บท
ตั้งค่า

บทที่ 5 เพื่อนซี้

กวนโย่วซวงเยาะเย้ยในใจเบา ๆ ขณะที่เดินตามฝูงชนไปอย่างเป็นธรรมชาติ

“โย่วซวง!” เสียงสดใสของหญิงสาวเรียกขึ้น

กวนโย่วซวงหันกลับไป ก็เห็นเหลียงอวี้ถิงที่ถักเปียสองข้างกำลังวิ่งเข้ามาด้วยรอยยิ้ม

เหลียงอวี้ถิงเป็นเพื่อนสมัยเด็กของกวนโย่วซวง เป็นเพื่อนซี้ของเธอ และเป็นคนเดียวที่ปฏิบัติกับเธอดี

ในนิยายต้นฉบับ เด็กสาวที่ใสซื่อคนนี้ไม่ต้องการเรียนต่อหลังจากจบชั้นมัธยมต้น เธออยู่บ้านช่วยพ่อแม่ทำงานมาตลอด

เมื่ออายุ 22 ปี เธอได้คบกับหลิวเผิงเฉิง ชายหนุ่มจากหมู่บ้านอื่น ต่อมาถูกผู้ชายคนนี้หลอกพาไปทำงานที่ต่างมณฑล และถูกขายให้กับพวกค้ามนุษย์

ในนิยายไม่ได้เขียนถึงเรื่องราวของเธอต่อจากนั้น จึงไม่มีใครรู้ว่าเธอเป็นตายร้ายดีอย่างไร

“อวี้ถิง เธอมาทำอะไรที่นี่?”

“มาเดินเล่นน่ะสิ” เหลียงอวี้ถิงเบะปากแล้วชกเบา ๆ ที่ไหล่เพื่อนซี้ “เธอเนี่ยนะ มาตลาดนัดแต่ไม่ยอมชวนฉันเลย”

“ขอโทษนะ อย่าโกรธเลย ฉันจะเลี้ยงบะหมี่เย็นเธอเอง”

“พอแล้วน่า ฉันจะไปโกรธเธอได้ยังไง? แล้ววันนี้เธอไปเอาเงินมาจากไหนล่ะ?”

เหลียงอวี้ถิงดึงเธอออกมา ยืนอยู่ในตำแหน่งเดิมของเธอ แล้วพูดว่า “โต๊ะนั้นกำลังจะกินเสร็จแล้ว เธอไปจับจองที่นั่งก่อนนะ เดี๋ยวฉันไปซื้อเอง”

กวนโย่วซวงรู้สึกตื้นตันในใจ

เจ้าของร่างเดิมไม่เคยมีเงินค่าขนมเลย นั่นเป็นเรื่องจริง

ดังนั้นเจ้าของร่างเดิมจึงไม่ค่อยได้เดินเล่นในตลาดนัด นาน ๆ ครั้งที่เหลียงอวี้ถิงจะชวนไป สิ่งเล็ก ๆ น้อย ๆ อย่างกิ๊บติดผมหรือขนมขบเคี้ยว เหลียงอวี้ถิงจะเป็นคนจ่ายให้ทั้งหมด

ครอบครัวของเหลียงอวี้ถิงก็ไม่ได้ร่ำรวย แต่พ่อแม่รักเธอมาก มักจะให้เงินค่าขนมครั้งละหนึ่งหรือสองหยวน

ส่วนหลิวเผิงเฉิงผู้ชายคนนั้นก็มักจะให้ของขวัญเล็ก ๆ น้อย ๆ กับเธอเป็นบางครั้ง

กวนโย่วซวงจึงไม่ยืนกรานอีกต่อไป และเชื่อฟังคำสั่งโดยไปจับจองที่นั่ง

“โย่วซวง ของใช้ของเธอเตรียมไปถึงไหนแล้ว? ยังมีอะไรที่ต้องซื้ออีกไหม?”

เหลียงอวี้ถิงวางบะหมี่เย็นหนึ่งชามลงตรงหน้ากวนโย่วซวง พอเธอนั่งลงข้าง ๆ เธอก็แบ่งส่วนของตัวเองให้กวนโย่วซวงอีกครึ่งหนึ่ง

“หือ? อะไรเหรอ?”

“เธอโง่ไปแล้วเหรอ? ก็ของสำหรับแต่งงานน่ะสิ”

“อ๋อ ยังเลย ฉันกำลังจะเตรียมไปซื้อเอง”

“ซื้อเองดีแล้วล่ะ ฉันพูดแล้วเธออย่าโกรธนะ ฝีมือแม่เธอเย็บอะไรออกมาฉันก็ไม่ชอบเลยสักอย่าง ว่าแต่ แม่เธอให้เงินเธอเท่าไร?”

“แม่ไม่ได้ให้ ฉันเก็บเงินเอง”

“อย่ามาล้อเล่นน่า เธอไม่ใช่ผู้ใหญ่ แล้วจะเก็บเงินได้ยังไง?”

เหลียงอวี้ถิงพูดอย่างจริงจังว่า “ฉันมีอยู่ร้อยกว่าหยวน และฉันยังสามารถไปยืมจากพ่อแม่ได้อีกนิดหน่อย รวมกันสองร้อยหยวนน่าจะพอไหม?”

มีผู้คนอยู่มากมาย กวนโย่วซวงจึงไม่สะดวกที่จะเอาเงินออกมาให้เพื่อนซี้ดู ทำได้เพียงพูดคลุมเครือว่าพอแล้ว และบอกให้เธอกินบะหมี่เย็นก่อน

บะหมี่เย็นหนึ่งชามที่กินลงไป กวนโย่วซวงรู้สึกเหมือนไม่ได้กินอะไรเลย

ถ้าเพื่อนซี้ไม่มา เมื่อกี้เธอคงอยากซื้อสองถึงสามชาม แต่ตอนนี้ เธอรู้สึกละอายใจที่จะให้เพื่อนซี้ต้องใช้เงินเพิ่ม

“อวี้ถิง เธอมีแผนอื่นอีกไหมหลังจากนี้?”

“หลิวเผิงเฉิงบอกว่าจะพาฉันไปดูงิ้วที่หลี่ผิง” เหลียงอวี้ถิงพูดอย่างเขินอาย ใบหน้าของเธอเปี่ยมไปด้วยความสุขแบบเด็กสาว

กวนโย่วซวงใจเต้นตุบ ๆ ในนิยายต้นฉบับมีฉากนี้อยู่

หลิวเผิงเฉิงพาเหลียงอวี้ถิงไปดูงิ้วที่หลี่ผิง ซึ่งอยู่ห่างออกไปประมาณ 50 กิโลเมตร ล่อลวงให้เธอมีความสัมพันธ์ทางกาย หลังจากนั้นเหลียงอวี้ถิงก็ถูกเขาบงการ

ในเมื่อรู้เรื่องราวแล้ว เธอจะทนเห็นเพื่อนซี้ของเจ้าของร่างเดิมเดินตามเส้นทางนี้ได้อย่างไร

แต่ด้วยสถานการณ์ในปัจจุบัน ก็ไม่สามารถบอกแผนการร้ายนี้ให้เพื่อนซี้รู้ได้โดยตรง ท้ายที่สุดแล้ว ในนิยายต้นฉบับ เจ้าของร่างเดิมก็มองคู่รักคู่นี้ในแง่ดีมาก

“เธอเนี่ยรักผู้ชายมากกว่าเพื่อนจริง ๆ!” กวนโย่วซวงแสร้งทำเป็นเสียใจ “เดิมทีฉันอยากให้เธอช่วยเลือกสินสอดทองหมั้นให้หน่อย”

เหลียงอวี้ถิงคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วพูดอย่างหนักแน่นว่า “อย่าเสียใจเลยนะ ฉันจะไปเป็นเพื่อนเธอเอง เธอรอฉันเดี๋ยวนะ ฉันจะไปบอกหลิวเผิงเฉิงก่อน”

“ไปกันเถอะ ผู้ชายคนเดียวเอง เธอจะสนใจมากทำไม? เดี๋ยวฉันจะอธิบายให้เขาฟังเอง”

พูดจบ กวนโย่วซวงก็ดึงมือของเหลียงอวี้ถิง แล้วเดินไปที่สถานีขนส่ง “เราจะไปที่ตัวอำเภอ”

“ไปตัวอำเภอ?”

“อืม” กวนโย่วซวงหยิบเงินหนึ่งพันหยวนออกมา แล้วพูดว่า “พอสำหรับให้เราใช้จ่ายแล้วมั้ง”

เหลียงอวี้ถิงตกตะลึงชั่วขณะ หลังจากนั้นเธอก็จับแขนของกวนโย่วซวงอย่างร้อนรนว่า

“โย่วซวง เธอขโมยเงินสินสอดมาใช่ไหม? แม่เธอรู้จะตีเธอตายเลยนะ รีบเอาไปคืนเถอะ”

“ขโมยเงินสินสอดอะไรกัน ฉันจะหน้าด้านขนาดนั้นเลยเหรอ? นี่เป็นเงินของฉันเอง”

“เธอ...เธอไปเอาเงินมากมายขนาดนี้มาจากไหน?”

กวนโย่วซวงรู้ว่าอธิบายในตอนนี้ก็คงไม่ชัดเจน แถมถึงจะอธิบาย เรื่องราวที่เหลือเชื่อของเธอคงไม่มีใครเชื่อ เธอจึงตัดสินใจบอกว่า

"ฉันเก็บมาได้"

คราวนี้ เหลียงอวี้ถิงก็โล่งใจในที่สุด “ฉันรู้ว่าโย่วซวงโชคดีที่สุดแล้ว ดูสิ ขนาดแม่เธอไม่อยากเตรียมสินสอดให้ พระเจ้ายังทนไม่ไหวเลย ไปกันเถอะ เราต้องซื้อสินสอดทองหมั้นที่หรูหราที่สุดเลย”

ณ แผนกเอกสารสำนักงานการไฟฟ้าและการประปา อำเภอถง

กู้เอ่อหรงกำลังก้มหน้าก้มตาเขียนข้อมูล

เขาสวมเสื้อเชิ้ตสีเทาที่ซีดจางเล็กน้อยทับเสื้อแขนสั้นสีขาว แขนเสื้อเชิ้ตถูกพับขึ้นอย่างไม่ใส่ใจ เผยให้เห็นแขนสีผิวแทน

เขาตัดผมสั้นแบบนักเรียนชาย มองจากด้านข้าง คิ้วของเขาเข้มดกดำ จมูกโด่งเป็นสัน

“ไปกันเถอะ พี่หรง เดี๋ยวโรงอาหารจะปิดแล้ว” เซี่ยหย่วนหางที่อยู่ตรงข้ามวางปากกาลง ยืนขึ้นบิดขี้เกียจ

“นายไปก่อนเลยนะ เดี๋ยวฉันออกไปกินข้างนอก ฉันต้องขอลาหยุดในอีกไม่กี่วัน เลยต้องรีบเขียนข้อมูลชุดนี้ให้เสร็จ”

กู้เอ่อหรงเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย ขนตายาวเคลื่อนไหวตามดวงตารูปดอกท้อชวนมอง

“โธ่เอ๊ย จะแต่งงานแล้ว ก็เลยมีแรงฮึดใช่ไหม?” เซี่ยหย่วนหางพูดเย้าแหย่ “ระวังหน่อยนะ อย่ามัวแต่ลุ่มหลงเมียจนลืมตื่นเชียวล่ะ”

“ไปให้พ้นเลย” กู้เอ่อหรงหัวเราะแล้วหยิบหนังสือข้างมือขึ้นมาตีเขา

“ได้ ๆ พี่ทำงานต่อเถอะ เดี๋ยวฉันจะซื้อกลับมาให้”

กู้เอ่อหรงปิดปลอกปากกา ยืนขึ้นแล้วพูดว่า “ไปเถอะ ไปกินข้างนอกด้วยกัน ฉันเลี้ยงเอง”

“อย่างนี้สิถึงจะถูก” เซี่ยหย่วนหางตบกู้เอ่อหรงที่สูงกว่าเขา 10 เซนติเมตร “ในที่สุดก็พูดจาเป็นผู้เป็นคนบ้าง”

เพราะรูปลักษณ์ที่โดดเด่นและมีบุคลิกที่ดี กู้เอ่อหรงจึงได้รับเลือกให้ไปเป็นทหารหลังจากจบชั้นมัธยมปลาย

หลังจากปลดประจำการเมื่อปีที่แล้ว เนื่องจากเขาเคยสร้างความดีความชอบในระหว่างรับราชการทหาร และมีความสามารถในการเขียนเอกสาร

หัวหน้าเก่าของเขาจึงแนะนำให้เขามาทำงานที่การไฟฟ้าและการประปา

การไฟฟ้าและการประปาจะมีการจัดสรรบุคลากรเป็นประจำทุกปี แต่ตอนที่กู้เอ่อหรงมาถึง มันเพิ่งจะผ่านช่วงเวลานั้นไป ดังนั้นเขาจึงยังไม่ได้รับตำแหน่งราชการถาวรชั่วคราว

แต่หัวหน้าแผนกของเขายอมรับในตัวเขามาก และบอกว่าจะแนะนำให้เขากลายเป็นข้าราชการประจำอย่างแน่นอนในเดือนสิงหาคมปีนี้

กู้เอ่อหรงไม่ได้ชอบหรือเกลียดงานนี้เป็นพิเศษ แต่เขาเป็นคนซื่อสัตย์ เมื่อหัวหน้าเก่าช่วยแนะนำงานนี้ให้เขา เขาก็จะทำมันให้ดีที่สุดอย่างแน่นอน

นอกจากนี้ งานนี้ยังให้รายได้แก่เขามากกว่า 50 หยวนต่อเดือน

รายได้ทั้งปีของครอบครัวบ้านเกิดเขา ยังไม่ถึง 50 หยวนเลย

และหัวหน้าก็บอกว่า หลังจากได้รับตำแหน่งราชการถาวร เงินเดือนก็จะเพิ่มขึ้นอีกหลายสิบหยวนด้วย

ที่สำคัญกว่านั้นคือ เขาได้พบเพื่อนที่ดีที่สุดในชีวิตที่นี่ นั่นก็คือเซี่ยหย่วนหาง

เซี่ยหย่วนหางเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยจากต่างมณฑล หลังจากจบการศึกษาเมื่อสองปีก่อน เขาก็ถูกจัดสรรมาที่การไฟฟ้าและการประปาแห่งนี้

เนื่องจากอยู่ไกลบ้านมาก เขาจึงไม่ค่อยกลับบ้าน ยกเว้นช่วงตรุษจีน

หลังจากกู้เอ่อหรงมาถึง เขาก็ให้ความช่วยเหลือเขามาโดยตลอด ไม่เพียงแต่ให้คำแนะนำในการทำงานเท่านั้น แต่ยังช่วยเหลือเรื่องความเป็นอยู่ด้วย

และทั้งสองก็ค่อย ๆ กลายเป็นเพื่อนซี้กัน

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel