บท
ตั้งค่า

บทที่ 4 ซุบซิบนินทา

“แม่คะ ดูนี่อีกอย่างสิคะ” กวนเหล่ยเปิดถุงพลาสติกเล็ก ๆ อีกถุง

“ผ้าคลุมหน้าเจ้าสาวสีแดงเข้าชุดกันค่ะ”

จางไฉ่เหอสัมผัสพู่ไหมบนผ้าคลุมหน้า พลางถอนหายใจด้วยความซาบซึ้งว่า

“พวกแกนี่ช่างโชคดีจริง ๆ ตอนที่แม่แต่งงานเข้ามาใหม่ ๆ จะไปมีของพวกนี้ที่ไหนกัน? ใช้แค่ผ้าขนหนูสีแดงคลุมหัวก็ออกเรือนแล้ว”

กวนเหล่ยเหลือบมองกวนโย่วซวงที่อยู่ข้าง ๆ ทำท่าทางเสียใจเล็กน้อยแล้วพูดว่า “ตอนแรกฉันตั้งใจจะซื้อให้พี่สาวด้วยชุดหนึ่ง แต่ร้านนั้นเหลือแค่ชุดเดียวแล้วค่ะ”

“ฉันไม่ใช้หรอก” กวนโย่วซวงยิ้มเล็กน้อยอย่างเฉยเมย “ฉันไม่ให้ความสำคัญกับพิธีรีตองพวกนี้”

“อืม รูปร่างแกก็พอ ๆ กับฉันนะ ใส่ชุดของฉันไปเถอะ ฉันก็ใส่แค่ครั้งเดียวเอง เก็บไว้ก้นหีบมาตลอด ใหม่มากเลยนะ” จางไฉ่เหอพูดโดยไม่หันกลับไปมอง

กวนโย่วซวงนึกถึงภาพร่างเดิมที่ต้องสวมชุดเจ้าสาวเก่า ๆ ที่ไม่พอดีตัวเอาเสียเลย จึงเผลอหัวเราะออกมา

“แกหัวเราะอะไร?” จางไฉ่เหอตวาด

“ไม่มีอะไรค่ะ ชุดเจ้าสาวสวยดี พวกคุณลองกันไปก่อน ฉันขอออกไปข้างนอกหน่อย”

“แกจะไปไหน?”

จางไฉ่เหอนึกถึงธนบัตร 100 หยวนที่เธอเพิ่งเห็นกวนโย่วซวงถือไว้ แล้วพูดว่า

“ผ้าห่มแม่ก็เย็บเสร็จหมดแล้ว ที่บ้านยังมีผ้าอีกสองผืน แกก็เอาไปด้วย ส่วนกาต้มน้ำกับกะละมังก็จะมีญาติเอามาให้ ไม่มีอะไรต้องเตรียมอีกแล้วนะ อย่าใช้เงินสุรุ่ยสุร่าย”

“แม่คะ แม่ไม่ได้บอกว่าผ้าผืนนั้นเป็นของฉันเหรอคะ?” กวนเหล่ยกระซิบถาม

“ของแกเดี๋ยวแม่จะพาไปซื้อที่ร้าน ผืนนั้นสีมันจางไป ไม่เหมาะกับแกหรอก”

กวนโย่วซวงเดินออกไปนอกประตู ก็เห็นกวนรุ่ยเจี๋ย

เขานอนอยู่บนพื้น ดิ้นรนร้องไห้ มือถูกมัดไพล่หลัง เจ้าหมูตอนเฟิงเฟิงกำลังขี่อยู่บนตัวเขา โยกไปมาอย่างแรง เด็กคนอื่น ๆ ก็ส่งเสียงเชียร์อยู่ข้าง ๆ

“ไร้สาระจริง ๆ!” กวนโย่วซวงสบถในใจเบา ๆ แล้วเดินเข้าไป คว้าตัวเฟิงเฟิงขึ้นมาอย่างง่ายดายเหมือนกับเหยี่ยวที่หิ้วลูกไก่ แล้วโยนเขาไปบนกองทรายที่อยู่ด้านข้าง

ทำให้เด็กคนอื่น ๆ ตกใจและวิ่งหนีไปหมด

“พี่ซวง”

“เธอ...เธอ...เธอทำให้ฉันเจ็บ แง!!!” เฟิงเฟิงร้องไห้เสียงดัง แล้ววิ่งกลับไปที่บ้านตัวเอง วิ่งไปพลางหันกลับมามอง “ฉันจะไปฟ้องแม่”

กวนโย่วซวงปัดฝุ่นออกจากเสื้อผ้าของกวนรุ่ยเจี๋ยอย่างไม่ใส่ใจ แล้วพูดว่า “ฉันไม่ได้บอกแกเหรอว่าถ้าคนอื่นมาตีแก แกต้องสู้กลับ ทำไมแกไม่สู้กลับล่ะ?”

“ผม...ผมสู้เขาไม่ได้” กวนรุ่ยเจี๋ยพูดตะกุกตะกัก

“แกไม่ได้สู้ หรือว่าสู้ไม่ได้กันแน่? ถ้าแกเป็นแบบนี้ ต่อไปคนที่รังแกก็จะยิ่งเยอะขึ้นเรื่อย ๆ แก...”

กวนโย่วซวงยังพูดไม่ทันจบ หวังเยว่เถาที่สวมผ้ากันเปื้อนก็จูงเฟิงเฟิงเดินเข้ามา แล้วถามเสียงดัง

“กวนโย่วซวง นี่แกจริง ๆ ด้วย! เมื่อกี้ลูกฉันบอกฉันก็ยังไม่เชื่อ ดูแกไม่ค่อยพูดจา ที่แท้ก็ใจร้ายใจดำขนาดนี้ แกนี่มันแน่จริง ๆ นะ กล้าลงไม้ลงมือกับเด็กได้ยังไง?

ดูสิ ขาลูกเฟิงเฟิงแดงไปหมดแล้ว กางเกงก็ขาดเพราะทรายบาด วันนี้ถ้าแกไม่ให้คำอธิบายที่ดีกับฉัน เราจะไปหาผู้ใหญ่บ้านให้ตัดสินกันเลย”

พูดจบเธอก็ดึงกางเกงของเฟิงเฟิงขึ้นมาดู

กวนโย่วซวงมองโดยไม่สนใจ แล้วพูดอย่างใจเย็นว่า “คุณป้าคะ ก่อนที่ป้าจะมาตำหนิคนอื่น ป้าควรจะทำความเข้าใจเรื่องราวให้ชัดเจนก่อนไหมคะ?”

“เข้าใจเรื่องราวอะไร? ขาของเฟิงเฟิงไม่ได้ถูกแกทำร้ายเหรอ?”

กวนโย่วซวงคว้าตัวกวนรุ่ยเจี๋ยมาทันที แล้วชี้ไปที่รอยข่วนบนใบหน้าของเขา แล้วพูดว่า

“ป้าไปถามลูกชายป้าก่อนสิคะว่าเรื่องนี้มันเป็นยังไงกันแน่? มีแต่ลูกชายป้าที่เป็นคนอย่างนั้นเหรอ แล้วน้องชายฉันไม่ใช่คนเหรอคะ?

หรือว่าลูกชายป้าเคยชินกับการเบ่งในหมู่บ้าน จนแม่แบบป้าทนไม่ได้ที่เห็นเขาเสียเปรียบแม้แต่นิดเดียว? อยากไปหาผู้ใหญ่บ้านให้ตัดสินจริง ๆ ใช่ไหมคะ ไปสิคะ! ดูสิว่าใครกันแน่ที่มีเหตุผล?”

หวังเยว่เถาตกตะลึง มองกวนโย่วซวงอยู่สองสามครั้ง

ลูกสาวคนโตของตระกูลกวนนี่ไปเก่งกาจขึ้นมาตั้งแต่เมื่อไรกัน?

“ก็...เด็ก ๆ เล่นกันต่อยตีกันเป็นเรื่องปกติ แกมายุ่งอะไรด้วย?”

“ใช่สิคะ! งั้นป้าที่รีบร้อนวิ่งมานี่ต้องการจะทำอะไรกันแน่คะ?”

“ช่างเถอะ ช่างเถอะ ฉันขี้เกียจพูดกับแก เรื่องนี้ให้มันจบ ๆ ไปก็แล้วกัน”

หวังเยว่เถาโบกมือ ดึงมือลูกชาย แล้วพูดเสียงดัง “ไป! ในหมู่บ้านมีเพื่อนเล่นเยอะแยะ คราวหน้าเวลาเล่นก็ระวังหน่อย”

“ขอเตือนป้าไว้เลยนะคะ ดูแลลูกชายป้าให้ดี อย่าให้มีครั้งหน้าอีก!” กวนโย่วซวงตะโกนไล่หลังพวกเขา

“แกกลับเข้าบ้านไปได้แล้ว” กวนโย่วซวงพูดกับกวนรุ่ยเจี๋ย

“พี่ครับ พี่จะไปไหน?”

“จะไปเดินเล่นที่ตลาด”

หมู่บ้านที่ครอบครัวของกวนโย่วซวงอาศัยอยู่ชื่อว่า กวนเสียกู่

หมู่บ้านนี้ค่อนข้างพิเศษ ตั้งอยู่ในทำเลศูนย์กลาง มีภูเขาและน้ำล้อมรอบ ที่สำคัญกว่านั้นคือการคมนาคมสะดวก

ถนนสายใหญ่ที่สุดในหมู่บ้านรอบ ๆ ก็อยู่ใกล้กับหมู่บ้านของพวกเขา

สิบนาทีต่อมา กวนโย่วซวงก็มาถึงตลาด

พอดีเป็นวันตลาดนัด ถนนเต็มไปด้วยผู้คนพลุกพล่านและคึกคักมาก

กวนโย่วซวงเห็นแผงขายบะหมี่เย็นเหลียงผี ที่ขายดีเป็นเทน้ำเทท่าทันที

ตามความทรงจำของร่างเดิม ร้านเหลียงผีร้านนี้มีชื่อเสียงมาก เมื่อเจ้าของร้านเปิดแผง เหลียงผีหลายร้อยแผ่นก็จะถูกผู้คนที่มาตลาดกวาดซื้อไปหมดภายในช่วงเช้า

ทุกคนไม่เพียงแต่กินเองเท่านั้น แต่ยังซื้อกลับไปให้ครอบครัวด้วย

ตอนนี้ โต๊ะเล็ก ๆ สิบตัวข้างแผงก็เต็มไปด้วยผู้คน และที่แผงเองก็มีแถวที่คดเคี้ยวอยู่ไม่น้อย

กวนโย่วซวงเดินเข้าไป กลิ่นหอมของเหลียงผีก็ลอยเข้าจมูก เธอรู้สึกว่าตัวเองกลืนน้ำลายโดยไม่รู้ตัว

เธอต่อแถวอยู่ด้านหลังเงียบ ๆ

ถ้าเป็นชาติที่แล้ว ยังมีโทรศัพท์มือถือ การเข้าคิวก็สามารถดูโพสต์หรือดูละครได้ แต่ตอนนี้ก็ทำได้แค่ดูผู้คนเท่านั้น

รู้สึกเบื่อเล็กน้อย แต่ก็มีความสบายใจจากการที่ชีวิตช้าลงด้วย

“เธอมาจากหมู่บ้านกู้เจียไถใช่ไหม? ก่อนหน้านี้ตอนไปส่งข้าวที่โรงรับซื้อข้าว ฉันเหมือนเคยเห็นเธอ”

ที่โต๊ะไม้ข้าง ๆ กวนโย่วซวง ผู้หญิงวัยกลางคนคนหนึ่งที่โพกผ้าพันคอลายดอกไม้ดูดเหลียงผีคำหนึ่งแล้วถามขึ้น

คนที่ถูกถามคือผู้หญิงวัยกลางคนผมสั้นอีกคนที่นั่งอยู่ตรงข้ามเธอ

ทั้งสองคนนั่งร่วมโต๊ะกัน

“อ๋อ ใช่ เธอมาจากหมู่บ้านไหนคะ?”

“ฉันมาจากจ้าวโกว” ผู้หญิงโพกผ้าพันคอดอกไม้กินคำหนึ่ง แล้วโน้มตัวไปข้างหน้าและกระซิบว่า “หวงชุนเยี่ยนนี่คนหมู่บ้านเธอใช่ไหม? ผู้หญิงที่แต่งงานกับกู้หรูอี้น่ะ”

“อ๋อ ใช่ค่ะ เป็นเพื่อนบ้านของเราเลย”

“ลูกชายคนเล็กของบ้านพวกเขากำลังจะแต่งงานใช่ไหม?”

“อ๋อ ใช่ ได้ยินว่าเป็นวันที่หกของเดือนนี้ คงจัดงานใหญ่โตน่าดู บอกว่าไม่เพียงแต่เชิญคนทั้งหมู่บ้านเท่านั้น แต่หมู่บ้านข้าง ๆ ก็เชิญด้วย

ลูกชายคนเล็กของเขาน่ะกินเงินเดือนราชการเลยนะ สาวตระกูลกวนจากกวนเสียกู่คนนั้นช่างมีบุญจริง ๆ”

ผู้หญิงโพกผ้าพันคอดอกไม้ยกชามซดน้ำซุปจนหมด แล้วเช็ดปากอย่างพึงพอใจ จากนั้นก็กระซิบว่า “เธอรู้ไหมว่าแต่งกับลูกสาวคนไหนของตระกูลกวน?”

“ลูกสาวคนเล็กสิคะ”

ผู้หญิงโพกผ้าพันคอดอกไม้ยิ้มเล็กน้อยแล้วพูดว่า “ฉันได้ยินมาว่าเปลี่ยนเป็นลูกสาวคนโตแล้วนะ”

“อ้าว? เปลี่ยนแล้วเหรอ?” เสียงของผู้หญิงคนนั้นดังขึ้น ทำให้คนรอบข้างหันมามอง

“เพราะเดิมทีลูกสาวคนโตคนนั้นจะแต่งงานกับจ้าวหยางในหมู่บ้านของเรา แต่ไม่รู้ทำไมถึงเปลี่ยนกะทันหัน แม่ของจ้าวหยางบอกว่าค่าสินสอดลดลงไป 200 หยวน”

“อ้าวเหรอคะ? เรื่องนี้ฉันไม่รู้เลยจริง ๆ”

“ไม่รู้ก็ไม่แปลกหรอก เหมือนเพิ่งจะเกิดขึ้นเมื่อเช้านี้เองมั้ง เอาล่ะ ฉันกินเสร็จแล้ว ขอตัวไปก่อนนะ”

ค่าสินสอดบ้านจ้าวลดลง 200 หยวน ค่าสินสอดบ้านกู้เพิ่มขึ้น 200 หยวน แม่ผู้แสนดีคนนี้ ช่างเข้าใจคำว่า “ยุติธรรม” จริง ๆ!

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel