บท
ตั้งค่า

EP.2 คุณแม่เลี้ยงเดี่ยว(2)

    กุลนิดาเดินตามอิทธิฤทธิ์พร้อมกับลูกสาวตัวแสบของเธอเข้ามาในบ้านและภาพที่เห็นเป็นประจำก็คืออิทธิฤทธิ์จะนั่งเล่นกับลูกสาวเธอพร้อมกับที่เธอต้องปลีกตัวไปทำมื้อเย็นให้กับทั้งสองคนทาน

" อาหารเสร็จแล้วค่ะ พี่อิฐน้องอบอุ่นมากินข้าวก่อนค่ะ "

    อิทธิฤทธิ์กับเด็กอ้วนของเขาจึงละจากการเล่นของเล่นตรงหน้าแล้วไปยังโต๊ะอาหารที่มีกุลนิดารออยู่ก่อนแล้ว

" ว๊าว...น่ากินจังเลยค่ะคุณแม่ขา ของโปรดน้องอบอุ่นทั้งนั้นเลย "

    เด็กอ้วนตาโตเมื่ออาหารมื้อนี้เป็นของโปรดของตัวเองทุกเมนู เพราะวันนี้เป็นสุดสัปดาห์ลุงอิฐของเธอจึงซื้อแต่วัตถุดิบที่ใช้ทำเมนูโปรดของเธอมาทั้งนั้น

" ไหน ของโปรดที่ว่ามีเมนูอะไรบ้างคะ "

    กุลนิดาถามลูกสาวเพื่อทบทวนความจำ น้องอบอุ่นกำลังอยู่ในวัยเรียนรู้เธอจึงอยากสอนทุกอย่างที่แม่อย่างเธอสามารถที่จะสอนลูกได้ ถามบ่อยๆเด็กจะเรียนรู้ได้เร็ว

" แกงจืดหมูสับ ไข่เจียวกุ้ง แล้วก็เกี๊ยวน้ำหมูสับค่ะ "

    น้องอบอุ่นบอกเมนูได้ถูกทุกเมนู พร้อมกับยิ้มให้คนเป็นแม่ด้วยรอยยิ้มที่ภูมิใจ อาหารแทบทุกมื้อที่เธอทานมักจะเป็นอาหารอ่อนๆที่ลูกสาวของเธอสามารถทานด้วยได้ เธอจำไม่ได้แล้วว่าอาหารรสจัดเธอทานครั้งล่าสุดเมื่อไหร่ ทั้งที่เมื่อก่อนเธอชอบทานแต่อาหารรสจัดจ้านทั้งนั้น รวมทั้งการแต่งตัวของเธอก็เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงตอนนี้เธอกลายเป็นมนุษย์แม่ที่แต่งตัวง่ายๆสบายๆเน้นรวดเร็วและสะดวกต่อการเลี้ยงลูก เสื้อผ้าของเธอจึงไม่ได้หวือหวาเหมือนเมื่อก่อนในตอนที่เธอยังเป็นคุณหนูลูกสาวมาเฟีย  ตอนนี้เธอเป็นแค่คนที่พยายามไร้ตัวตน เพราะก่อนหน้าที่เธอจะมีอิสระแบบนี้เธอต้องหนีหัวซุกหัวซุนแทบเอาตัวไม่รอดมาก่อน

" เก่งมากเลยค่ะลูกสาว งั้นกินเยอะๆนะคะ แผลจะได้หายเร็วๆ "

    กุลนิดาบอกกับลูกสาวหลังจากที่แผลที่หัวเข่าอิทธิฤทธิ์เป็นคนทายาให้กับน้องอบอุ่นลูกสาวของเธอ ในตอนที่เธอเข้าไปทำมื้อเย็นให้ทั้งสองคน

" พี่อิฐเบื่อไหมคะ ถ้าอยากกินอะไรแซ่บๆบอกกุลได้นะ ทานแต่อาหารเด็กแบบนี้กุลก็เกรงใจ กุลพอทำเป็นนะคะแต่ต้องฝึกสักหน่อย "

    กุลนิดาบอกอิทธิฤทธิ์ เธอรู้อยู่หรอกว่าเขาเป็นคนกินง่ายอยู่ง่าย แต่ในบางครั้งอาหารเด็กก็ไม่ได้ตอบโจทย์ผู้ใหญ่เท่าไหร่นัก อย่างเช่นอิทธิฤทธิ์ทีแรกเธอก็ไม่รู้ว่าเขาชอบอาหารรสจัด จนพี่ที่ทำงานเล่าให้ฟังเธอถึงได้มารู้ทีหลังเมื่อไม่กี่วันมานี้เองว่าที่เขากินอาหารกับเธอได้นั้นเพียงเพราะเขาอยากเข้ากันได้กับเธอและลูก ตัวเธอเองก็พอรู้ว่าเขาคิดยังไงกับเธอ แต่เธอก็ยังทำเป็นเหมือนไม่รู้เรื่องเพราะไม่อยากเสียพี่ชายไป เธอคิดกับเขาเพียงแค่นั้นและปฏิเสธเขามาโดยตลอดทางการกระทำ แต่เขาก็เป็นคนที่มีความอดทนเก่งเช่นเดียวกัน ตลอดระยะเวลายาวนานกว่า 5 ปีเขาทำทุกอย่างอย่างสม่ำเสมอดูแลทั้งเธอและลูกสาว จนตอนนี้เธอนับถือเขาเป็นคนในครอบครัวไปแล้วแต่ว่าก็ในฐานะพี่ชายเท่านั้น เธอไม่อยากเปิดใจให้ใครอีกมันทรมานเกินไปกว่าจะผ่านจุดนั้นมาได้

" อาหารเด็กก็อร่อยออกครับ เห็นไหมน้องอบอุ่นยังทานได้ตั้งเยอะ พี่ทานอะไรก็ได้ครับอย่าคิดมากเลย กุลทำอะไรก็อร่อยสำหรับพี่ทั้งนั้น "

    อิทธิฤทธิ์บอกกับคนตรงหน้าพร้อมกับรอยยิ้มที่มีให้เธอเสมอ  เขาชอบเธอตั้งแต่แรกเห็นจนถึงตอนนี้ก็เป็นเวลากว่า 5 ปีแล้ว เธอก็ปฏิเสธเขามาโดยตลอดแต่เขาก็ยังไม่ละความพยายามมาที่บ้านของเธอทุกวันและพยายามเอาชนะใจเธอด้วยการที่เข้ากับลูกของเธอได้เป็นอย่างดี แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ยังไม่มีวี่แววจะใจอ่อนกับเขาเลย

" ขอบคุณนะคะที่ดูแลกุลกับลูกมาโดยตลอดทั้งๆที่.... "

    กุลนิดาละไว้ในฐานที่เข้าใจว่าเธอจะไม่มีทางใจอ่อนกับเขาซึ่งเรื่องนี้เราคุยกันไปแล้วหลายต่อหลายครั้ง

" พี่เข้าใจ พี่จะรอจนกว่าเราจะเปิดใจเลย เราอย่าพูดเรื่องนี้กันเลยดีกว่า สัปดาห์หน้าก็เป็นวันเกิดครบ 4 ขวบของน้องอบอุ่นแล้วปีนี้พี่พาไปทานอาหารนอกบ้านนะ "

    อิทธิฤทธิ์เสนอเพราะปกติแล้วเราฉลองกันเล็กๆที่บ้านโดยการที่กุลนิดาจะลงทุนทำเค้กให้กับลูกสาวในทุกๆปี เขาพยายามชวนเธอออกไปข้างนอกแต่เธอก็เกรงใจ ได้แต่บอกว่าสิ้นเปลือง เขาเข้าใจสถานะการเงินเธอดีแต่วันเกิดเจ้าเด็กอ้วนก็แค่ปีละครั้งเอง

" แต่... "

กุลนิดากำลังจะเอ่ยปฏิเสธแต่ก็ไม่ทันอิทธิฤทธิ์เสียหรอก

" นะครับ ปีนี้ไปเถอะนะ พี่อยากพาเจ้าเด็กอ้วนไปเปิดหูเปิดตา "

    กุลนิดาจุกในอก เพราะฐานะที่ไม่เหมือนแต่ก่อนทำให้เธอไม่สามารถพาลูกไปในสถานที่ดีๆได้ ที่ประจำของเธอก็คือสวนสาธารณะใกล้บ้านเท่านั้นที่พอจะมีสนามเด็กเล่นเอาไว้ให้ลูกสาวของเธอได้วิ่งเล่นเสริมสร้างพัฒนาการ

" เอาอย่างนั้นก็ได้ค่ะ ขอบคุณพี่อิฐมากเลยนะคะ "

    คนตัวเล็กซึ้งในน้ำใจของเขา ถ้าหากไม่มีเขาเธอก็ไม่รู้เลยว่าเธอกับลูกจะเป็นแบบไหน เขาช่วยเหลือเธอทุกอย่างแม้กระทั่งในตอนที่เธอทำงานเขาก็ยังเอาน้องอบอุ่นไปเลี้ยงหลังเลิกเรียนเพื่อรอเธอเลิกงานอยู่ทุกวัน แม้เธอจะรู้สึกเกรงใจแต่ด้วยภาระหน้าที่และเธอไม่อาจจ้างพี่เลี้ยงได้เพราะลำพังเงินเดือนของเธอใช้จ่ายภายในบ้านก็แทบหมดแล้ว เธอจึงต้องอาศัยอิทธิฤทธิ์เป็นคนช่วยเลี้ยงอีกแรง เขาจึงเป็นเหมือนพ่อทูนหัวของน้องอบอุ่นไปแล้ว

" เด็กอ้วนอาทิตย์หน้าลุงอิฐจะพาไปกินขนมเค้กอร่อยๆอยากไปไหมครับ "

    อิทธิฤทธิ์เอ่ยถามน้องอบอุ่นที่ตอนนี้ตั้งใจกินข้าวอยู่ แทบไม่ได้ฟังในสิ่งที่ผู้ใหญ่คุยกันเลยเพราะเด็กอย่างเธอฟังไม่รู้เรื่องหรอกยังจับใจความยาวๆไม่ได้

" เย้ๆ ไปค่ะ ลุงอิฐใจดีที่สุดเลย น้องอบอุ่นตื่นเต้นจังเลยค่ะ อยากกินเค้กแล้ว เค้กก้อนโตๆ "

    เมื่อลูกสาวเธอทำท่าทางดีใจจนออกนอกหน้าคนเป็นแม่ก็ถึงกับจุกในอก หากเธอไม่จนขนาดนี้ได้งานดีๆทำตามวุฒิการศึกษาที่จบมาก็คงดี ป่านนี้น้องอบอุ่นคงมีชีวิตที่สุขสบายไปแล้ว แต่ในตอนนี้เธอเลือกที่จะเป็นเพียงแค่แม่บ้านทำความสะอาดในโรงแรมของอิทธิฤทธิ์เท่านั้น ไม่มีวุฒิการศึกษาใดๆ มีเพียงแค่อิทธิฤทธิ์ที่รับเธอเข้าทำงานด้วยเงินเดือนแม่บ้านทั่วไป 15,000 บาทต่อเดือนเท่านั้น เพื่อป้องกันไม่ให้คนที่เธอไม่อยากเจออีกตลอดชีวิตหาเจอ

" ถ้าหนูอยากไปต้องรีบรักษาแผลที่เข่าให้หายเร็วๆนะคะแล้วคุณแม่กับลุงอิฐจะพาไปค่ะ "

 

 

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel