ตอนที่ 6 รอยยับของหัวใจ
“คุณย่าขา หนึ่งกลับมาแล้วค่ะ”
หนึ่งธิดารวบมือของย่าไว้พลางจะร้องไห้ตาม
“พชร..ลูกชายของแม่”
แต่ชื่อของพ่อ ที่ย่าเรียกนั้นทำให้หัวใจของเธอสั่นไหว
“แม่ขอโทษนะ ที่เลี้ยงหลานไม่ได้ดี แม่เลี้ยงลูกของพชรให้เป็นคนเลว แม่ขอโทษเพราะว่าแม่..”
ปิ่นประดับพูดแล้วก็นึก เมื่อนั้นใบหน้าของหนึ่งธิดาเปลี่ยนไป กลับกลายเป็นใบหน้าของวีรภัทรา และเมื่อนั้นปิ่นประดับก็มีทีท่าเปลี่ยนไปด้วยเหมือนกัน จากที่กุมมือเรียวของเธอไว้ เป็นผลักไสจนร่างบางถลาล้มลงแทบพื้น เป็นเวลาเดียวกับที่ภัสรดาเดินเข้าไป
“นังสารเลว ไปนะ แกพรากชีวิตลูกฉันไป แกมันเลว แกมันไร้ค่า นังคนสถุลไร้สกุลไม่มีหัวนอนปลายเท้า ไปนะ อย่ามาให้ฉันเห็นหน้า วีรภัทรา ชื่อของแกมันเป็นเสนียดจัญไรสำหรับฉัน ลูกของแก หนึ่งธิดา ฉันจะเกลียดมัน ฉันจะเลี้ยงมันให้เลวที่สุด..”
เมื่อปิ่นประดับพูดจบก็ยันกายลุกนั่งยกมือชี้หน้าหนึ่งธิดาที่เงยหน้าขึ้นมองหน้าท่านด้วยสายตาที่ไหวระริก ต่างจากภัสรดาที่คลี่ยิ้มอย่างสะใจ
“คุณย่าขา”
แต่ก่อนที่ปิ่นประดับจะพูดอะไรต่อ ภาพของทั้งพชรและวีรภัทราก็หายไป เมื่อภัสรดาเข้าไปใกล้แล้วกอดท่านไว้
“แม่ภัสหรือลูก”
ปิ่นประดับเอ่ยถาม เมื่อเริ่มได้สติ แล้วก็มองเห็นหนึ่งธิดาที่เตรียมจะออกไปด้านนอก
“ยัยหนึ่ง”
เมื่อย่าเรียกก็ทำให้หนึ่งธิดาจำต้องหยุดแล้วหันไปยืนก้มหน้านิ่ง
“งามหน้านักนะ เสียแรงที่ฉันอุตส่าห์เลี้ยงดูแกมาอย่างดี ทำงามหน้านักนะ สายเลือดแม่แกคงจะแรงมากสินะ”
“ค่ะคุณย่า เพราะหนึ่งมีสายเลือดของแม่อยู่ครึ่งหนึ่ง อีกครึ่งเป็นของคุณพ่อ คุณย่าก็เลยทั้งรักทั้งเกลียดหนึ่งใช่ไหม คุณย่าดีใจที่หนึ่งเลวสมใจเพราะคุณย่าเกลียดแม่ของหนึ่ง และคุณย่าเสียใจที่หนึ่งไม่ได้ดีอย่างที่ใจนึกเพราะหนึ่งมีสายเลือดของคุณพ่อ..ใช่ไหมคะ”
“แก..”
ปิ่นประดับกำมือแน่นเมื่อหลานสาวที่ตนพยายามเก็บซ่อนความรักเอาไว้ได้พูดจาออกมาตรงกับใจของตน
“แต่หนึ่งคงดีไม่ได้หรอกค่ะ เพราะถ้าหนึ่งดีกว่าคนที่นี่ หนึ่งคงไม่สามารถอยู่ที่นี่ได้อย่างสงบ ดังนั้นหนึ่งต้องเลวให้มาก ๆ เพื่อที่คนในบ้านนี้จะได้สบายใจว่าไม่มีคู่แข่ง..จริงไหมคะคุณภัสรดา”
ภัสรดาเม้มปากแน่นเมืองมองสบตาของหนึ่งธิดา ก่อนจะยิ้มให้ปิ่นประดับ
“คุณย่าขา เป็นอย่างไรบ้างคะ ลุกไหวไหม ตอนนี้คุณธัสมารอพบอยู่ด้านล่างแล้วนะคะ”
เมื่อได้ยินว่าใครมาก็ทำให้ปิ่นประดับมีอาการดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
“ให้เขาขึ้นมาหาย่าที่นี่เลย”
“ได้ค่ะ แต่คุณย่าต้องทานอาหาร ทานยาก่อนนะคะ”
ภัสรดายื่นเงื่อนไขพร้อมกับหันไปมองหน้าไฉไลที่เดินนำสาวใช้ที่ยกสำรับอาหารพร้อมยาเข้ามา
“เอามาสิ ย่าจะกิน”
ปิ่นประดับพยักหน้ารับ ทำให้หนึ่งธิดาเตรียมออกไป
“แกอยู่ก่อนยัยหนึ่ง”
เมื่อเป็นคำสั่งก็ทำให้หนึ่งธิดาจำต้องยืนอยู่ที่นั่นโดยหลบไปอีกทางทำให้ภัสรดาหยิบจับดูแลปิ่นประดับซึ่งปิ่นประดับก็ดูเหมือนจะพึงพอใจกับการดูแลเอาใจใส่ของภัสรดามาก
“ให้พ่อธัสขึ้นมา”
ปิ่นประดับบอกไฉไลเมื่อทานยาเรียบร้อย
“แม่ภัสไม่ไปทำงานหรือลูกวันนี้..”
ภัสรดาทำท่าอึกอักเพราะใจอยากจะอยู่ อยากจะคุยกับกันต์ธัส
“ไปเถอะนะ แม่เป็นความหวังของย่า เป็นความหวังของครอบครัว เพราะแม่จะต้องดูแลทุกอย่างของเราต่อไปในภายหน้า”
เมื่อได้ยินปิ่นประดับพูดอย่างนั้นก็ทำให้ภัสรดายิ้มกว้างด้วยความกระหยิ่มใจเพราะมั่นใจว่าทรัพย์สมบัติทั้งหมดของตระกูลจะต้องตกเป็นของตนเองแต่เพียงผู้เดียว ยิ่งปิ่นประดับพูดอย่างนี้ก็ทำให้ตนยิ่งมั่นใจ
“ค่ะคุณย่า หายเร็ว ๆ นะคะ เลิกงานแล้วภัสจะรีบกลับ”
ปิ่นประดับพยักหน้ารับพลางยิ้มส่งให้ ภัสรดาก็เดินผ่านร่างของหนึ่งธิดาออกไปด้วยความกระหยิ่มใจ แต่เมื่อคล้อยหลังภัสรดา กันต์ธัสก็เข้ามา แต่เมื่อหนึ่งธิดาได้เห็นหน้าเขา เธอก็เกิดความไม่พอใจขึ้นมาอย่างฉับพลัน จึงขว้างค้อนให้เขาเสียวงใหญ่ก่อนจะเชิดหน้าขึ้นแล้วเมินไปทางอื่น
“ไหว้พระเถอะพ่อ”
เมื่อกันต์ธัสยกมือไหว้ปิ่นประดับแล้วเขาก็นั่งลงยังเก้าอี้นวมไม่มีพนัก
“ไหว้คุณธัสสิยัยหนึ่ง”
ปิ่นประดับร้องบอกเธอที่ยังคงยืนนิ่ง
“ยัยหนึ่ง..”
“ช่างเถอะครับคุณย่า ผมไม่ถือหรอกครับ”
กันต์ธัสชิงพูดขึ้นเสียก่อน ทำให้หนึ่งธิดาเตรียมที่จะออกไปจากห้องเพราะคิดว่าเธอไม่สามารถที่ทนเห็นหน้าผู้ชายคนนี้ได้
“พวกเด็กใจแตก สก๊อย ไร้ค่า เด็กพวกนี้เป็นเสมือนของกำนัลความพ่ายแพ้ที่ส่งมอบให้กับผู้ขับขี่ที่ได้รับชัยชนะ ไม่มีศักดิ์ศรีไม่มีเกียรติ ไร้จิตสำนึก คนพวกนี้ไม่รู้จักคำว่าบาปหรือบุญไม่รู้ที่สูงที่ต่ำหรอกครับคุณย่า”
เมื่อกันต์ธัสพูดจบก็ปลายตามามองหน้าเธอแล้วตวัดมองตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าซึ่งเขาเห็นว่าเธอยังสวมใส่ชุดเดิมอยู่ มันทำให้หนึ่งธิดารู้สึกหน้าร้อนผะผ่าวขึ้นมาทันทีที่ถูกสายตาที่คมกริบฉาบชโลมราด
“คุณหมายถึงใคร”
“ก็แล้วแต่ ใครได้ยินก็รับไป”
“คุณ..”
“ออกไป”
เมื่อหนึ่งธิดาเตรียมก้าวเข้าไปใกล้เขาหมายจะต่อปากต่อคำ ปิ่นประดับรีบยกมือชี้ไปที่ประตูห้องทันที ทำให้หนึ่งธิดาหยุดชะงัก แต่กันต์ธัสยังปลายตามามองสำรวจร่างของเธอหมิ่น ๆ ยิ่งทำความเจ็บช้ำให้เธอเป็นอย่างมาก
“ตกลงว่าพ่อคิดอย่างไร”
เมื่อหนึ่งธิดาออกไปจากห้อง หลังจากที่ปิ่นประดับตั้งใจที่จะให้ได้เจอกับกันต์ธัสตรง ๆ แล้ว ท่านก็ถามเขาขึ้นมาทันทีอย่างใคร่รู้
“ก็ได้ครับคุณย่า”
เมื่อเขาตอบอย่างนั้นปิ่นประดับก็จับมือเขาไว้แน่นพลางคลี่ยิ้มออกมา มองเขาด้วยสายตาที่แสดงออกถึงความซาบซึ้งอย่างไม่อาจพรรณนา
“ขอบใจมากนะ พ่อเป็นความหวังเดียวของย่าจะสามารถเปลี่ยนแปลงชีวิตของเด็กที่น่าสงสารคนหนึ่งให้ดีขึ้น”
กันต์ธัสพยักหน้าช้า ๆ
“ผมจะอยู่ที่นี่อีกประมาณหนึ่งอาทิตย์ครับ เมื่องานเสร็จผมจะกลับใต้ทันที..”
เขามองสบตาของปิ่นประดับ
“ผมจะจัดพิธีที่ใต้อย่างเงียบ ๆ”
