ตอนที่ 9
แล้วหล่อนก็ประสบความสำเร็จว่าปิ่นประดับรักและเอ็นดูหล่อนมากไม่เคยตำหนิเลยอยากได้อะไรหล่อนก็ได้สิทธิ์เลือกก่อน และครั้งนี้เมื่อโตเป็นสาวเรียนจบ หล่อนก็พยายามมากในการเรียนเพื่อจะต้องเรียนให้ได้เกรดที่ดี เพื่อจะได้เข้าไปทำงานในบริษัทหมายจะได้ครอบครองเป็นเจ้าของแต้เพียงผู้เดียวในอนาคต
“ฉันเหนื่อยมามากที่สุด ฉันอยากจะพักก็ยังไม่ได้พัก เพราะกลัวว่าแกจะแซงหน้าฉัน ยิ่งฉันได้พบกับคุณธัสฉันก็ยิ่งหวัง หวังว่าฉันจะได้เขา แม้ว่าฉันต้องเสียใจและอดทนรอจนถึงวันที่เขาหย่าจากเมีย ฉันก็ยังหวังว่าฉันจะมีสิทธิ์ แต่เพราะแก แกนังหนึ่งธิดา นังเด็กไม่มีพ่อไม่มีแม่ แก..เกลียด ฉันเกลียดแก”
ภัสรดาไม่มีความจำเป็นจะต้องเสแสร้งแกล้งทำเป็นคนเรียบร้อยอ่อนหวานอีกแล้ว เพราะหล่อนรู้แล้วว่าปิ่นประดับไม่ได้รักหล่อน แต่ปิ่นประดับรักหนึ่งธิดาต่างหาก แม้ว่าที่ผ่านมาจะทำเป็นชิงชังก็ตาม
“แกแย่งทุกอย่างไปจากฉันจนหมด สิ่งที่ฉันคิดว่าฉันจะได้ครอบครองก็ตกเป็นของแก แกมันเลวจริง ๆ”
ภัสรดาอยากจะร้องไห้ก็ร้องไม่ออก อยากจะกรี๊ดก็กรี๊ดไม่ได้ หล่อนจึงได้แต่เก็บกดและระบายเท่าที่จะทำได้ ใจหนึ่งก็อยากจะประชดย่าให้มันเลวเหลวแหลกไปเลย แต่อีกใจก็ทำไม่ได้ ครั้นจะตามไปเพื่อขัดขวางไม่ให้กันต์ธัสแต่งงานกับหนึ่งธิดาก็ไม่กล้าพอ ก็ทำให้หล่อนยิ่งเครียดและนึกเกลียดตนเองที่ขี้ขลาด
ในขณะที่ภัสรดาแทบบ้า หนึ่งธิดาถูกบังคับให้นั่งอยู่บนรถคู่กับกันต์ธัส เธอพยายามที่ทุบกระจบแล้วผลักประตูก็ไม่อาจจะกระดุกกระดิกไปไหนได้ แม้ว่าจะขอร้องและพูดกับเขาเขาก็เงียบทำราวกับไม่ได้ยิน
“ฉันจะเข้าห้องน้ำ”
เธอบอกเขาในที่สุด
“รอถึงปั้มข้างหน้าก่อน”
นั่นคือคำพูดแรกหลังจากหนึ่งธิดานั่งรถมากับเขาตลอดสามชั่วโมงเต็ม แม้ว่าเธอจะพยายามร้องตะโกนสร้างความรำคาญให้เขามาตลอดทางก็ตาม และทันทีที่รถเลี้ยวเข้าไปเติมน้ำมันเธอพยายามจะเปิดประตูแต่ก็ไม่สามารถเปิดได้เพราะถูกล็อคไว้
“ฉันจะไปเข้าห้องน้ำ จะให้ปล่อยตรงนี้ใช่ไหม”
หนึ่งธิดาตะคอกเสียงใส่หน้ากันต์ธัสที่ยังนั่งเฉย ทำให้เธอยิ่งแค้นเคืองเขามากขึ้น
“วัวแก่อยากจะกินหญ้าอ่อน เช๊อะ ทุเรศไม่ดูสังขาร แก่ก็แก่ บ้านนอกก็บ้านนอก”
หนึ่งธิดาทำเหมือนบ่นแต่กลับพูดอย่างดังเธอจงใจให้เขาได้ยิน แต่เขาก็ยังคงนิ่งจนคนขับต้องมองผ่านกระจกมาเหมือนจะขออนุญาตไปเข้าห้องน้ำ
“เลี้ยวไปจอดใกล้ ๆ”
เขาบอกคนขับเหมือนรู้ทัน ดังนั้นหนึ่งธิดาก็เตรียมตัวเพราะหมายจะได้ลง แต่เปล่าเลย เมื่อคนขับคล้อยหลังลงไป กันต์ธัสก็รีบกดล็อคประตูไว้
“จะบ้าหรือไง”
กันต์ธัสหันไปมองหน้าเธอ
“เมื่อกี้เธอว่าใครแก่ ว่าใครบ้านนอก ว่าใครเป็นวัวแก่”
เธอเชิดหน้าขึ้น
“แล้วใครว่าฉันเลือกกินหญ้า ฉันก็ว่าคนนั้นแหละ”
“ดี งั้นก็อยู่ในนี้แหละ”
“จะบ้าหรือไง ฉันปวดฉี่จะราดอยู่แล้วนะ”
“ก็ให้มันราดเลยสิ”
หนึ่งธิดาจ้องหน้าเขานิ่ง
“ไอ้บ้านนอก ไอ้แก่ คุณไม่รู้หรือไงว่าฉันจะต้องฉี่ยังไง จะให้ฉี่ในนี้ได้หรือ หา..”
กันต์ธัสมองหน้าเธอนิ่งพร้อมกับขยับใกล้เข้าไปอีกนิดจนหนึ่งธิดาต้องถอยไปจนติดประตู
“ก็ฉี่เลยสิฉันจะได้เห็น”
“ไอ้บ้า”
หนึ่งธิดานึกฉุนจัด แต่ถึงจะโกรธเขายังไงก็ยังน้อยกว่าการปวดฉี่ของเธอ เธอขยับนั่งหนีบจนแทบทนไม่ได้ จนกระทั่งคนขับรถกลับมา กันต์ธัสจึงปลดล็อคเมื่อนั่นหนึ่งธิดาไม่รอช้าเธออาศัยจังหวะที่คนขับเปิดประตู เธอก็ผลักประตูเปิดแล้ววิ่งไปยังห้องน้ำทันที กันต์ธัสส่งสัญญาณบอกคนขับรถให้ดักเธอตรงทางเข้า ส่วนเขาอ้อมไปทางด้าน
.
หนึ่งธิดาเมื่อปลดปล่อยแล้วก็ทำให้รู้สึกปลอดโปร่งและสมองเริ่มหาทางหนี เธอมองไปรอบห้องน้ำหญิงในปั้มแห่งนั้น
“จะบ้าตาย ไม่มีทางปีนออกไปได้เลยหรือนี่ ทำไงดี ฉันต้องหนีให้ได้ ไม่มีวันที่ฉันจะยอมแต่งงานกับไอ้คนถ่อยสถุลคนนั้นแน่”
หนึ่งธิดาพยายามคิดหาทางหนี แต่แล้วเธอก็เห็นหญิงชราคนหนึ่งเดินเข้ามาพร้อมด้วยเสื้อผ้าหลายชั้นเนื่องจากเป็นคนขี้หนาวทำให้เธอเกิดความคิดหนึ่งขึ้นมา
ในขณะที่กันต์ธัสก็ไปสำรวจด้านข้างห้องน้ำเพราะคิดว่าเธออาจจะปีนออกไป แต่เมื่อดูแล้วว่าไม่ทางที่จะปีนออกมาได้เขาจึงเดินมาที่บริเวณลานจอดรถ โดยตั้งใจยืนหลบไม่ให้เป็นที่สังเกตมากนักแล้วเขาก็มองไปที่ประตูทางเข้า ทันได้เห็นกลุ่มคนจากรถบัสท่องเที่ยงที่แยกย้ายกันไปยังห้องน้ำ
และอีกไม่นานนักนักท่องเที่ยงกลุ่มนั้นก็ออกมา แต่ไม่มีวี่แววของหนึ่งธิดาเมื่อผิดสังเกตคนขับรถจึงโทรหากันต์ธัสบอกว่าไม่เห็นหนึ่งธิดาออกมาจากห้องน้ำ ทำให้กันต์ธัสจำต้องมองไปรอบตัว จนกระทั้งเขาเห็นหญิงชราคนหนึ่งเดินกอดอกมาแถวมินิมาร์ท
“หนาวหรือครับคุณป้า”
กันต์ธัสเอ่ยถาม
“ใช่ ฉันมาเที่ยวแต่ในรถเปิดแอร์เย็นมาก แล้วเมื่อกี้เข้าห้องน้ำเจอแม่สาวน้อยคนหนึ่งหนาวกกว่าฉันอีกก็เลยให้เสื้อคลุมเธอไป”
คำตอบนั้นทำให้กันต์ธัสได้เข้าใจได้ว่าหนึ่งธิดาได้เสื้อคลุมจากหญิงชราคนนี้จึงทำให้คนขับรถและเขาไม่ทันสังเกต กันต์ธัสจึงให้คนขับของเขาตรงไปที่รถบัสแล้วขอขึ้นไป แต่ในขณะนั้นหนึ่งธิดาได้เห็นคนขับรถเข้า เธอจึงหลบหมายจะมาอีกทางแล้วอาศัยหลบบนรถบรรทุกคันหนึ่งแต่ไม่สามารถรอดพ้นจากสายตาของกันต์ธัสที่สอดส่ายสายตามองอยู่
เขาโทรบอกคนขับรถของเขาให้ขับรถตามไปในขณะที่เขาขออาศัยด้านหน้าของรถบรรทุกคันนั้น ที่มุ่งหน้าลงใต้เช่นกัน
“ในที่สุดฉันก็หนีคุณได้ นายหน้าเหี้ยม ไม่มีทางหรอกนะที่ฉันจะยอมเป็นเมียคนเถื่อนไร้สกุลอย่างคุณ”
หนึ่งธิดาคิดในใจพร้อมกับสูดลมหายใจเข้าปอดลึกด้วยความสบายใจ แต่เธอไม่รู้เลยว่าทิศทางที่เป็นช่วงแยกนั้น รถที่เธอนั่งอยู่จะเดินทางไปที่ใด แต่ด้วยเวลานี้ มันทำให้เธอรู้สึกง่วง เพราะระยะทางที่ผ่านมาเธอไม่ได้หลับเลยสักนิด จึงทำให้เธอเผลอหลับยาวมาเป็นเวลาหลายชั่วโมง
เมื่อมาถึงจุดหมายปลายทาง ลูกจ้างที่ขับรถบรรทุกก็ต้องเอาของลง เมื่อเปิดท้ายรถก็ปรากฏว่าหนึ่งธิดายังหลับเงียบอยู่ ทำให้กันต์ธัสต้องระบายลมหายใจออกมาเสียยืดยาว
“ฉันจะทำยังไงกับเธอดีนะหนึ่งธิดา”
เขาถามตนเองอยู่ในใจ ก่อนจะหันไปมองรถที่ตามมา ซึ่งเป็นรถของเขาที่ให้คนขับตามไปนั่นเอง เขาก้าวขึ้นไปยังรถบรรทุกบรรจงช้อนร่างบางอรชรของหนึ่งธิดาที่ยังหลับนิ่งนั้นไปวางลงยังเบาะหลังของรถเอนกประสงค์ เบนท์เอ็มคลาสสีดำ คันเดิมที่เธอหนีลงไป
จากนั้นเขาก็สั่งคนขับมุ่งหน้าตรงไปยังบ้านพักของเขาที่ด้านหนึ่งเป็นทะเล อีกด้านหนึ่งสวนปาล์ม ถัดไปเป็นโรงงานขนาดใหญ่ที่จัดทำการกลั่นน้ำมันอย่างครบวงจร
“นายหัว กลับมาแล้วหรือคะ”
