ep3
เพราะนนท์เป็นเด็กของราเมศและเป็นมานานแล้ว เขาหลอกลวงทั้งเธอและราเมศไปพร้อมกัน เงินที่เธอยักยอกออกไปก็เพื่อเขานำไปรักษาแม่ที่เป็นมะเร็ง ซึ่งเธอก็เห็นว่าแม่ของเขารักษาอยู่จริงๆ แต่..ค่ารักษาพยาบาลนั้นราเมศกลับเป็นคนออกทั้งหมด แล้วเงินที่เธอให้เขาล่ะ 10 ล้านบาทนั่น มันหายไปไหน?
เมื่อราเมศรู้ เขาทั้งรักทั้งแค้น ข้อเสนอที่เขาให้เธอมาอยู่เกาะกับราไวยก็เพื่อให้เธอไปพ้นๆ หน้าเขา และพ้นไปจากนนท์ คนทั้งบริษัทรู้ว่าผู้หญิงที่ถูกส่งไปที่เกาะของราไวย ไม่ใช่เพราะรักแต่คือของเล่นของราไวยเขาจะเล่นจนเบื่อแล้วส่งกลับมาเอง มีผู้หญิงหลายคนเสนอตัวด้วยซ้ำ เพราะเงินดี เสียแต่ว่าราไวยเบื่อง่าย จะมีก็แต่เธอนี่แหละที่มาที่เกาะนี้เพื่อ...ชำระหนี้
หลังจากเธอถูกส่งขึ้นเกาะมาแล้ว น้ำรินไม่รู้ว่านนท์จะเป็นอย่างไรบ้าง? เธอช็อกเสียจนไม่อยากรับรู้อะไรอีก มิน่าเล่าวันที่เธอชวนเขาไปทำงานต่างประเทศเพื่อหาเงินใช้หนี้ เพราะแม่ของเขาเสียแล้ว เขาจึงไม่ต้องอยู่ดูแล แต่ดูเหมือนเขาเขาอิดออดไม่อยากมาก็เพราะว่าเขามีคนที่เลี้ยงดูอยู่แล้วนี่เอง
“ทำไมทำแบบนี้ นนท์หลอกรินทำไม?”
“นนท์ไม่ได้หลอกริน นนท์รักรินจริงๆ”
“รักเหรอ? ถ้ารักริน เอาเงิน 10 ล้านคืนให้รินได้ไหม?”
น้ำรินบอกเขาทั้งน้ำตา....เธอไม่ต้องการตัวผู้ชายคนนี้แล้ว สิ่งที่เธออยากได้คือการคืนเงินให้บริษัท แต่นนท์กลับนิ่งเงียบ ราเมศนั้นแม้แต่หางตาเขาก็ยังไม่มองนนท์เลยด้วยซ้ำ คงแค้นกันมาก มากกว่าที่เธอแค้นเขาเสียอีก
ก๊อก ก๊อก ก๊อก เสียงเคาะประตู พร้อมร่างผอมเกร็งของหญิงสาววัยกลางคนเดินเข้ามาอีกครั้ง เธอมองสำรับกับข้าวใหม่ แล้วยกสำรับกับข้าวเดิมออกไป
“เดี๋ยวก่อน...”
“มีอะไร?” ร่างผอมเกร็งหันกลับมาถามด้วยน้ำเสียงห้วนสั้น
“พี่ชื่ออะไรเหรอคะ ฉันชื่อน้ำรินนะ”
“แวว”
แววตอบสั้นๆ แล้วเดินออกจากห้องไป น้ำรินอึ้งๆ เธอพยายามผูกมิตรแล้ว เพราะไหนๆ เธอก็ต้องอยู่ที่นี่ไปอีกสักระยะ มีเพื่อนสักคนไว้คอยคุยด้วยจะได้ไม่เหงา แต่ดูเหมือนว่าจะไม่เป็นผล
น้ำรินนั่งทานอาหารแล้วคิดทบทวนอะไรบางอย่างในใจชั่วครู่ แววก็เดินกลับมาอีกครั้ง พร้อมบอกเธอด้วยน้ำเสียงเรียบเช่นเดิม
“นายหัวให้ออกไปเจอที่ชานเรือน มีเรื่องจะคุยกับคุณ”
แววบอกแล้วออกไปทันที น้ำรินที่กำลังกินข้าวอยู่ถึงกับชะงักค้าง
“อะไรของเขา ทำตัวยังกับหุ่นยนต์”
น้ำรินบ่นเบาๆ ก่อนจะก้มหน้าก้มหน้ารับประทานอาหารต่อ เธอยังไม่ได้กินข้าวเช้า เพราะมัวแต่คิดเรื่องที่ผ่านมา กว่าจะรู้ตัวท้องไส้ก็ประท้วงจนเธอต้องรับประทานอาหารตรงหน้าอย่างหิวโหย เลยไม่ได้สังเกตว่ามีร่างของใครคนหนึ่งปรากฏขึ้น และกำลังยืนมองเธออยู่อย่างสนใจ
ชายหนุ่มมองผู้หญิงตรงหน้าอย่างถูกใจเล็กน้อย เมื่อคืนเขาเพิ่งกลับมาจากทริปดำน้ำกับเพื่อนๆ หัวหน้าคนงานก็เข้ามาบอกเขาว่าราเมศส่งผู้หญิงคนใหม่มาให้ คนนี้เป็นคนที่บริษัทกำลังจะดำเนินคดีฉ้อโกง แต่เธอยื่นข้อเสนอขอมารับใช้เขา เพื่อปลดหนี้!
อันที่จริงราไวย ไม่ค่อยใส่ใจกับผู้หญิงสักเท่าไหร่ เขามองผู้หญิงเป็นทางผ่าน ไม่ผูกมัด สนุกไปด้วยกันก็พอแล้ว แต่เงิน 10 ล้าน สำหรับผู้หญิงดูจะมากไปสำหรับการบำรุงบำเรอเขา เพราะเท่าที่ผ่านมาอย่างมากก็แค่หลักล้านเท่านั้นเอง กระทั่งราเมศขอร้องว่าเขาต้องการกำจัดเธอจากนนท์ เด็กที่ราเมศเลี้ยงไว้และเธอเองก็ยื่นข้อเสนอมาเองด้วยความเต็มใจ
ราเมศเป็นเด็กเก็บกดมาตั้งแต่เด็ก ทั้งคู่ถูกทิ้งให้อยู่กับปู่ที่เข้มงวด เพราะความเข้มงวดนั้นทำให้ราเมศโดยหาความเป็นแม่ สุดท้ายราเมศก็รู้จักตัวตน ซึ่งราไวยก็ยอมรับในสิ่งที่ราเมศเป็น เขายอมทำงานหนักทุกอย่างเพื่อให้ราเมศประสบความสำเร็จ ราไวยก่อตั้งอันยาอันดามันกรุ๊ปขึ้นมาด้วยความยากลำบาก และเมื่อมันมั่นคงแล้ว ราเมศซึ่งเรียนจบมาจึงเสนอตัวมาเป็นผู้ช่วยของเขา และทำงานแทนเขาแทบทุกอย่าง จนเขาสามารถปล่อยมือได้
ดังนั้นแค่ช่วยราเมศด้วยเรื่องผู้หญิงตัวเล็กๆ แค่นี้ ก็ไม่ได้นักหนาอะไร? ส่วนเรื่องเงินที่ถูกฉ้อโกงไป เขาคาดว่ามันอาจเกี่ยวข้องกับนนท์ จึงทำให้ราเมศเลือกทางนี้ แยกผู้หญิงออกมาจากเด็กคนนั้น เพื่อช่วยทั้งราเมศและผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้า
น้ำรินเริ่มอิ่มกับอาหารตรงหน้า จึงรู้สึกตัวว่ามีใครบางคนยืนจ้องอยู่ เมื่อเธอเงยหน้าขึ้น หัวใจของเธอก็แทบจะหยุดเต้น! ใบหน้าอันหล่อเหลาราวแขกขาวของราไวยในเวลานี้พุ่งเข้าตาจนเธอตาพร่าไปหมด เธอไม่คิดมาก่อนเลยว่านายหัวราไวยจะหน้าตาดีขนาดนี้ มันไม่เหมือนกับที่เธอจินตนาการไว้เลย
“นายหัว!”
“ฉันเลิกงานเร็วเลยแวะมาหาเธอ เผื่อว่า....”
“ฉะ..ฉัน ฉันยังไม่พร้อม”
“อะไรคือยังไม่พร้อม”
“ฉันเพิ่งกินข้าวเสร็จ แล้วเรื่องเมื่อคืนก็..ก็ทำเอาฉัน ฉันเจ็บไปหมดทั้งตัว”
เธอพูดซื่อๆ โดยไม่ทันสังเกตเห็นใบหน้าของราไวยอมยิ้มเล็กๆ ทำให้เขาดูอ่อนกว่าวัยมากขึ้น
“เธอพูดอะไรของเธอ ฉันบอกให้เด็กมาตามก็เพราะอยากให้เธอไปกินข้าวกับฉันเท่านั้น แต่เมื่อเธออิ่มแล้ว คืนนี้ค่อยเจอกัน”
ราไวยพูดยิ้มๆ แล้วหันกลับออกไป ปล่อยให้น้ำรินมองตามด้วยหัวใจที่เต้นระทึก จนเธอคิดว่าหากเขายืนอยู่ เขาต้องได้ยินแน่
***************
