1.อุบายร้าย
******* ทักทายจ้า ทัณฑ์คนเถื่อน เิดเรื่องตอนแรกนะคะ ฝากติดตามด้วยคร้า*******
เสียงหัวเราะและเสียงตบมือดังสลับกับเสียงร้องและถอนหายใจของนักเสี่ยงโชค ภายในบ่อนคาสิโนที่ตั้งอยู่นอกประเทศไทย ภายในห้องที่มีการเสี่ยงโชคหลากหลายชนิดถูกจัดแยกออกเป็นสัดส่วน นักเสี่ยงโชคส่วนใหญ่เป็นผู้มีอันจะกิน มีชั้นเชิงในการเล่น และที่สำคัญต้องมีโชคช่วยด้วย
โต๊ะเสี่ยงโชคแต่ละโต๊ะมีเงินเดิมพันก้อนใหญ่วางล่อตาล่อใจยิ่งนัก หลายคนใบหน้าเคร่งเครียด หลายคนยิ้มเมื่อคิดว่าตัวเองจะได้ครอบครองเป็นเจ้าของ
เสียงเฮลั่นโต๊ะที่ตั้งอยู่ตรงกลาง ทำให้หลายคนต้องหันไปมองอย่างสนใจ เพราะเงินเดิมพันที่กองอยู่บนโต๊ะมหาศาลทีเดียว
“ตานี้ของฉันแน่นอน”
หนุ่มผมทองนัยน์ตาสีฟ้าเอ่ยออกมาอย่างมั่นใจ ส่วนผู้ชายที่นั่งอยู่ตรงข้ามยิ้มเยาะเย้ยและดูถูก
“ไก่อ่อนอย่างนาย ฝีมือยังห่างชั้นมากนัก” ริมฝีปากหนาที่ปกคลุมด้วยนวดเครารุงรังกระตุกยิ้ม
ชาร์มองคนตรงหน้า ปลายนิ้วเคาะหลังไพ่เบาๆ
“ก็ไม่แน่หรอกเค คนอย่างฉัน ถ้าไม่มั่นใจรับรองไม่ลงทุนแน่นอน” ชาร์บอกอย่างเยือกเย็น ชายหน้าเหี้ยมที่ยืนอยู่ด้านหลังเจ้านายตัวเองต่างลุ้นระทึกไปพร้อมกันอย่างใจจดจ่อ เพราะทุกอย่างมันหมายถึงศักดิ์ศรี
“ห้าสิบ ห้าสิบ” เคเริ่มเจรจาธุรกิจทันที เมื่อชาร์เอ่ยถึงการลงทุนในคาสิโนแห่งนี้ มาโรน่ากรุ๊ปได้เข้าซื้อกิจการของที่นี่ด้วยวงเงินมหาศาล เมื่อเทียบกับผลกำไรและเม็ดเงินที่จะได้ ทำให้มาโรน่ากรุ๊ปต้องใช้เงินมากกว่าปกติ เพื่อเป็นใบเบิกทางให้ชนะการประมูล หลายกลุ่มที่แพ้การประมูลต่างก็เข้ามาขอเอี่ยวกับมาโรน่ากรุ๊ป พร้อมเสนอผลประโยชน์อื่นๆ ให้
“ยี่สิบ แปดสิบ ถ้าไม่ตกลงก็จบ” ดวงตาสีฟ้าคมมองคนที่นั่งอยู่ตรงหน้าอย่างใจเย็น
เค มาร์คสันนั่งนิ่ง ปลายนิ้วเคาะโต๊ะอย่างประเมิน ร่างสูงเพรียวของชาร์ มาโรน่าในสูทสีเข้มลุกขึ้น มือล้วงกระเป๋ากางเกงเนื้อดี นัยน์ตาสีฟ้าเหมือนจะยิ้ม ถ้าเค มาร์คสันไม่ได้เป็นเครือญาติที่มีบุญคุณกับพ่อของเขา เขาคงไม่ต้องเดินทางมาเมืองไทยก่อนกำหนด ป่านนี้คงนอนอาบแดดกอดสาวๆ อยู่ที่ไหนสักแห่ง
“นี่เป็นคำประกาศิตของพี่ชายนายหรือเปล่า” เคถามเสียงเรียบ
“พอลยังมีน้ำใจกับคนที่มีบุญคุณกับพ่อเสมอ แต่ถ้าเป็นฉัน ป่านนี้บุญคุณนั้นมันคงจบไปนานแล้ว” ชาร์บอกออกไปด้วยน้ำเสียงสุภาพ หากแววตากลับแข็งกร้าวน่ากลัว คนในตระกูลมาโรน่าและลูกน้องทุกคนต่างรู้ ว่าฉายาเทพบุตรไร้ใจที่นักลงทุนให้สมญานายใหญ่ของมาโรน่ากรุ๊ปนั้นต่างจากความจริงมากมายนัก หากนายใหญ่แห่งมาโรน่าก็ไม่คิดที่จะสนใจหรือแก้ต่าง
“นายน่าจะรู้จักพี่พอลดี ทุกอย่างมีขีดจำกัดของมันเสมอ” พูดจบชาร์ก็เดินหันหลังออกจากห้องทันที ตามด้วยชายฉกรรจ์ห้าคนที่เดินอารักขาไปติดๆ
เค มาร์คสันกระตุกยิ้มที่มุมปาก ใบหน้ายาวที่มีหนวดเครารุงรังยังคงเรียบเฉย ในใจกลับคิดถึงผลประโยชน์มากกว่ายี่สิบเปอร์เซ็นต์ที่ตัวเองจะได้ส่วนแบ่ง แต่เขาก็ไม่อยากมีปัญหาในตอนนี้ อีกไม่นานทุกอย่างที่นี่จะเป็นของเขาแต่เพียงผู้เดียว
เคยิ้มกับภาพอนาคตที่ตัวเองคิดไว้ แววตาทอประกายแวววาวอย่างคนมีความหวัง
หญิงสาวร่างสูงโปร่ง เรือนผมดำสั้นเคลียบ่า ใบหน้าสะสวย ที่สะดุดตามากที่สุดคงเป็นดวงตาคมโตดำสนิท มาดเท่และทะมัดทะแมง สวมเสื้อเชิ้ตแขนสั้นสีขาวพอดีตัวเสียบชายในขอบกางเกงยีนสีซีด สะพายกล้องและกระเป๋าเดินเข้ามาในบ้านแห่งชีวิตซึ่งเป็นสถานสงเคราะห์เด็กยากไร้และถูกทอดทิ้ง ที่นี่รับภาระเลี้ยงดูเด็กกำพร้าอีกหลายสิบชีวิตเพื่อแบ่งเบาภาระของสังคม
อาคารไม้สองชั้นหลังเก่าสีขาวถูกแบ่งออกเป็นสองส่วน ชั้นบนเป็นที่พักของครูและเด็กๆ ส่วนชั้นล่างใช้สำหรับเรียนหนังสือ ด้านหลังมีห้องครัวที่ทำเป็นเพิงสังกะสีแบบง่ายๆ สำหรับทำอาหารเลี้ยงคนที่อยู่ที่นี่ พื้นที่ที่เหลือหน้าอาคารถูกนำไปปลูกผักสวนครัวเพื่อลดค่าใช้จ่าย แม้สถานที่แห่งนี้จะมีพื้นที่ไม่มากนัก หากความเมตตาและความอบอุ่นแผ่ซ่านไปทั่วบริเวณ
“เย้! พี่ไหมมาแล้ว” เสียงเด็กๆ ร้องเรียกชื่อหญิงสาว แล้ววิ่งกรูกันเข้ามาล้อมหน้าล้อมหลัง
ริมฝีปากอิ่มยิ้มกว้าง ยกมือกอดไหล่เด็กหญิงผมเปียที่ยืนอยู่ด้านข้าง มืออีกข้างลูบศีรษะเด็กชายตัวน้อยที่ยืนอยู่ตรงหน้า
“วันนี้พี่ไหมไม่มีขนมมาฝากพวกเราเหรอคะ” เด็กหญิงผมเปียถาม ใบหน้าเต็มไปด้วยความผิดหวัง
ชิดสมัยยิ้มพร้อมกับดึงร่างน้อยเข้ามากอด
“ใครบอกไม่มีจ๊ะ แต่ต้องไปช่วยพี่ไหมถือด้วยนะ เพราะขนมเยอะมากขอบอกจ้าเด็กๆ” ใบหน้าสวยคมยิ้มกว้างจนเห็นลักยิ้มที่อยู่ข้างแก้มนวล
“เย้ พี่ไหมใจดีที่สุดเลย ไปค่ะไปเอาขนมกันดีกว่า” เด็กหญิงผมเปียชวนเพื่อนๆ พลางดึงแขนกลมกลึงของหญิงสาวให้เดินไปที่รถ แต่แล้วก็มีเสียงเรียกดังมาจากหน้าอาคารเรียน
“เด็กๆ กวนพี่ไหมอีกแล้วเหรอ” เสียงเอ็ดดังมาจากร่างของหญิงวัยกลางคนท่าทางใจดีที่ยืนมองเด็กๆ ด้วยแววตาอบอุ่น
“สวัสดีค่ะแม่ครู” ชิดสมัยพนมมือไหว้แม่ครูหรือครูวรรณดี ใจสมาน แม่ครูของเด็กกำพร้าที่นี่ รวมไปถึงเด็กกำพร้าอย่างชิดสมัยด้วย
“หวัดดีลูก พาน้องๆ ไปเอาขนมก่อน แล้วค่อยแวะไปคุยกับแม่ที่ห้องทำงานก็ได้” รอยยิ้มและแววตาแห่งความเมตตาถูกส่งผ่านไปให้เด็กๆ และหญิงสาว
เสียงหัวเราะและเสียงพูดคุยดังสลับกันอย่างมีความสุข ทุกครั้งที่ชิดสมัยกลับมาเยี่ยมที่นี่ มักจะซื้อขนมและของใช้ที่จำเป็นมาให้เด็กๆ และช่วยหาเงินเพื่อช่วยเหลือเรื่องค่าใช้จ่ายที่เพิ่มมากขึ้นทุกวัน....
***************************************************************************************
