ตอนที่2
(โหด ‘ให้’ ได้ใจ ) บทลงโทษ
ในโรงแรมหรูระดับห้าดาวที่ปันไม่คิดว่าตัวเองจะโอกาสได้เข้ามานั่งใช้บริการ หากชายผู้ที่ใช่เงินเป็นเบี้ยคนนี้ ไม่ลากมาด้วยชาตินี้ทั้งชาติ ก็คงได้แต่เหม่อมองดูอยู่ตรงข้างทาง
“กินอะไรก็สั่งเอา” พูดจบ ก็ยื่นเมนูอาหารมาให้ตรงหน้า
ปันรับเมนูที่ถูกส่งมาเปิดดู วนดูกลับไปกลับมาหลายรอบแต่ก็ตัดสินใจไม่ได้เสียที เพราะแต่ละเมนูไม่คุ้นตาและคุ้นเคยเลย
“ผมไม่เคยกินอาหารพวกนี้ คุณจะกินอะไรก็สั่งเถอะครับ”
เดร์มองหน้าปัน หากแต่อดอมยิ้มไม่ได้ เมื่อเขาเห็นความเป็นเด็กน้อยที่เหมือนโดนบังคับให้ทำในสิ่งที่ตัวเองไม่ชอบ!
เดร์ละสายตาจากคนตรงหน้า แล้วหันไปพยักหน้ากับพนักงานที่ยืนรอบริการก่อนจะชี้ไปบนเมนูโดยไม่เสียเวลาคิด
“แค่นี้”
‘แค่นี้’ ของเขา ปันถึงกับหน้าจืดเจื่อน เพราะอาหารที่เขาสั่ง สิบคนก็กินไม่หมด
พนักงานรีบจดรายการแล้วเดินออกไป ผ่านไปไม่นานอาหารก็ถูกนำมาวางเรียงไว้ตรงหน้า
ปันมองจานอาหารที่ถูกจัดแต่งไว้อย่างสวยหรู จนไม่กล้าแตะ ก่อนจะกลืนน้ำลายลงคอ
“คุณจะกินหมดเหรอ” ถามพลางกวาดสายตามองไปที่เมนูอาหารแต่ละจาน
“ไม่หมดก็ทิ้ง” คำพูดราบเรียบพอกับสีหน้า แล้วหยิบผ้าที่พับวางอยู่คลี่ออกวางบนหน้าตัก
“ลืมไปว่าคุณรวย ส่วนผมคนหาเช้ากินค่ำ ความคิดความอ่านก็คงไม่เหมือนกัน”
“แต่เราทำเรื่อง… เดียวกันได้” เสียงทุ้มหนักตอบกลับมาพร้อมกับพินิจหนุ่มตรงหน้าซึ่งอ่อนกว่าตัวเองหลายปี ที่บางทีชอบคิดเล็กคิดน้อยเกินไป
ปันนิ้วหน้าครุ่นคิด ว่าเรื่องเดียวกันคือเรื่องอะไร จนกระทั่งเห็นแววตากรุ่มกริ่ม อย่างคนเจ้าเล่ห์จ้องอยู่ก่อนแล้ว จึงก้มหลบสายตา หน้าร้อนผ่าว
“…เรื่องอย่างว่าอีกตามเคย”
ปันบ่นงุบงิบ เพราะตั้งแต่อยู่ใกล้จนตัวเกือบติดกัน เขาก็หมกมุ่นอยู่กับเรื่องอย่างว่าจริง ๆ
“นายก็ชอบไม่ใช่เหรอ” เสียงทุ้มเรียบของเดร์เปรยขึ้นโดยไม่ได้หวังคำตอบ
ปันช้อนตาขึ้นมองค้อน คุณนี่มัน… ปันคิดอย่างเหนื่อยหน่าย เถียงไปก็ไม่มีวันชนะ! ก่อนจะเลิกสนใจ และจัดการกินอาหารตรงหน้าอย่างเงียบ ๆ โดยไม่สนสายตาคมเข้ม ที่มองตัวเองอย่างอยากจะกลืนกินแค่ไหน
ระหว่างที่นั่งกินอยู่นั้นปลาชิ้นเล็กก็ถูกตักส่งมาให้ในจาน ปันเหลือบตามองด้วยความคลางแคลงใจ กับการกระทำเช่นนี้
เถอะ! หากเป็นคู่รักคงไม่ใช่เรื่องแปลก หากแต่สำหรับตนเป็นเพียงคู่นอนขัดดอก
“ขอบคุณครับ…” ปันตอบกลับไปเป็นมารยาท “แต่ผมตักเองได้ครับ” ปันบอกในขณะที่หัวใจเต้นหน่วงผิดจังหวะ
หากแต่มุมปากยักกระตุกยิ้มเจ้าเล่ห์ “คืนนี้… ฉันอยากให้นายมีแรงต้านฉันเยอะ ๆ”
ปันตาโต “นี่คุณ... ไม่คิดจะปล่อยให้ผมกลับไปทำงานบ้างเลยหรือครับ” ทั้งโกรธทั้งอายผสมกันไปหมด โดยไม่อยากคิดเข้าข้างตัวเอง ว่าอีกฝ่ายหลงจนไม่อยากให้ปล่อยกลับห้อง
“นี่ก็งานไง…” น้ำเสียงและสายตาจริงจัง หากแต่ดูเร้าร้อน จนปันต้องหลบสายตา
“แต่ ผมต้องทำงานเพื่อเอาเงินมาเสียหนี้ให้คุณนะครับ”
“ก็รีบทำให้ฉันอิ่มสิ จะได้ปล่อยนายไปทำงานหาเงินมาใช้หนี้”
ปันตาขวางมองคนเอาแต่ได้ ก่อนจะเหลือบตามองชายใส่สูทที่ยืนตัวตรงหน้านิ่ง เหมือนไม่หายใจ
...อาจจะเป็นเพราะชินกับการ กระทำของเจ้านายไปแล้วกระมั่ง! ปันคาดเดา แล้วหันกลับมาส่งค้อนให้ชายหนุ่มผู้เอาแต่ได้ด้วยความหงุดหงิดใจ
“คุณนี่มัน…”
จะพูดไป อีกฝ่ายก็ไม่รู้สึกเจ็บ เมื่อมุมปากยักยกสูงอย่างเป็นต่อ ปันจึงตักข้าวเข้าปากเพื่อลดอารมณ์ตึงเครียดไปเงียบ ๆ
อาหารบนโต๊ะยังไม่พร่อง แต่เจ้าพ่อหมั่นหน้ารวบช้อนเข้าด้วยกัน ครั้นปันสงสัยจึงเงยหน้าขึ้นมองสายตาเป็นคำถาม
‘อิ่มแล้ว?’ ซึ่งเดร์เข้าใจความหมายในสายตาของปันดี เขาไม่ตอบแต่หยิบแก้วน้ำขึ้นมาดื่มเกือบหมดแก้วแล้ววางไว้ที่เดิม มืออีกข้างหยิบผ้าผืนเล็กที่วางอยู่บนหน้าตักก่อนหน้านี้ขึ้นมาเช็ดมุมปากทั้งสองข้าง ซึ่งเป็นการย้ำชัดว่าเขา ‘อิ่มแล้ว!’
ปันถอนหายใจ เพราะรู้สึกเสียดายอาหารบนโต๊ะจึงเอ่ยถาม “อาหารพวกนี้บางอย่างคุณยังไม่แตะเลยนะครับ”
“แล้วไง ฉันสั่งให้นาย นายก็กินให้หมดสิ”
ปันตาโตอีกครั้ง “นี่คุณ ผมชินกินข้าวจานเดียวแต่คุณเล่นสั่งมาเต็มโต๊ะแบบนี้ ใครจะไปกินหมด เรียกลูกน้องของคุณมากินเถอะ” ปันว่าแล้ว ก็อิ่มขึ้นมาทันทีเช่นกัน
“คนของผม ผมก็สั่งให้ต่างหาก ผมกินอะไรลูกน้องผมก็กินอย่างนั้นไม่ต้องไปเป็นห่วงหรอก”
ปันถอนหายใจ มองอาหารในจานที่หรูและแพง ซึ่งวาสนาตนคงไม่มีโอกาสได้เดินเข้ามาสั่งกินเป็นแน่
ระหว่างที่นั่งตัดพ้อเจ้ามือ กลิ่นน้ำหอมอ่อน ๆ ก็โชยมาแตะจมูก จนต้องหันไปมอง จึงเห็นว่ามีชายหนุ่มร่างสูงโปร่งหน้าตาหล่อเหลาแต่งตัวเนี้ยบไร้ที่ติ เดินมาหยุดอยู่ใกล้ ๆ และมองตรงไปที่เดร์ คล้ายลังเลไม่แน่ใจ
ระหว่างนั้นลูกน้องที่ยืนนิ่งเป็นหุ่นยนต์มาตลอดก็ขยับตัวเพื่อทำหน้าที่รักษาความปลอดภัยให้เจ้านาย หากแต่เดร์ส่งสายตาไปมอง ทั้งหมดจึงหยุดนิ่งดุจเดิม
เมื่อมั่นใจว่าไม่มีใครเข้ามาขัด หนุ่มหล่อที่ยืนลังเลอยู่ก่อนหน้านี้ จึงเอ่ยเรียกเจ้าของชื่อประหนึ่งคนคุ้นเคย “เดร์…” เสียงทุ้มเรียก พร้อมยิ้มหวานปรี่เข้าไปหาเจ้าของชื่อ
เถอะ! เขารู้จักกัน ปันคิดแล้วก้มหน้ามองจานข้าว หากแต่หูได้ยิน จึงเหลือบมองด้วยความใคร่รู้
“ดีใจจังที่เจอคุณที่นี่…”
น้ำเสียงและการเรียกขานบ่งบอกถึงความสนิทสนมกันดี หากแต่เดร์ยังมีสีหน้าเรียบนิ่ง อีกฝ่ายจึงขยับชิดจนเกือบจะนั่งเกยตัก “ไม่เห็นโทร.หาผมบ้างเลย”
ปันนิ่งค้าง เมื่อผู้ชายคนนั้นโน้มตัวเข้าไปใกล้จนจมูกเกือบชิดแก้มสาก เสียงพูดก็ออดอ้อน จึงมั่นใจถึงความสัมพันธ์ไม่ใช่แค่คนรู้จัก หากเป็นคนคุ้นเคย ปันจึงหาโอกาสเพื่อให้ทั้งคู่ได้ทักทายกันโดยที่ตัวเองไม่ต้องเป็นก้างขวางคอ
“ไปไหน?”
ปันสะดุ้งรีบหันมาตอบ “ผะ ผมจะไปห้องน้ำ”
เดร์หรี่ตามอง และเมื่อปันเดินออกไปแล้วเดร์จึงส่งสัญญาณให้บอดี้การ์ดของตัวเองตามปันไป
ระหว่างที่เดินไปปันก็รู้สึกหงุดหงิดอย่างบอกไม่ถูก ว่าหงุดหงิดเรื่องไหนก่อน ระหว่างเดร์เจอคนคุ้นเคย หรือบอดี้การ์ดตามมาคุมประหนึ่งตัวเองเป็นนักโทษถึงสองคน
เถอะ! ปันเกิดความคิดอย่างหนึ่งผุดขึ้นในหัว…
