12 คำขอ
หลังจากวันนั้นที่ชลธีบอกว่าจะมากินข้าวเที่ยงด้วยนับแต่มื้อนั้นเข้าก็แวะมาฝากท้องกับพิมพกานต์เสมอ พร้อมกับมาคอยนอนเฝ้า
จนตอนนี้ขาเธอหายดีแล้วเขาก็ยังไม่ยอมกลับไป ยังคงมาหา มากินข้าวด้วยอยู่ตลอด แถมยังขอนอนเป็นเพื่อนเธอ โดยอ้างว่ากลัวเธอจะเหงา
แม้ว่าบางวันเขาจะมีงานทำให้มานอนด้วยดึกไปบ้างแต่เขาก็มาอยู่ทุกวัน ส่วนเรื่องงานในตอนแรกนั้นเขาบอกว่าเธอคุณธีร์เจ้าของเกาะนั้นให้เธอไปทำงานที่ฟาร์มมุก ต้องตากแดดตากลม แต่เขาไปขอร้องคุณธีร์เจ้าของเกาะให้เธอแล้ว ว่าให้เธอทำอาหารที่โรงครัวก็พอ ซึ่งงานก็ไม่ได้หนักอะไรมาก เพราะคนงานที่นี่ไม่เยอะ
“วันนี้พี่คงไม่ได้มานอนกับข้าวนะพี่ต้องขึ้นฝั่ง” คำพูดสองแง่สองง่ามดังขึ้นบอกหญิงสาวที่กำลังพับผ้าใส่ตะกร้า โดยที่เขานั้นนั่งพิงผนังมองเงียบ ๆ อยู่ใกล้ ๆ เพราะเธอไม่ยอมให้ช่วย
“ไม่เป็นไรค่ะ...อีกอย่างพี่ธีร์ไม่ได้นอนกับข้าวสักหน่อย พี่ธีร์นอนเฝ้าข้าวข้างนอกต่างหาก”
“แล้วถ้านอนด้วยได้ไหมครับ”
“พี่ธีร์!” จากที่กำลังพับผ้าอย่างตั้งใจก็หันมาหาเขาในทันที
“พี่จริงจังนะ” ว่าจบก็มองลึกเข้าไปในดวงตาคู่สวยของหญิงสาวตรงหน้า
“ระ เราไม่ได้เป็นอะไรสักหน่อย จะมานอนด้วยกันได้ยังไงคะ” พูดจบก็หันไปหนีไม่สบตาเขา
“ถ้าอย่างนั้นเป็นแฟนกับพี่นะ...ไม่สิแต่งงานกันนะ...”
“พี่ธีร์...” ได้ยินเขาพูดแบบนั้นก็หันกลับมามองเขาอีกครั้ง ด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยคำถาม
“มันไม่เร็วไปหรอคะ เราพึ่งรู้จักกันไม่ถึงเดือนเลย...อีกอย่างข้าวก็ต้องกลับไปเรียนต่อด้วย” พิมพกานต์บอกเขา เรื่องที่เธอมาที่นี่ด้วยความเข้าใจผิด และเรื่องราวของเธอตอนนี้อยู่ที่กรุงเทพหลายเรื่องได้ถูกถ่ายทอดให้เขารับฟัง รวมถึงเรื่องเรียนด้วย
“สำหรับพี่มันช้าด้วยซ้ำ อายุพี่ก็ไม่ใช่น้อย ๆ แล้ว เพื่อนฝูงก็ทยอยมีลูกมีครอบครัวกันหมดแล้ว” ระหว่างที่พูดมือหนาก็เอื้อมไปดึงมือบางเธอมากุมไว้ ก่อนจะพูดต่อ
“พี่ไม่อยากปล่อยให้เวลาผ่านไปเฉย ๆ ในเมื่อพี่เจอคนที่พี่คิดว่าพี่จะใช้ชีวิตอยู่ด้วยแล้ว...พี่ก็อยากเริ่มใช้ชีวิตกับเธอคนนั้นเลย ถ้าเราเริ่มตั้งแต่ตอนนี้เราก็จะได้มีเวลาอยู่กับเขานานขึ้น...ข้าวคิดว่ามันไม่ดีกว่าหรอ”
“ข้าวยังไม่ต้องให้คำตอบพี่ตอนนี้ก็ได้...ไว้พี่กลับจากฝั่งพี่จะมาเอาคำตอบนะครับ”
“ถ้าข้าวมีความรู้สึกแบบเดียวกันกับพี่...ได้โปรดอย่าปฏิเสธหัวใจของพี่เลย หัวใจของผู้ชายบ้าน ๆ ไม่มีใครต้องการดวงนี้ ช่วยพิจารณารับมันไว้ทีนะครับ...” พูดจบก็ค่อย ๆ โน้มตัวเข้าไปหาก่อนที่ริมฝีปากหนาจะทาบทับลงบนริมฝีปากนุ่มของหญิงสาวตรงหน้า เขาค่อย ๆ บดเบียดอย่างใจเย็นใจในที่สุดเธอก็ยอมเปิดปากให้เขาเข้าไปลิ้มชิมความหวานภายใน ก่อนจะฮึมฮัมอย่างพึงพอใจ
ด้านคนที่ถูกรุกก็เอนอ่อนไปตามเขาโดยง่าย ด้วยเพราะอ่อนด้อยประสบการณ์ที่เรียกได้ว่าติดลบก็ยังได้ แขนเรียวยกขึ้นคล้องคอแกร่งเขาไว้อย่างอัตโนมัติ ทั้งคู่จูบกันอยู่นานกว่าชลธีจะยอมผละออก
“แฮ่ก” พอเขาผละออกพิมพกานต์ก็หอบหายใจเฮือกใหญ่ทันที ก่อนจะเดินหนีเขาไปทางอื่น แต่ก็ถูกเขาคว้าข้อมือไว้ ทำให้ไปไหนไม่ได้ ได้แต่ยืนก้มหน้าหลบสายตาเขาอยู่แบบนั้น
“พี่จะกลับมาเอาคำตอบนะครับ” ชลธีกดจูบเบา ๆ บนกลุ่มผมนุ่มของหญิงสาวตรงหน้าอย่างถือวิสาสะ ก่อนจะเดินออกไป
“คนบ้า มาทำแบบนี้ข้าวก็เขินเป็นนะ”
หลังจากวันนั้นก็ผ่านมาแล้วสามวันที่คนบอกว่าจะกลับมาเอาคำตอบนั้นหายไป คนที่เคยมีเขาอยู่ด้วยในทุก ๆ วัน และเกือบทุกช่วงเวลา ก็รู้ซึ้งแล้วว่าเธอนั้นโหยหาและต้องการเขามากเพียงใด กับข้าวทุกมื้อที่ตั้งใจทำให้เขา ที่มีเขาคอยตักทานจนหมด แม้ว่าจะเป็นอาหารบ้าน ๆ ธรรมดา ๆ หรือแม้แต่บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปเขาก็กินมัน แต่พอไม่มีเขาไม่ว่าจะทำอะไรทานก็แทบเหลือทิ้งอยู่เสมอ
เวลาผ่านไปเพียงแค่สามวันเธอรู้สึกได้ว่าตัวเองนั้นน้ำหนักลดลงถึงจะไม่ได้ชั่งก็ตาม แม้โดยปกติจะเป็นคนกินน้อยอยู่แล้ว พอเป็นแบบนี้เธอแทบไม่อยากทานอะไรเลย
“การรักใครสักคนมันเป็นแบบนี้สินะ” กินไม่ได้ นอนไม่หลับเพราะเอาแต่คิดถึงเขา เอาแต่เป็นห่วงเขา ผู้ชายที่เข้ามาในชีวิตเธอไม่ถึงเดือนแต่เขากลับมีอิทธิพลต่อใจเธอมากมายเหลือเกิน
“มีอะไรรึเปล่าหนูข้าว ป้าว่าช่วงนี้หนูดูเหม่อ ๆ นะ” สายหยุดร้องถามระหว่างทำอาหารด้วยกัน โดยปกติเธอนั้นทำให้แค่ชลธีทานคนเดียว แต่ตอนนี้นายหัวหนุ่มไม่อยู่ ด้วยเพราะไม่อยากอยู่เฉย ๆ จึงมาช่วยโรงครัวที่พิมพกานต์ทำงานอยู่ ในตอนแรกเธอก็คิดว่าพิมพกานต์จะไปทำงานที่ฟาร์มมุกเสียอีก แต่พอเห็นว่าขาหายเจ็บแล้วได้มาทำที่โรงครัว
เธอก็โล่งใจ ผิวขาวเนียนอมชมพูสุขภาพดี ถ้าโดดแดดมาก ๆ เธอกลัวเหลือเกินว่ามันจะไหม้เอา แม้คุณหนอแม่คุณ ทำไมถึงได้เป็นคนสวยหวานน่าทะนุถนอมถึงเพียงนี้
“ไม่มีค่ะป้าสาย ข้าวแค่คิดอะไรเรื่อยเปื่อย”
“คงจะคิดเรื่องกลับบ้านสินะ อีกสี่วันก็จะมีเรือกลับฝั่งแล้ว”
“ค่ะ...” เสียงหวานเอ่ยตอบไปอย่างเลื่อนลอย นั่นสิอีกสี่วันก็จะมีเรือกลับฝั่งแล้ว... แต่ใครบางคนยังไม่กลับมาสักที จะถามกับป้าสายหรือกับใครเธอก็ไม่กล้า... สุดท้ายเธอก็ได้แต่นั่งรอเขาทุกเช้าเย็นแบบนี้ รอว่าเมื่อไหร่เขาจะกลับมาหา มาเอาคำตอบอย่างที่เขาบอก...
ในตอนนี้เธอตัดสินใจได้แล้ว...เธอเลือกเขา เธอจะยอมทิ้งความฝันเพื่ออยู่กับเขา ผู้ชายที่เธอรู้ตัวแล้วว่าเธอนั้นรักเขามากแค่ไหน
เด็กกำพร้าที่โหนหาความรักและครอบครัวมาตลอดอย่างเธอ ก็ได้แต่หวังว่าการตัดสินใจในครั้งนี้จะเป็นสิ่งที่ถูกต้อง
“ไม่ทำอะไรกลับไปกินที่บ้านหรอหนูข้าว” สายหยุดเอ่ยถามหญิงสาวที่กำลังเก็บของเตรียมจะกลับบ้านพักของตน
“ไม่เป็นไรค่ะป้าสาย เดี๋ยวข้าวไปทำที่บ้านทานเอาค่ะ”
“ถ้าอย่างนั้นเอาพักกับปลาพวกนี้ไปทำกินนะ” ว่าจบก็หยิบจับทั้งปลาและผักใส่ถุงให้พิมพกานต์
“ที่ป้าสายให้ครั้งที่แล้วยังเหลืออยู่เลยค่ะ” พิมพกานต์ตอบ เธออยู่คนเดียวแถมเป็นคนกินไม่เยอะอยู่แล้วของจะเหลือเยอะก็ไม่แปลก แต่ถ้าเขามาทานด้วยเธอก็จะรับไว้อยู่หรอก เพราะเขานั้นกินเก่งมาก อีกอย่างเธอก็อยากทำเมนูหลากหลายให้เขาได้ทาน เธออยากอวดฝีมือการทำอาหารของเขาได้เห็นว่าเธอนั้นทำอร่อยมากแค่ไหน อยากให้เขาติดใจในรสมือของเธอ อยากให้เขาเอ่ยปากชมว่ากับข้าวของเธอนั้นอร่อย...และอยากให้เขากลับมากินข้าวด้วยอีกไว ๆ
“งั้นถ้าหมดบอกป้านะ นายหัวของที่นี่ใจดี ขาดเหลืออะไรบอกป้าได้ เดี๋ยวป้าจะไปบอกนายหัวให้”
“ค่ะ ขอบคุณนะคะ”
“ถ้าอย่างนั้นข้าวขอตัวกลับก่อนนะคะ” สองมือยกขึ้นไหวหญิงวัยกลางคนตรงหน้า ก่อนจะส่งยิ้มให้และเดินกลับบ้านหลังน้อยของตัวเองไป
“น้ำไม่ไหลหรอเนี่ย” คนที่ตั้งใจจะอาบน้ำให้สดชื่น หลังจากทำงานเหนื่อยมาทั้งวันบ่นอุบ ก่อนจะตัดสินใจเก็บอุปกรณ์ใส่ตะกร้าอาบน้ำเพื่อไปอาบที่น้ำตก เพราะถ้ามัวแต่นั่งคิดนานกว่านี้มีหวังฟ้ามืดก่อนเป็นแน่
“น้ำเย็นจัง” ทันทีที่หย่อนขาลงน้ำ ขนกายก็ลุกซู่ในทันที
“รีบอาบรีบกลับก็แล้วกัน”
“ตอนนี้พี่ธีร์จะทำอะไรอยู่นะ...จะคิดข้าวบ้างรึเปล่า” ระหว่างถูตัวไปก็บ่นคิดถึงเขาไป
“คิดถึงครับ คิดถึงจนจะเป็นบ้าอยู่แล้ว”
“จริงหรอคะ” เสียงหวานเอ่ยถามกลับไปอย่างเลื่อนลอย
“จริงครับ ไม่เชื่อก็หันมามองสิครับ จะได้รู้ว่าหน้าคนคิดถึงเราทุกลมหายใจเป็นยังไง”
“คะ? ...พี่ธีร์!!”
