2.นิยายชีวิต
************ทักทายคร้า ไปต่อกันเลยคร้า*********
หลังจากแจกจ่ายขนมให้กับเด็กๆ เสร็จเรียบร้อยแล้ว ชิดสมัยก็เดินไปที่ห้องทำงานของวรรณดีที่อยู่ริมสุดของตัวตึก
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
ประตูถูกเปิดออกจากคนที่อยู่ข้างใน ชิดสมัยยิ้มสดใสเมื่อเห็นคนที่เปิดประตูให้คือหญิงสาวใบหน้าหมดจดงดงามและอ่อนหวาน วราลี รักษ์ไพร เพื่อนของเธอที่เป็นครูสอนเด็กๆ ที่นี่
“ลี/ไหม” ทั้งสองอุทานออกมาพร้อมกันแล้วโผเข้ากอดกันกลม เดือนนี้ชิดสมัยเพิ่งได้กลับมาที่นี่ เพราะงานข่าวของเธอส่วนใหญ่จะออกต่างจังหวัดมากกว่า
“คืนนี้ค่อยคุยกันนะไหม ลีขอไปดูเด็กๆ ก่อน” วราลีคลายอ้อมแขนออก ยิ้มให้กับชิดสมัยแล้วเดินออกไป
ร่างโปร่งบางเดินเข้ามานั่งเก้าอี้ไม้หน้าโต๊ะทำงาน “แม่ครูสบายดีนะคะ”
“สบายดีจ้ะ ห่วงแต่คนอื่น ว่าแต่ไหมเถอะ คราวนี้หายไปเกือบเดือนเลยนะ แม่เป็นห่วงให้ลีโทรหาก็ไม่ติด” แม่ครูถอดแว่นสายตาที่มีสายสีดำคล้องอยู่ที่คอออก พลางเอนหลังพิงพนักเก้าอี้ตัวใหญ่
“ไหมไปทำข่าวยาเสพติดแถวแม่ฮ่องสอนน่ะค่ะ สัญญาณไม่ค่อยมี คราวหน้าถ้าไหมไปไกลๆ จะโทรมาบอกนะคะ แม่ครูจะได้ไม่ต้องเป็นห่วง”
“อย่าทำอะไรที่มันเสี่ยงๆ มากนะไหม นึกถึงความปลอดภัยของตัวเองบ้าง ทำงานมาได้ก็รู้จักเก็บเอาไว้ใช้ยามแก่เฒ่า ตอนนี้เรายังทำงานหาเงินได้ พออายุมากเข้าร่างกายก็ทำไม่ไหว พอถึงตอนนั้นเราจะลำบาก” แม่ครูเอ่ยเสียงอบอุ่น แววตาเต็มไปด้วยความเมตตา
ชิดสมัยน้ำตาคลออย่างตื้นตัน ชีวิตของเธอและวราลีเกิดมาไม่เคยรู้จักพ่อแม่ว่าหน้าตาเป็นยังไง มีเพียงผู้หญิงตรงหน้าคนนี้ที่คอยเลี้ยงดู โอบกอดเธอ ให้ความอบอุ่น พร่ำสอนให้เธอเป็นคนดี ส่งเสียให้เธอและวราลีได้เรียนหนังสือจนจบปริญญา เธอรู้ว่าแม่ครูเหนื่อยแค่ไหนที่ต้องแบกภาระไว้มากมาย หากแววตาแห่งความเมตตาปรานีไม่เคยเลือนหายไปจากดวงตาคู่นี้ แม้จะเหนื่อยล้าเพียงใดก็ตาม
“เที่ยวนี้ได้พักกี่วันล่ะไหม” แม่ครูสวมแว่นตา ก้มมองเอกสารที่วางอยู่บนโต๊ะ
“สองวันค่ะ” หญิงสาวมองใบหน้าของแม่ครูที่มีรอยยับย่นมากขึ้นกว่าทุกปีพลางถอนหายใจเบาๆ
เรือนไม้หลังเล็กกะทัดรัดยกสูงจากพื้นเกือบหนึ่งเมตรปลูกอยู่ด้านหลังของบ้านแห่งชีวิต ระเบียงบ้านหันออกไปทางแม่น้ำเจ้าพระยา มีกระถางกล้วยไม้ที่กำลังออกดอกห้อยอยู่รอบๆ ตัวบ้าน ร่างบอบบางของวราลียืนรอชิดสมัยที่หน้าระเบียง ไม่นานเธอก็เห็นร่างโปร่งระหงทะมัดทะแมงของเพื่อนรักเดินมาตามทางเล็กๆ ที่เชื่อมจากสวนด้านหลังไปที่อาคารด้านหน้า
“ทำอะไรอยู่จ๊ะ ลีรอจนเหนื่อยเลย” ใบหน้าหวานหยาดเยิ้มของวราลีพองออกมาเมื่อเจ้าตัวทำท่าทางงอนเพื่อนสาว
“โอ๋ ไม่งอนนะคะ คุณครูวราลีใจดี๊ใจดี” ชิดสมัยโถมตัวเข้าไปกอดเพื่อนรักอย่างคิดถึง
“คุยกับแม่ครูแล้วใช่ไหม” วราลีถามเสียงหวาน
“ปีนี้แม่ครูแก่ลงไปเยอะเลยนะลี” ชิดสมัยเดินเข้าไปในห้องนอน วางกล้องกับกระเป๋าไว้บนเตียงแล้วเดินไปนั่งที่หน้าระเบียง ดวงตาคมโตทอดมองสายน้ำไหล แววตาครุ่นคิดหาทางช่วยเหลือเรื่องค่าใช้จ่ายของบ้านแห่งชีวิต
“ถ้าเรามีเงินเยอะๆ ก็ดีนะลี จะได้เอามาช่วยแม่ครูกับน้องๆ” ชิดสมัยเอ่ยเสียงเศร้า ใบหน้าคมสวยเคร่งเครียด
วราลีเดินไปนั่งใกล้ๆ จับมือบางเรียวของชิดสมัยมาวางบนตัก
“แล้วเราจะไปหาเงินที่ไหนล่ะไหม” วราลีถามเสียงหวาน
ชิดสมัยล้มตัวลงนอนหนุนตักนุ่มนิ่มของเพื่อนสาว
“ลีก็หาผู้ชายรวยๆ สักคนมาแต่งงานด้วยสิ” ชิดสมัยบอกพลางหัวเราะชอบใจที่เห็นวราลีทำหน้าเหมือนกินยาขม
“ใครเขาจะมารักมาชอบผู้หญิงเชยๆ ขี้เหร่อย่างลีกันล่ะ” วราลีบอกอายๆ แก้มเนียนงามแดงระเรื่อ
ชิดสมัยยิ้ม ยกมือเรียวงามขึ้นหยิกแก้มนุ่มเบาๆ
“ใครบอก ลีสวยแล้วก็น่ารักที่สุด ผู้ชายคนไหนมองข้ามก็ตาบอดแล้ว หรือไม่ก็ประสาทตาพิการแน่ๆ เชื่อไหมสิ”
“ไม่คุยกับไหมแล้ว ไปทำกับข้าวดีกว่า” มือบางดันศีรษะของชิดสมัยขึ้น แล้วเดินตัวปลิวเข้าไปในครัว เสียงหัวเราะของเพื่อนรักยังแว่วมาให้ได้ยิน วราลีแก้มแดงเข้มขึ้นไปอีก ยืนหมุนไปมาอย่างเขินอายในห้องครัวเล็กๆ ที่จัดวางของอย่างเป็นระเบียบ
หลังจากกินข้าวเสร็จ ชิดสมัยจูงมือวราลีมานั่งที่ม้านั่งไม้ริมระเบียง คืนนี้ดวงดาวกระจายอยู่เต็มท้องฟ้า วราลีมองขึ้นไปบนท้องฟ้า เป็นจังหวะเดียวกับที่ดาวตกพุ่งลงมาสองดวงพร้อมกัน
“ไหมดาวตก...ดูสิ” เธอชี้ให้เพื่อนดูอย่างตื่นเต้น
“เรามาอธิษฐานกันเถอะลี” ว่าแล้วสองสาวก็หลับตากุมมือไว้ระดับอก ทั้งสองต่างก็อธิษฐานสิ่งที่ตัวเองอยากได้ สุดท้ายคำอธิษฐานของชิดสมัยก็ดังออกมา
“สาธุ...ขอให้ลูกช้างทั้งสองพบเจอเนื้อคู่หล่อๆ รวยๆ ด้วยเถอะ จะได้เอาเงินมาช่วยแม่ครูได้”
วราลีตีลงไปบนแขนกลมกลึงของชิดสมัยเบาๆ
“ไหมอยากแต่งก็แต่งไปคนเดียวสิ ลีไม่แต่งด้วยหรอก ผู้ชายไว้ใจไม่ได้สักคน” ปลายเสียงสุดท้ายของวราลีแผ่วเบาเมื่อคิดถึงเรื่องราวของเธอและเพื่อนรัก ชิดสมัยเงียบไปสักพัก ก่อนที่จะกุมมือบางไว้
“ไหมขอโทษที่ทำให้ลีคิดมาก”
“ไม่ใช่ความผิดของไหมซะหน่อย ลีอ่อนแอเองต่างหาก” วราลีบอกน้ำตาซึม ก่อนจะโผเข้ากอดชิดสมัย
“ลี...พรุ่งนี้ไหมจะไปทำสกู๊ปบ่อนคาสิโนที่ชายแดน ถ้าไหมไม่กลับมา ฝากดูแลแม่ครูแทนไหมด้วยนะ” หญิงสาวบอกเสียงเศร้า
“ไหม ทำไมพูดเป็นลางแบบนั้น ไม่ดีนะรู้มั้ย” วราลีเอ็ดเบาๆ กุมมือบางเอาไว้ ใจหายกับคำพูดของเพื่อนรัก
“ไม่รู้สิ” ชิดสมัยบอกน้ำเสียงเศร้าๆ
“ไหมต้องกลับมาสิ ลีจะคอยไหม ไหมต้องกลับมานะ” เสียงวราลีรบเร้า ทำให้ชิดสมัยยิ้ม ยกมือบางโอบไหล่เล็กของวราลี
“กลับสิ...ก็ลีคอยไหมอยู่นี่นา”
*******************
