เหอะ! ทำไมคิดอย่างนี้”

“ก็แม่ทำให้ผมคิด ที่แม่พูดจากับลูกอย่างนี้”

คุณชวนชมนั่งถอนหายใจ เจอหน้าลูกชายทีไร อารมณ์มักจะขุ่นเขียวขึ้นมาอย่างไม่มีสาเหตุ

ที่หลังประตู เมื่อได้ยินดังนั้น คีรยานั้นรีบก้าวขาฉับ ๆจากไป เธอไม่อยากได้ยินเสียงของเขา และไม่ได้ไม่อยากฟังคำพูดที่ระรานว่าร้ายของไพรภูมิที่มีต่อตัวเอง

ทำไมเขาถึงได้จงเกลียดจงชังเรานัก ทั้งที่เหตุการณ์นั้นก็ผ่านมาตั้งสี่ปี ทุกอย่างก็ไม่ใช่ความผิดของฉันด้วย เป็นความผิดของเขาทั้งนั้น

เธอได้แต่โทษหัวใจ และโกรธตัวเองที่เจ็บปวดทุกครั้งที่เจอหน้าของไพรภูมิ

เมื่อพ้นออกมาจากรั้วบ้านของสองแม่ลูกแล้ว คีรยาก็ไม่รู้จะไปไหน เธอจะเข้าบ้านก็ไม่ได้ ในตอนนี้เพราะอะไรเธอรู้อยู่แก่ใจ

ช่างเถอะ เดินเตร็ดเตร่อยู่แถวนี้สักพักหนึ่งก็แล้วกัน อีก หนึ่งชั่วโมงค่อยเข้าบ้าน เฮ้อ...

คีรยาไปนั่งอยู่หน้าเซเว่นก็แล้วกันนะ เธอบอกกับตัวเอง แล้วก็ก้าวขาเดินไปในทางที่ต้องการ

สองแม่ลูกอยู่ที่ห้องพระ บนชั้นสองของบ้าน คุณชวนชมนั่งหันหลังให้ไม่สนใจลูกชาย มือก็สาละวนดึงเอาหนังสือสวดมนต์ออกมาจากชั้น

“แม่ครับ แม่จะคุยกับผมก่อนไม่ได้หรือไง ผมก็บอกแล้วว่าผมจะคุยกับแม่”

“คุยมาสิ ฉันจะไหว้พระสวดมนต์ และจะเข้านอน พูดอะไรก็พูดมา จะได้ไม่เสียเวลา ฉันนอนดึกไม่ได้หรอก เดี๋ยวขอบตาฉันจะดำ” ท่าทางไม่อยากจะคุยกับคนเป็นลูกชาย

“แม่ไม่ต้องมาอ้าง ผมรู้ว่าแม่เพิ่งจะไปฉีดโบทอกซ์มานี่”

“เอ๊ะ! ก็มันเป็นความสุขของฉัน” รีบหันมามองหน้าลูกชายตาขวาง

“ผมก็ไม่ได้ว่าอะไรนะครับ แต่คุณแม่อย่าเอาการไหว้พระมาอ้างที่จะไม่อยากคุยกับผม”

“โอ้ย! คุยกับแกทีไร ฉันประสาทจะแดก ไมเกรนจะขึ้น ไหนจะคุยอะไรก็ว่ามาซิ” จำใจละมือจากสิ่งที่ทำ หันมาหาลูกชายทั้งตัว

ไพรภูมิเข้าไปนั่งลงใกล้ ๆ แล้วก็แตะไปที่หัวเข่าของแม่ ก่อนที่เขาจะก้มลงไปกราบแทบตักของแม่ โดยที่คุณชวนชมก็ไม่ได้ตั้งตัว

“อะไรของแก แกต้องการอะไรจากฉัน”

ไพรภูมิพ่นหายใจแรงแทงออกมาจากปลายจมูก มองหน้าแม่ด้วยสีหน้าเคร่งเครียด “แม่ครับ ผมจะบอกแม่ว่า ผมอยากอยู่อย่างสงบ และมีความสุขกับปัน”

“อ้าว แล้วตอนนี้แกสองคนไม่ได้มีความสุขด้วยกันหรอกหรือ”

“ความสุขของเราหมดลงไปตั้งแต่เราสองคนไม่สามารถมีลูกให้แม่ได้”

“โอ้! แล้วยังไง นี่แกถือว่าเป็นความผิดของฉันอย่างนั้นเหรอเจ้าเชน” ยกมือขึ้นมาทาบที่อก มองลูกชายอย่างผิดหวัง

“แม่คนนี้รักลูกมากแค่ไหน ต่อหน้าพระหน้าเจ้า แกยังอกตัญญูว่าแม่ได้ แกว่าแม่” คุณชวนชมมีน้ำตาคลอ

“เดี๋ยวแม่ครับ ผมไม่ได้ว่าแม่นะครับ ถ้าแม่อยากได้หลาน ผมจะขอเด็กที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้ามาเลี้ยง”

“โถ่คุณพระ แกคิดได้ยังไงกันเจ้าเชน ที่ฉันต้องการหลานน่ะ เพราะฉันต้องการเลือดเนื้อเชื้อไขของฉันกับของพ่อแกต่างหาก แกเข้าใจบ้างหรือเปล่า กับเด็กกำพร้าพวกนั้น ฉันรู้ดีว่าเด็กมันน่าสงสาร ถ้าเรารับเลี้ยง มันก็ได้ แต่ว่าจะมาเอาเลี้ยงอุ้มชูเหมือนลูกหลานของเราแท้ ๆ น่ะไม่ได้ เพราะเด็กพวกนั้นไม่มีเลือดเนื้อเชื้อไขของเรา รู้ไหมเพราะอะไร ยังไง ๆ แม่ก็ยังเชื่อคำโบราณ เอาลูกเขามาเลี้ยง เอาเมี่ยงเขามาอม สุดท้ายมันก็เหมือนชาวนากับงูเห่า พอเลี้ยงมันจนได้ดิบได้ดี มันจะรักเราจริงหรือเปล่าก็ไม่รู้ นี่แหละคือปัญหาที่แท้จริง และก็มีตัวอย่างให้เห็นกันดารดาษ”

“แม่น่ะคิดแต่แง่ร้าย”

“ใช่สิ ฉันก็เป็นคนแบบนี้แหละ เห่อ ๆ ฉันขอร้องเถอะ แกอย่าได้พูดแบบนี้อีก แกจะเอาเงินไปบริจาค หรือว่าให้รับเลี้ยงเด็กกำพร้าคนไหน จะเป็นสิบ ยี่สิบคน ฉันก็ไม่ว่า แต่อย่าเอามาอุปถัมภ์ค้ำชูมาอุ้มอยู่ในบ้านน่ะไม่ได้” คุณแม่ออกอาการหน้าดำหน้าแดง ทำเสียงสูงในตอนท้าย ๆ

“ถ้าอย่างนั้น อีกทางหนึ่ง ผมอยากจะแนะนำคุณแม่ให้ติดต่อญาติพี่น้องของเราที่ไหนก็ได้ ญาติของคุณแม่ แล้วก็ขอเด็กสักคนสองคนมาเลี้ยง”

“เจ้าเชน เฮ้อ... แล้วมันจะไม่ต่างจากเด็กกำพร้าพวกนั้นตรงไหน”

“ก็มีสายเลือดของคุณแม่”

“ย่ะ หึ-หึ แล้วญาติพี่น้องของเรา มีใครเขาเดือดร้อน ที่จะต้องมาแบมือขอเงินจากพวกเราอย่างนั้นหรือ เขามีกินมีใช้ จะมีใครให้ลูกกับแก”

“ก็แม่อยากมีทายาท”

“เจ้าเชน มันไม่เหมือนกัน อย่างไรมันก็ไม่เหมือนกัน แม่รักใครไม่ลงหรอก หากไม่ใช่ลูกของแก” คุณชวนชมเสียงแข็ง

“ทียายแยมนั้น คุณแม่ก็ยังเอ็นดูได้” ไพรภูมิอดที่จะเอ่ยไปถึงคีรยาไม่ได้

“มันไม่เกี่ยวกัน อย่าพูดถึงหนูแยมแบบนั้น แม่ไม่ได้ขอหนูแยมเป็นลูกหลาน อ๋อ... เป็นความคิดที่ดีเหมือนกันนะ หรือว่า ฉันจะขอหนูแยมมาเป็นลูกบุญธรรมเสียเลย”

“คุณแม่กำลังพูดประชดผม” พลางถอนหายใจยาว ๆ

มารดาหันหน้าหนีไปมองพระพุทธรูป “ปากด่าว่าเกลียด แต่พูดถึงหนูแยมไม่หยุด ไม่ชอบเธอมาก ๆ ก็ไม่ควรจะเอ่ยถึง แม่กับแกกำลังพูดถึงเรื่องเมียของแกโน้น พูดก็พูดเถอะ หากเมียแกมีลูกให้แกไม่ได้ ฉันว่าฉันจะหาเมียให้อีกคนก็แล้วกัน”

“แม่ แม่พูดอย่างนี้ออกมาได้ยังไง ผมรักปัน ผมมีครอบครัวแล้ว ต่อหน้าพระพุทธรูป แม่จะให้ผมทำผิดศีลห้า” เขาส่ายหน้ารัว ๆ

“ต่อหน้าพระเจ้าฉันพูดตามความสัตย์ สิ่งที่พูดมันติดอยู่ในหัวอกหัวใจของฉัน ถ้าแกเป็นลูกที่เข้าใจแม่ แกก็ต้องหาทางออกร่วมกันกับแม่ ไม่ใช่มาว่าด่าฉันปาว ๆ” นั่งหน้าดำแดง

“เอาล่ะ พอ ๆ เลิก ๆ แกอย่ามาหาเรื่องกัน ในเมื่อฉันก็ไม่ได้บอกให้แกเลิกกับเมียสักหน่อย”

“แม่ใจดำ”

“คิดอย่างไรก็ช่าง ฉันจะหาเมียให้แกผสมพันธุ์”

“เอาน้ำเชื้อของผมไปใช้ใช่ไหม อย่างนั้นก็ได้ ผมตกลง แม่จะให้ไปผสมเทียมกันที่ไหน โรงพยาบาลไหนได้ทั้งนั้น”

“แกจะยอมเสียเงินเสียทองอีกอย่างนั้นเหรอ เห่อ ๆ กับเมียแก เราสูญเสียเงินมาตั้งเท่าไหร่ ไม่เห็นจะได้ผลอะไรเลย มันต้องมีวิธีอะไรที่ดีกว่าผสมเทียม ฉันจะลองคิดดูก่อน” แม่หัวเราะเสียงเย็น

“ใครจะอุตริมาเป็นแม่พันธุ์ นอกจากคนที่เคยเป็นหม้าย หรือว่ามีผัวมาแล้ว แม่อุ้มบุญ”

“ฉันจะหาของฉันเอง” ดวงตาแข็ง กลับตัวหันหน้าไปทางพระพุทธรูป แล้วควานหาหนังสือสวดมนต์

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel