บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 10 วิวาห์งานเลี้ยง

เสียงร้องทักนั้นทำให้กันต์ธัสที่ยืนกอดอกมองดูดรณีสาวที่ยังหลับสนิทเบียดที่นั่งของเขาจนต้องนั่งชิดประตูมาหลายชั่วโมง ต้องหันไปมองแล้วก็ยิ้มกว้างพร้อมกับอ้าแขนออกกอดร่างนุ่มนิ่งของหญิงสูงวัยไว้แน่น

“พอ ๆ นมหายใจไม่ออก”

สัญจิตาร้องบอกเขาเมื่อเขายอมคลายอ้อมแขนออก

“นี่หรือคะที่บอกนมไว้”

เขาพยักหน้าแทนคำตอบ

“ห้องเรียบร้อยไหมครับ”

“นมให้นุ้ยเป็นธุระจัดการแล้ว”

“ผมขออย่างน้อยสักสามคนในการดูแลเธอ”

สัญจิตาย่นคิ้ว

“ฤทธิ์มากถึงขนาดนั้นเลยหรือคะ”

กันต์ธัสอมยิ้มก่อนจะเปิดประตูรถแล้วปิดเต็มแรง จนรถสะท้านไปทั้งคัน เป็นเหตุให้คนที่ยังนอนหลับอุตุต้องผวาลุกขึ้นด้วยความตื่นตกใจ

หนึ่งธิดาสะดุ้งสุดตัว เธอลุกนั่งแล้วรู้สึกตกใจอย่างมากที่เธอมานอนหลับอยู่บนเบาะรถราคาแพง เพราะจำได้ว่าเธอหนีขึ้นไปหลบอยู่บนรถบรรทุก ครื้นเมื่อมองผ่านกระจกรถออกไป เห็นกันต์ธัสยืนกอดอกมองเข้ามาก็ทำให้เธอยิ่งใจหาย

“ฉันไม่ใช่ผีหรือวิญญาณหรอกนะ ฉันนายกันต์ธัส ตัวเป็น ๆ ออกมาเถอะ”

เขาพูดจบก็เปิดประตูรถทางปลายเท้าของเธอ แต่หนึ่งธิดายังนิ่งเงียบ ทำให้กันต์ธัสก้าวไปใกล้พร้อมกับชะโงกหน้าเขาหาเธอ

“หรืออยากจะใช้เบาะรถนี่เป็นเรือนหอของเราดีล่ะ ก็ได้นะ ฉันพร้อมเสมอ”

เขาพูดพร้อมกับปลดกระดุมเสื้อ ทำให้หนึ่งธิดารีบพุ่งตัวสวนร่างของเขาออกมายืนด้านนอก และก็ได้เห็นสัญจิตายืนอยู่ไม่ห่างนัก เธอคิดว่าคนที่จะสามารถช่วยเหลือหรือเป็นเกราะคุ้มภัยให้เธอได้ดีที่สุดในเวลานี้ก็เห็นจะเป็นหญิงสูงวัยที่มีใบหน้าสงบแสดงถึงจิตใจที่เยือกเย็นคนนี้เท่านั้น เธอจึงรีบไปยืนหลบทางด้านหลังของหล่อนทันที

“ฝากด้วยนะครับนม”

“นายหัวจะไปไหนหรือคะ”

เขาบอกกับสัญจิตาแล้วทำท่าจะหันหลังจากไปแต่สัญจิตาก็รีบร้องถามเพราะเขายังไม่ได้พักเลย

“จะไปดูที่โรงกลั่นสักหน่อยครับ เดี๋ยวบ่าย ๆ ยัยพากับนายสรคงถึงครับ”

เขาพูดจบก็เตรียมเดินไป แต่เหมือนนึกอะไรได้จึงเดินย้อนกลับมาแล้วก้าวไปหยุดใกล้ ๆ หนึ่งธิดาที่ยังหลบอยู่ทางด้านหลังของสัญจิตา

“ตราบใดที่ฉันยังไม่ได้แต่งงานกับเธอ อย่าคิดหนีนะ ถ้าหนี คนบ้านป่าเมืองเถื่อนที่เป็นชายล้วนนับร้อยในบริเวณนี้ มีหวังได้เรียงคิวเธอสมใจแน่เพราะยังไม่มีใครรู้จักเธอ อาจจะคิดว่าเป็นนารีผลหลงป่ามาก็ได้”

กันต์ธัสพูดจบก็หันหลัง แต่หนึ่งธิดารีบก้าวไปหยุดขวางหน้าเขาแล้วเงยหน้ามองเขาคอตั้งบ่า ด้วยความสูงใหญ่ของเขาที่ห่างเธอมาก ทำให้คนที่มองมาทางด้านหลังของเขาอาจไม่เห็นเธอ

“ใครบอกว่าฉันจะแต่งงานกับคุณ ฉันไม่แต่งหรอกไม่มีวัน”

กันต์ธัสคลี่ยิ้มออกมาอย่างน่ามอง แต่อนิจจารอยยิ้มของเขาเมื่อมันเบ่งบานออกมา ในสายตาของเธอ มันช่างเป็นรอยยิ้มที่สวยอย่างน่าประทับใจ แต่เพียงแวบเดียวที่เธอได้มีโอกาสเห็น ใบหน้าเหี้ยมเกรียมนั้นก็กลับมาอีกครั้ง

“ก็คิดซะว่าฉันรักเธอมากไง ถึงได้แต่งงานกับเธอ นี่ฉันเสียสละนะรู้ไหม ถ้าไม่รักเธอมาก ฉันไม่มีวันยอมแต่งงานหรอก”

หนึ่งธิดาแสยะยิ้มอย่างเย้ยหยัน

“แสดงว่าที่คุณไปบ้านฉันเพราะคุณแอบรักฉันใช่ไหม”

“ใช่ ฉันน่ะหลงรักเธอ เด็กสาวเหลวแหลกใจแตก ไร้ค่าอย่างเธอ ฉันคงบ้าไปแล้วที่หลงรักเธอจนไม่อาจจะยอมเสียเธอให้ไอ้พังก์นั่นมันแตะต้องครอบครองเธอได้อีก ฉันก็เลยฉกเธอมาแบบง่าย ๆ ฟรี ๆ”

กันต์ธัสพูดกลั้วหัวเราะ ทำให้หนึ่งธิดากำมือแน่น พลางขยับปากหมายจะด่ากราดเขา

“ของฟรี”

เขาย้ำก่อนจะกวาดสายตาชโลมลูบไล้ไปทั่วสรรพางกายงามของเธอที่รีบหันข้างให้เขาแล้วยกมือกอดอกไว้แน่น

“นมครับ เดี๋ยวผมมานะครับ”

“ค่ะ”

สัญจิตาตอบรับพลางทอดถอนใจออกมาเสียยืดยาวก่อนจะมองสำรวจดูหนึ่งธิดาอย่างพิจารณา

“ไปค่ะคุณ”

หล่อนร้องบอกก่อนจะหันหลังเดินนำเข้าไปยังบ้านไม้โบราณทรงไทยประยุกต์หลังใหญ่ที่มีเสาร์กว่าหนึ่งร้อยต้น เป็นเรือนไทยใต้ถุนสูง ด้านล่างเป็นที่โถงโล่งสำหรับรับแขกและนั่งรับลมผ่อนคลาย ด้านบนก็แบ่งเป็นห้องต่าง ๆ ปลูกเป็นมุกซ้อนลดหลั่นกันอย่างสวยงามโชว์รูปทรงของหลังคาสูงสามเหลี่ยมตามแนวคิดของคนโบราณที่จะไม่ค้านแสงตะวันและก็จะทำให้ไม่ร้อน

อีกทั้งเป็นเรือนไม้ที่มีหน้าต่างมากมาย ล้อมรอบด้วยต้นไม้ใหญ่ที่มีอายุพอ ๆ กับเรือนหลังนี้ที่ปลูกสร้างมาเกือบร้อยปี เนื่องจากเป็นมรดกเก่าแก่ที่ตกทอดมาหลายรุ่นและยังมีการทำนุบำรุงให้ดูดีอยู่สม่ำเสมอ เรือนหลังนี้จึงดูใหม่และมีค่าเพราะสร้างด้วยไม้เนื้อแข็งที่ปลวกไม่กล้ากล้ำกราย ความร่มรื่นของต้นไม้ใหญ่และดอกไม้ไทยพื้นบ้านส่งกลิ่นหอมทั้งช่วงเช้าสายบ่ายเย็นค่ำ ประกอบกับการปลูกสร้างดูทิศทางลมที่ดีทำให้ลมพัดผ่านได้ตลอดวัน โดยไม่จำเป็นต้องใช้เครื่องปรับอากาศ

หนึ่งธิดาเดินตามสัญจิตาขึ้นมายังด้านบน เธอมองสำรวจไปรอบตัวด้วยความอึ้งทึ่ง บ้านที่เธออยู่มาตั้งแต่จำความได้นั้นเป็นตึกทรงยุโรปที่มีเฟอร์นิเจอร์ที่ทันสมัย แต่ที่นี่ทุกอย่างทำจากไม้ จึงดูมีพลังดูขรึมอย่างน่าพิศวงและเป็นมนต์เสน่ห์ที่ทำให้เธอเผลอเดินมองไปรอบตัวจนกระทั่งไปหยุดยืนที่หน้าภาพเขียนสีน้ำมันขนาดเท่าตัวเป็นภาพชายหญิงแต่งกายแบบคนพื้นเมืองของภาคใต้เครื่องหน้าดูคมคายดุดัน แต่มีมีรอยยิ้มที่บ่งบอกถึงความใจดีมีเมตตา

“นุ้ยยกกระเป๋าเสื้อผ้าของคุณไปไว้ที่ห้องให้แล้ว เชิญพักผ่อนตามสบายนะคะ เดี๋ยวจะให้นุ้ยยกสำรับอาหารไปให้”

สัญจิตาพูดพร้อมกับมองหน้าเธอที่ยังคงตื่นตะลึงอยู่กับความสวยงามของบ้านหลังใหญ่ และเธอกำลังคิดว่าถ้าเธอจะใช้เวลาเดินสำรวจกว่าจะรอบบ้านนี้คงใช้เวลากว่าสองชั่วโมงเป็นแน่

“พักผ่อนตามสบายนะคะคุณ”

“เดี๋ยวค่ะ”

หนึ่งธิดาเรียกสัญจิตาไว้ก่อนจะเดินมาหาแล้วหยุดมองหน้าหล่อนตรง ๆ

“ฉันอยากไปจากที่นี่ค่ะ ฉันไม่อยากแต่งงานกับเขา ให้ฉันไปจากที่นี่เถอะนะคะ ช่วยฉันด้วย”

หนึ่งธิดาพูดพลางวางมือคลำกระเป๋ากางเกงของตนเอง เธอไม่มีทั้งเงินและโทรศัพท์ ไม่มีอะไรเลยนอกจากเสื้อผ้าไม่กี่ชุดที่ไฉไลหยิบใส่กระเป๋ามาให้อย่างรวก ๆ

“แต่ฉันไม่มีเงินเลย ไม่มีอะไรเลย ถ้าจะกรุณา ให้ฉันยืมเงินหน่อยได้ไหมคะ ฉันจะหางานทำแล้วเอาเงินมาคืนภายหลัง แต่ว่า”

เหมือนเธอจะนึกได้ว่า เธอมีเพื่อนที่ภาคใต้

“ฉันอาจจะหาเพื่อนฉันพบ เมื่อนั้นฉันจะนำเงินมาคืนให้นะคะ”

สัญจิตาส่ายหน้าไปมา

“คุณหนึ่งธิดา คุณอายุเท่าไหร่คะ”

“ยี่สิบค่ะ”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel