ตอนที่ 7
ปิ่นประดับพยักหน้ารับพลางถอนใจยาว
“ย่าจะตามไป”
“ไม่ต้องหรอกครับ ให้เป็นหน้าที่ของผมเองดีกว่า คุณย่ายกให้เป็นหน้าที่ของผมนับตั้งแต่วันนั้นเลยก็แล้วกันนะครับ หากไม่มีอะไรเหนือบ่ากว่าแรง ผมจะไม่รบกวน จนกว่าจะถึงเวลาที่ดีที่สุด ถ้าผมสามารถทำได้ ผมจะส่งมอบสิ่งล้ำค่ากลับคืนคุณย่า”
ปิ่นประดับพยักหน้าพร้อมกับบีบกระชับมือใหญ่ที่สะอาดและแข็งแรงของเขา ก่อนจะตบเบา ๆ
เมื่อหนึ่งธิดาออกมาจากห้องพักของปิ่นประดับก็ยังมีความคุกรุ่นในหัวด้วยคำพูดแลกระแสสายตาของกันต์ธัส เธอตรงไปที่รถของเขาแล้วเดินวนไปรอบ ๆ มองดูรถราคาเกือบสิบล้านกันหรูนั้นก่อนจะหยิบคัตเตอร์ที่สอดอยู่ในกระเป๋ากางเกงออกมา แล้วก็ปีกปลายมีดลงยังตัวถังรถ ก่อนจะเดินไปรอบคันอีกครั้ง โดยทิ้งรอยกรีดนั้นฝากไว้
ก่อนจะเหลียวมองไปรอบตัวแล้วใช้ปลายมีดสลักตัวหนังสือที่ฝากกระโปรงรถว่า “ไอ้บ้านนอก ถ่อยสถุล ไร้สกุล” จากนั้นเธอก็รีบหายกลับเข้าไปในห้องแล้วแอบมองผ่านม่านหน้าต่างลงมา หมายจะดูให้เห็นกับตาว่าเมื่อเขามาที่รถแล้วได้เห็นแบบนั้นเขาจะแสดงท่าทีอย่างไร
แต่ว่าเธอก็ต้องผิดหวัง เพราะไม่ว่าจะรอนานสักเท่าไรก็ยังไม่มีวี่แววของกันต์ธัสจะลงไปที่รถสักที ครั้นพอเธอหันหลับกลับมาหมายจะไปอาบน้ำ ก็แว่วได้ยินเสียงรถแล่นออกไป เมื่อเธอรีบวิ่งไปที่หน้าต่างก็เห็นเพียงด้านหลังของรถที่จากไป
แต่จริง ๆ แล้วกันต์ธัสเห็นรอยและอักษรแล้วเขาก็โกรธมากเหมือนกันและรู้ว่าจะเป็นใครไปไม่ได้ที่ทำแบบนี้ครั้นจะโวยวายหรือขึ้นไปจับเธอมาตีก้นก็ใช่ ทางเดียวที่ทำได้ก็คือแกล้งโง่มองไม่เห็นไปซะ
“บ้าชะมัดเลย หรือมันจะโง่จนไม่ทันสังเกต..”
เธอหัวเราะในใจ
“เดี๋ยวเถอะ แค่ได้เห็นเท่านั้น แกคงปี๊ดแตก”
หนึ่งธิดากระหยิ่มในใจก่อนจะอาบน้ำแต่งตัวใหม่แล้วหมายจะออกไปข้างนอกเพราะได้รับสายจากเสกข์ว่าจะมาหา แต่เธอก็ต้องผิดหวังเมื่อปิ่นประดับนั่งดักอยู่ด้านล่างและเรียกให้เธอไปนั่งอยู่ใกล้ ๆ
“นี่เป็นบทสวดมนต์และหนังสือพุทธวจน อ่านซะสิ จิตใจจะได้สงบ”
ปิ่นประดับเลื่อนหนังสือไปตรงหน้าของหนึ่งธิดา พลางมองหน้าเธอ
“กว่าแกจะเรียนจบมัธยมปลาย ฉันต้องเหน็ดเหนื่อยมามาก รวมทั้งลุงของแกด้วยที่ต้องคอยตามแกกลับบ้าน หยุดสร้างปัญหาได้แล้วนะ ปีนี่แกก็อายุยี่สิบแล้ว”
หนึ่งธิดายังคงนั่งก้มหน้านิ่ง แต่แล้วสัญญาณโทรศัพท์ก็ดังขึ้น เธอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาพลางมองหน้าปิ่นประดับเชิงขออนุญาตรับสาย แต่ปิ่นประดับก็แบมือขอโทรศัพท์
“คุณย่าคะ..”
“เอามาให้ฉัน”
หนึ่งธิดาอยากจะขัดเหลือเกินแต่ไม่สามารถทำได้เมื่อปิ่นประดับยื่นมือมาหยิบไป แล้วกดรับสาย
“หนึ่งจ๋า ผมมาถึงประตูเล็กแล้วนะ ออกมาได้แล้วนะจ๊ะคนดี”
ปิ่นประดับกำมือแน่นเมื่อได้ยินคำพูดของเสกข์
“กลับไปซะและอย่ามายุ่งกลับหนึ่งธิดาอีก”
ปิ่นประดับกรอกเสียงลงไปทำให้เสกข์ชะงักงันไปชั่วครู่ก่อนจะปรับเสียง
“สวัสดีครับคุณย่า ผมเสกข์ครับ ผม..”
“หยุดติดต่อหนึ่งธิดา เพราะเธอกำลังจะแต่งงาน เธอมีคู่หมั้นแล้ว”
ไม่เพียงแต่เสกข์ที่นิ่งงันด้วยความตกใจแม้แต่หนึ่งธิดาเองที่ได้ยินอย่างนั้นก็ทำให้เธอต้องอ้าปากค้างมองหน้าย่านิ่ง
“คุณย่าคะ!”
ปิ่นประดับมองหน้าเธอพร้อมกับส่งโทรศัพท์ให้ทองสุก หญิงวัยห้าสิบปีที่คอยดูแลรับใช้ใกล้ชิดตนเองมานาน
“เห็นทีว่าฉันคงปล่อยให้แกอยู่อย่างนี้ไม่ได้อีกแล้ว ไม่วายคงต้องหนีไปหามัน ไอ้กุ๊ยข้างถนนนั่น”
ปิ่นประดับพูดจบก็เตรียมจะขอโทรศัพท์คุยกับกันต์ธัส แต่ทุกอย่างก็ต้องหยุดเมื่อจู่ ๆ ก็ได้ยินเสียงรถมอเตอร์ไซด์คันใหญ่หลายคันเบิ้ลเครื่องอยู่หน้าบ้าน
“นั่นเสียงอะไร ใครมา”
ปิ่นประดับร้องถาม แต่หนึ่งธิดารีบลุกขึ้นยืนแล้วเตรียมวิ่งออกไปเพราะรู้ว่าใครมา แต่ปิ่นประดับก็ร้องให้คนจับเธอไว้อย่างทันท่วงที
“ปล่อยหนึ่งนะคะคุณย่า หนึ่งไม่ยอมแต่งงานกับใครทั้งนั้น ถ้าคุณย่าเกลียดหนึ่งก็ปล่อยหนึ่งไปสิคะ อย่าบังคับหนึ่ง หนึ่งจะไม่ยอมอีกแล้ว”
หนึ่งธิดาร้องตะโกน
“จับมันไปขังไว้แล้วเอาเชือกมัดไว้ให้แน่น”
“คุณท่านคะ!”
ทองสุก เรียกปิ่นประดับด้วยความตกใจ
“แค่ขังไว้ มันคงต้องหนีไปอีก เพราะฉะนั้นต้องล่ามมันหรือมัดมันให้แน่น”
ปิ่นประดับพูดจบก็หันมองไปที่หน้าบ้าน
“โทรศัพท์แจ้งตำรวจให้มาไล่พวกมันไปเดี๋ยวนี้”
ไฉไลรีบโทแจ้งตำรวจตามคำสั่ง แต่เสกข์ก็บีบแตรและพยายามร้องเพื่อจะเข้ามาด้านใน
“คุณย่าครับ ผมขอคุยกับหนึ่งหน่อยครับ เรื่องอะไรมาทำแบบนี้ หมดสมัยคลุมถุงชนแล้วนะครับ หากคุณย่าไม่ชอบเธอ ส่งเธอให้ผมสิครับ ผมจะเลี้ยงดูเธอเอง”
เสกข์ร้องตะโกนและพยายามจะหาทางเข้าก็พอดีกับรถตำรวจแล่นมาถึงแล้วจับพวกเขาไปยังโรงพัก เดือดร้อนให้นายเหมืองหิริ ชายวัยห้าสิบเศษ เจ้าของเหมืองแร่ยิปซั่ม พ่อบุญธรรมของเสกข์ต้องส่งคนมาประกันตัวออก แต่เหตุการณ์ครั้งนั้นก็ทำให้เสกข์ถูกทำโทษด้วยการยืดรถ ยืดบัตร ยืดโทรศัพท์และเครื่องมือสื่อสารทุกชนิด ไม่ให้เงิน และกักบริเวณเขา ทำให้เสกข์เหมือนคนเป็นไข้หนักที่ไม่สามารถทำอะไรได้มีเพียงแต่ความคิดถึงที่ส่งไปให้หนึ่งธิดา ซึ่งเธอเองก็พยายามหาทางหนีเช่นกัน
กันต์ธัสไม่ได้ไปที่บ้านของปิ่นประดับอีกเลยนับตั้งแต่เช้าวันนั้นจนกระทั่งวันนี้ หลังจากที่ผ่านไปเกือบอาทิตย์ เมื่อเขาปรากฏตัวขึ้นก็ทำให้ภัสรดาดีใจมาก เพราะหล่อนพยายามติดต่อเขาแต่ไม่สามารถติดต่อได้เลย
“คุณธัสขา หายไปไหนมาคะ ภัสพยายามติดต่อคุณแต่ติดต่อไม่ได้เลย”
ภัสรดาสยายยิ้มอย่างแสนหวานก่อนจะทำหน้าเศร้าชม้ายชายตาเชิงตัดพ้อ เมื่อสอดมือมาคล้องแขนเขาไว้
“ผมไปติดต่อเรื่องการส่งออกน้ำยางที่ต่างประเทศมากครับ พอเสร็จธุระก็รีบมาที่นี่เลย”
เขาหันไปมองหน้าหล่อน
“ก็ส่งมาให้ภัสเยอะ ๆ สิคะจะไม่ต้องส่งออกนอก”
กันต์ธัสฟังแล้วก็ยิ้ม ก่อนจะยกมือบีบปลายจมูกของหล่อนเบา ๆ อย่างนึกเอ็นดู
“เพิ่มยอดขายก่อนเถอะนะ แล้วผมจะส่งน้ำยางเพิ่มให้”
เมื่อเขาพูดจบก็ทักทายธามธรณ์ที่เดินลงมาจากด้านบน
“มาแล้วหรือพ่อธัส”
แต่ภัสรดาก็ยังไม่ได้เอื้อนเอ่ยอะไรต่อเมื่อปิ่นประดับร้องทักกันต์ธัสที่รีบกระพุ่มมือไหว้แล้วตรงเข้าไปหาท่าน
