ตอนที่ 8
“ครับคุณย่า ผมมาทำตามสัญญา”
ปิ่นประดับพยักหน้าก่อจะมองหน้าธามธรณ์และภัสรดา
“แม่ยกหนึ่งธิดาให้คุณธัสแล้วนะ”
ธามธรณ์เพียงแค่เลิกคิ้วเตรียมจะถาม แต่ภัสรดาถลาเข้าไปหาปิ่นประดับ
“คุณย่าหมายความว่าอย่างไรคะ ยกหนึ่งธิดาให้คุณธัส!”
แทนคำตอบของปิ่นประดับ กันต์ธัสก็ชิงพูดขึ้นก่อน
“ผมจะพาหนึ่งธิดากลับใต้พร้อมผมวันนี้ แล้วจะจัดงานแต่งเล็ก ๆ ขึ้นภายในครอบครัวครับ”
“งานแต่ง ! หมายความว่าคุณ..!”
ภัสรดาแทบไม่อยากเชื่อหูของตนเอง หล่อนส่ายหน้าไปมาพลางหันกลับไปมองหน้าย่า ที่ปิ่นประดับคิดอะไรอยู่ ไม่รู้หรือว่าหล่อนรู้สึกอย่างไรกับกันต์ธัส หล่อนรอต่อคิวจากเมียที่หย่าของเขามาเป็นเวลาหลายปี แต่สุดท้าย ปิ่นประดับกลับยกหนึ่งธิดาให้เขา
ผู้ชายเพียบพร้อมทุกด้าน ที่สำคัญเขารวยมาก เขามีทรัพย์สมบัติที่มากกว่าของตระกูลหล่อนเป็นร้อยเท่า แม้ว่าหล่อนจะไม่ได้เป็นผู้ครอบครองมรดกทั้งหมดของปิ่นประดับก็ไม่เป็นไร ขอเพียงให้หล่อนได้แต่งงานกับกับกันต์ธัสเท่านั้น และหากว่าหล่อนได้ทั้งสองอย่าง ชีวิตของหล่อนก็เหมือนเจ้าหญิงที่สามารถชี้นกเป็นนกชี้ไม้เป็นไม้ แต่นี่ทุกอย่างต้องพังทลายลงเพราะหนึ่งธิดา
“คุณย่ายกหนึ่งธิดาให้คุณธัสหรือคะ ได้ยังไง!?”
ปิ่นประดับดูเหมือนจะไม่ใส่ใจความรู้สึกของภัสรดานัก ท่านหันไปมองหน้าทองสุกที่หายไปพร้อมกับสาวใช้สองคน ไม่นานนักก็ลงมาพร้อมกับหนึ่งธิดา มีสาวใช้คนหนึ่งหิ้วกระเป๋าสัมภาระของเธอตามมา
“ย่ายกให้คุณแล้วนะคะ สุดแล้วแต่ว่าคุณจะจัดการอย่างไร ย่าให้สิทธิ์ขาดคุณเต็มที่”
ปิ่นประดับมองหน้ากันต์ธัส
“ครับ”
เขารับปากก่อนจะก้าวเข้าไปหาหนึ่งธิดา แต่ภัสรดารีบก้าวไปขวาง
“ไม่ได้นะคะ คุณจะแต่งงานกับหนึ่งธิดาไม่ได้อย่างเด็ดขาด”
ภัสรดาพูดโพล่งออกไป ทำให้หนึ่งธิดาเบิกตากว้าง
“อะไรนะ แต่งงาน! ใครแต่งกับใคร”
หนึ่งธิดาเอ่ยถามภัสรดาพร้อมกับมองหน้าทุกคนแล้วหยุดที่กันต์ธัส แต่เธอก็ไม่ได้คำตอบเมื่อฝ่ามือใหญ่สะอาดของกันต์ธัสยื่นมารวบข้อมือเรียวของเธอพร้อมบีบกระชับไว้แน่นแล้วรั้งให้เธอก้าวตามทั้งที่เธอพยายาม จะยื้อยุดไว้ รวมทั้งภัสรดาที่พยายามวิ่งตามออกไปหมายจะขัดขวาง
แต่กันต์ธัสก็เหวี่ยงร่างของหนึ่งธิดาเข้ารถก่อนจะตามเข้าไปนั่งเบียดประชิด ทันทีที่เขาปิดประตูคนขับก็เคลื่อนรถออกไปด้วยความเร็วสูง
“คุณธัสคะ คุณธัส คุณธัส..!”
ภัสรดาพยายามวิ่งตามทุบกระจกรถแต่ไม่เป็นผลเมื่อรถแล่นผ่านประตูออกไป หล่อนได้แต่ร้องเรียกจนสุดเสียง จากนั้นก็วิ่งกลับเข้ามาด้านในมองตรงไปหาปิ่นประดับ
“ภัส ภัสใจเย็นลูก”
ธามธรณ์พยายามจะเหนี่ยวรั้งลูกสาวไว้ แต่ภัสรดากลับไม่สนใจพ่อ หล่อนตรงไปหยุดเผชิญหน้ากับปิ่นประดับ
“ทำไม ทำแบบนี้คะคุณย่า คุณย่าก็ทราบว่าภัสคิดยังไงกับคุณกันต์ธัสเราคบหากันอยู่ไม่ใช่หรือคะ ทำไมคะ ทำไมกลับกลายเป็นยัยเด็กเหลือขอคนนั้น หรือว่าที่คุณย่าแกล้งทำเกลียดชัง เป็นแค่ฉากบังหน้า”
ธามธรณ์พยายามจะรั้งร่างของลูกสาวให้ถอยห่างออกมาจากแม่
“ภัสใจเย็นลูก ฟังคุณย่าก่อน”
ธามธรณ์พยายามปลอบใจแต่ภัสรดากลับไม่ฟังอะไรทั้งนั้น
“ที่แท้ คุณย่ารักมันต้องการมอบสิ่งดี ๆ ให้มัน แล้วภัสล่ะ ภัสเป็นกาฝากหรือไง ทำไมทำกับภัสแบบนี้”
“เขาไม่เคยบอกย่าสักคำว่าเขาชอบพอเธอ พ่อธัสเขาไม่เคยบอกย่าสักคำว่าเขาคบหากกับเธออยู่นะแม่ภัส เราเป็นหญิงจะไปตุกติกได้ยังไง”
ปิ่นประดับพยายามอธิบาย
“แล้วเขาบอกคุณย่าหรือคะว่าเขาชอบนังเด็กนั่น”
ปิ่นประดับเม้มปากแน่น
“เขาบอกคุณย่าหรือคะว่าเขาชอบมัน”
“ใช่ เขาบอกย่า เขาหลงรักหนึ่งธิดามานานแล้ว”
ปิ่นประดับพูดโพล่งออกไป ทำให้ภัสรดาถึงกับเข่าอ่อน ร่างบางทรุดฮวบลงแทบพื้นจนธามธรณ์ต้องเข้ามาพยุง
“ภัสลูก ภัส”
ธามธรณ์ร้องเรียกหล่อนแล้วกอดร่างบางที่สะอื้นไห้จนตัวโยนนั้นไว้ ปิ่นประดับก็ต้องเมินหน้าหลบเพราะไม่อยากเห็นภาพนั้น ทำไมหล่อนจะไม่รู้ว่าภัสรดาคิดยังไงกับกันต์ธัส แต่ด้วยสายตาของคนที่ ผ่านโลกมามาก หล่อนรู้ดีว่าเขาไม่ได้คิดอะไรกับภัสรดาเลย
“ไม่จริง ไม่จริง ไม่จริง..”
ภัสรดาร้องกรี๊ดออกมาก่อนจะลุกวิ่งออกไปจากบ้านขับรถออกไป แต่ธามธรณ์รีบบอกให้คนปิดประตูแล้ววิ่งไปหาลูก ซึ่งภัสรดายังขังตนเองอยู่ในรถแล้วร้องไห้ฟูมฟายราวกับใจจะขาด
“คุณแม่ครับ”
ธามธรณ์กับมาหาปิ่นประดับเมื่อภัสรดาสงบลงบ้างแล้วแต่ยังอยู่ในรถ เขากำชับคนงานห้ามเปิดประตูเป็นอันขาด
“แม่ขอโทษนะลูก ใช่ว่าแม่ไม่รู้ว่าหลานรู้สึกยังไงกับเขา แต่พ่อก็ดูออกไม่ใช่หรือว่าเขาไม่ได้คิดอะไรกับแม่ภัสเลย”
ธามธรณ์ขบกรามแน่น
“คุณธัสชอบหนูหนึ่งจริงหรือครับ”
ธามธรณ์ตัดสินใจถาม ทำให้ปิ่นประดับนิ่ง หล่อนจะบอกได้ยังไงว่าเขาก็ไม่ได้บอกว่าชอบเหมือนกัน เพียงแค่หล่อนหวังว่าเขาจะช่วยดัดสันดานหลานสาวที่หล่อนไม่สามารถอบรมเลี้ยงดูให้ดีได้มากไปกว่านี้
“ผู้ชายคนนั้นเป็นคนที่น่าเสียดายหากให้เขาตกไปเป็นคนในครอบครัวของคนอื่น แม่ก็อยากจะเสี่ยงให้เขาได้อยู่ในครอบครัวของเราเหมือนกัน เขาไม่ได้ชอบแม่ภัส แต่สำหรับหนึ่งธิดา..”
ปิ่นประดับทิ้งท้ายคำพูดไว้เพียงเท่านั้นแล้วไม่คิดจะพูดอะไรอีก ซึ่งก็ทำให้ธามธรณ์คิดไปต่าง ๆ นา ๆ แต่ท้ายที่สุดยามนี้เขารู้สึกสงสารภัสรดาจับใจ ความเจ็บปวดและผิดหวังครั้งนี้คงทำให้หล่อนชิงชังหมางเมินต่อปิ่นประดับไปอีกนาน และคงมีการตอบโต้ประท้วงหลาย ๆ สิ่งหลาย ๆ อย่างตามนิสัยของหล่อนอีกทั้งชาตินี้คงไม่อาจจะญาติดีกับหนึ่งธิดาได้แน่
ภัสรดาออกจากรถเดินมายังห้องนอนของหนึ่งธิดา หล่อนฉีกทำลายข้าวของที่หนึ่งธิดาเคยใช้จนย่อยยับ ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้า เตียง โต๊ะหนังสือ สมุดหรืออะไรก็แล้วแต่ที่อยู่ในห้องนั้นมันถูกทำลายจนย่อยยับไม่มีชิ้นดี
ภัสรดาไม่สนใจภาพลักษณ์เป็นสาวสวยเรียบร้อยและคล่องแคล่วเป็นกุลสตรีในสายตาของย่าอีกต่อไป หล่อนแปลงร่างเป็นนางมารร้ายในชั่วพริบตา
“หนึ่งธิดา แกกับฉันคงไม่มีวีนอยู่ร่วมโลกกันอย่างสงบ หากไม่มีแกสักคน ฉันคงไม่ต้องเหน็ดเหนื่อยขนาดนี้”
ภัสรดากำมือแน่นเมื่อนึกถึงเรื่องราวแต่เล็ก หล่อนพยายามที่จะเป็นที่หนึ่งในสายตาของปิ่นประดับเพื่อจะเป็นที่รักให้มากกว่าหนึ่งธิดาแม้ว่าหล่อนจะต้องพยายามจนเหน็ดเหนื่อยเพื่อสร้างภาพให้ดูดีแม้ว่ามันจะตรงข้ามกับตัวตนของหล่อน หวังเพียงอย่างเดียวว่าจะต้องเป็นที่รักที่พอใจของย่า
