ตอนที่ 12
“พี่ธัสคะ ใครหรือคะ”
พาริภัคถามกันต์ธัส หลังจากที่เขาได้รับโทรศัพท์จากนุ้ยก็รีบวิทยุบอกให้คนงานของเขาออกตามหาเธอแล้วพากลับบ้าน แต่ว่าหนึ่งธิดาไม่รู้นึกว่าเธอจะถูกทำร้ายก็พยายามหนีสุดชีวิต
“คุณหนึ่ง”
แต่เมื่อดนุสรณ์มองเห็นหน้าของเธอชัด ๆ เขาก็เรียกเธออกมาพร้อมกับย่อกายลงใกล้แล้วแล้วเขย่าเบา ๆ
“รู้จักหรือสร”
กันต์ธัสเอ่ยถามทำให้ดนุสรณ์พยักหน้า
“ครับนายหัว เธอเป็นรุ่นน้องที่มหาวิทยาลัย เธอมักจะมาปรึกษาเรื่องราวต่าง ๆ กับผมเสมอและหลังจากที่ผมเรียนจบกลับมาเธอก็ยังโทรมาหาผม แต่ว่าทำไมเธอมาอยู่ที่นี่ล่ะครับ”
เมื่อดนุสรณ์บอกว่ารู้จักเธอก็ทำให้กันต์ธัสลอบระบายลมหายใจออกมาเบา ๆ เพราะถ้าเธอคุ้นเคยกับดนุสรณ์มันอาจจะง่ายขึ้นกับการทำให้เธอยอมอยู่ที่นี่อย่างสงบ
“กลับไปเถอะ”
เขาหันไปบอกคนงานของเขา จากนั้นก็เดินไปหยุดอยู่ที่ด้านหัวของหนึ่งธิดาที่ยังนอนนิ่ง
“ทำไมเธอเปียกแบบนี้ล่ะคะพี่ธัส เกิดอะไรขึ้นกับเธอหรือคะ แล้วเธอจะเป็นอะไรไหม ทำไมต้องมัดเธอไว้”
กันต์ธัสมองหน้าน้องสาวพลางคลี่ยิ้มออกมา
“เก็บคำถามใส่กระเป๋าไว้ก่อนเถอะนะจ๊ะแล้วเข้าไปพักซะ ทิ้งเด็กคนนี้ไว้ตรงนี้จนกว่าจะฟื้น”
“แต่ว่า นายหัวครับ”
ดนุสรณ์เหมือนจะพูดอะไรต่อ แต่เมื่อกันต์ธัสหันมามองหน้าเขาก็ทำให้เขาจำต้องเงียบ
“ทำไมคะ คุณสรมีอะไรหรือ หรือว่าคุณสรมีอะไรพิเศษกับผู้หญิงคนนี้”
คำถามของพาริภัคทำให้ดนุสรณ์จำต้องยันกายลุกขึ้นยืน
“ไม่ครับ”
เขาตอบทันทีพร้อมกับถอยห่างออกมา
“จะทิ้งเธอไว้ตรงนี้หรือคะ”
สัญจิตาร้องถามกันต์ธัสที่หันหลังหมายจะเข้าไปด้านใน
“ครับ”
เขาตอบสั้น ๆ แล้วก็เดินนำทุกคนตรงไปยังโถงใต้ถุนบ้าน ทิ้งให้หนึ่งธิดานอนตากแดดอ่อน ๆ ด้วยเนื้อตัวที่เปียกปอนแบบนั้น
“จะไม่สบายได้นะคะนายหัว”
สัญจิตารู้สึกเป็นกังวล ไม่น้อยไปกว่าดนุสรณ์ที่รู้สึกห่วงหนึ่งธิดาขึ้นมาอย่างมาก แต่สีหน้าและกิริยาที่ดูพะว้าพะวงของดนุสรณ์ทำให้พาริภัคเริ่มกังขา หล่อนมองดูเขาอยู่บ่อยครั้ง ซึ่งต่างกับกันต์ธัสที่นั่งตักขนมขนม กอแหละ (ทำจากแป้งข้าวเจ้ากวนกับกะทิและเกลือ เทใส่ถาด โรยต้นหอม ตัดเป็นชิ้นๆ โรยหน้าด้วย มะพร้าวขูดคั่ว กุ้งแห้งป่น และน้ำตาลทราย) อย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาว ไม่คิดจะใส่ไยดีกับหนึ่งธิดาแม้แต่น้อย จนกระทั่งเขาทานขนมไปหลายคำ ก็ยกน้ำมะพร้าวน้ำหอมที่เฉาะลูกเปิดไว้ขึ้นดื่ม
“นายหัวคะ เธอฟื้นแล้วค่ะ”
นุ้ยร้องบอกทำให้เขามองตรงไปหาเธอ ก่อนจะลุกขึ้นเยื้องย่างเข้าไปอย่างเชื่องช้าแล้วหยุดที่ปลายเท้าของเธอ ที่ขยับเปลือกตามองมา และแล้วก็ต้องทะลึ่งพรวดลุกนั่งแต่ก็ต้องขัดเคืองใจที่เธอไม่สามารถขยับแขนขาได้
“ไอ้คนป่าเถื่อน ไอ้หน้าเหี้ยม ไอ้ไอ้ ไอ้แก่ ไอ้เฒ่าหัวงู ปล่อยฉันไปนะ”
หนึ่งธิดาตะโกนก้องทำให้พาริภัคและคนอื่นต่างก็ได้ยิน
“ตายล่ะ นี่เด็กคนนั้นกล้าดียังไงมาว่าพี่ธัส!”
พาริภัคเปรยออกมาอย่างไม่สบอารมณ์พร้อมกับก้าวออกไปยืนมองหน้าหนึ่งธิดาให้ถนัดอีกนิด
“ปล่อยฉันสิ ปล่อยฉัน”
หนึ่งธิดายังร้องตะโกนก้อง
“เธอก็รู้นี่ว่าที่นี่มันบ้านป่าเมืองเถื่อน และฉันก็บอกเธอ แล้วว่าคนที่นี่ยังไม่รู้จักเธอ อย่าหนี ฉันเตือนเธอแล้ว”
“ฉันจะไป ฉันจะไม่ยอมแต่งงานกับคุณหรอก ไอ้เฒ่าหัวงู ไม่มีวัน ไม่มีวัน”
กันต์ธัสคลี่ยิ้มพร้อมกับย่อกายลงนั่งที่ปลายเท้าทำให้เธอยกเท้าหมายจะยันร่างของเขาที่หลบฉากอย่างรวดเร็วแล้วรั้งคอเสื้อของเธอขึ้นมาก่อนจะโน้มใบหน้าต่ำลงไปหาเธอ
“คืนนี้เราจะแต่งงานกัน แต่งเสร็จก็จะต้องเข้าหอ ฉันจะทำให้เธอรู้ว่า ฉันไม่ได้แก่อย่างที่เธอเข้าใจ”
“ไอ้ลามก ไอ้บ้ากาม ไอ้ทุเรศ”
หนึ่งธิดาได้ยินแล้วก็ร้องกรี๊ดออกมา ยิ่งขัดเคืองใจเมื่อเห็นกันต์ธัสหัวเราะใส่หน้าเธอ
“พาไปที่ห้อง ขัดสีฉวีวรรณให้ดี หาเสื้อผ้าสวย ๆ ให้ใส่ คืนนี้เธอจะเป็นเจ้าสาวของฉัน”
กันต์ธัสร้องบอกคนอื่น ๆ ทำให้พาริภัคถึงกับอึ้ง
“พี่ธัสคะ พี่ธัสว่าอะไรนะคะ”
พาริภัคก้าวมาหาเขา ทำให้สัญจิตาและดนุสรณ์เดินออกมาด้วย เมื่อนั้นหนึ่งธิดาจึงมองเห็นดนุสรณ์
“คุณสรคะ!”
เมื่อหนึ่งธิดาเรียกดนุสรณ์ก็ทำให้คำถามทุกคำถามจากคนทุกคนต้องเป็นอันหยุด เมื่อต่างมองมาหาหนึ่งธิดาแทบเป็นตาเดียว
“คุณสร คุณจริง ๆ ด้วย นี่หนึ่งเองค่ะช่วยหนึ่งด้วยสิ ช่วยหนึ่งด้วย”
เธอร้องเรียกหาดนุสรณ์ที่เพียงแค่มองหน้าเธอแล้วมองมาหากันต์ธัสแต่เขาก็ต้องหยุดเมื่อเจอสายตาของพาริภัค
“คุณสรคะ”
เมื่อหนึ่งธิดามองหน้าดนุสรณ์ด้วยสายตาวิงวอนระคนดีใจก็ทำให้กันต์ธัสระบายลมหายใจออกมาเบา ๆ เขาตบไหล่ดนุสรณ์หนัก
“ฝากด้วยนะ”
เขาพูดจบก็เดินไปหาพาริภัคและสัญจิตา
“คืนนี้รบกวนนมช่วยจัดงานเลี้ยงเล็ก ๆ ให้ผมที ให้คนที่อยู่ในบ้านและหัวหน้าคนงานมาร่วมงานเท่านั้นพอ”
เขาบอกสัญจิตาและหันไปหาพาริภัค
“พี่มีเหตุผลบางอย่างที่ไม่อาจจะอธิบายได้ตอนนี้ ให้เวลาผ่านไปสักพักพี่จะบอกพาเอง”
เขาพูดจบก็มองหน้านุ้ย
“จัดชุดเจ้าสาวให้เธอสวมใส่ และต้องเป็นเจ้าสาวที่สวยที่สุดในคืนนี้”
“ค่ะ”
