บท
ตั้งค่า

บทที่ 13 ต้มตุ๋น

“อย่างนี้นะครับคุณตา ให้ผมติดบัญชีไว้ก่อน พรุ่งนี้ผมจะเอาเงินมาให้ได้ไหม?” จ้าวหยางกล่าวอย่างจริงใจ ก่อนจะเปลี่ยนสีหน้าเป็นกัดฟันกรอดทันที

“ถ้าผมรู้ว่าไอ้สารเลวคนไหนขโมยกระเป๋าสตางค์ผมไป ผมจะตามไปทำให้มันไม่มีวันได้ผุดได้เกิดเลยคอยดู”

“อืม...แต่ฉันไม่รู้จักพวกเธอเลยนี่นา” เถ้าแก่เฒ่ากล่าวอย่างลำบากใจ “ฉันมาช่วยลูกชายเฝ้าร้านเท่านั้นแหละ ลูกชายฉันจะตรวจนับสินค้าทุกเช้าตรู่ ฉัน...”

“คุณตาอย่าเพิ่งกังวลสิครับ ผมไม่ใช่พวกเบี้ยวหนี้ซะหน่อย ดูหน้าผมก็ไม่เหมือนคนร้ายใช่ไหมล่ะ” จ้าวหยางดูเหมือนกำลังพยายามคิดหาทางอย่างหนัก

“ผมจะเอาบัตรประชาชนวางไว้เป็นหลักประกันที่นี่ พรุ่งนี้เช้าตรู่ผมจะเอาเงินมาให้เลย ได้ไหมครับ?”

พูดพลาง จ้าวหยางก็หยิบบัตรประชาชนออกมาและยื่นให้

“พี่! บัตรประชาชนเป็นเอกสารสำคัญขนาดนั้น พี่กล้าเอามาวางค้ำประกันเหรอ? ถ้าเกิดหายไปจะทำยังไง?” ไอ้หัวทองแกล้งพูดขัดขึ้น

“ใช่ครับพี่” ไอ้หน้าบากก็เห็นด้วย

จ้าวหยางโบกมือ “คุณตาเชื่อใจเรา เราก็ต้องแสดงความจริงใจออกมาบ้าง”

จากนั้นเขาก็พูดกับชายชราอีกครั้งว่า “คุณตาครับ วางใจได้เลย บัตรประชาชนใบนี้มีข้อมูลของผมครบถ้วน ถ้าพรุ่งนี้เช้าผมไม่เอาเงินมา คุณตาสามารถเอาบัตรนี้ไปแจ้งความกับสถานีตำรวจได้เลย”

“ก็ได้...” เห็นจ้าวหยางแสดงความจริงใจเต็มที่ ชายชราก็รับบัตรประชาชนมา

ภายใต้แสงไฟสลัว ชายชราเช็ดตาที่พร่ามัวของตน ยกบัตรประชาชนออกห่าง และจ้องมองจ้าวหยางอย่างละเอียดซ้ำแล้วซ้ำเล่า

บางครั้งก็รู้สึกว่าคล้าย บางครั้งก็รู้สึกว่าไม่ค่อยเหมือน

“เธอชื่อหวังจวิน? เป็นคนหวังผิงเหรอ?”

“ใช่ครับคุณตา บ้านผมมีกันสี่คน พ่อกับแม่ แล้วก็น้องชายคนเล็ก คุณตาช่วยเก็บของสำคัญให้ผมดี ๆ นะครับ ถ้าหายไปจะลำบากมาก พรุ่งนี้เช้าตรู่ผมจะมานะครับ”

“ก็ได้” ชายชราเดินไปที่เคาน์เตอร์ด้านหน้า ดึงลิ้นชักออกและเก็บบัตรประชาชนไว้ด้านในสุด

“มาให้ทันก่อนแปดโมงเช้านะ ลูกชายฉันจะมาตรวจนับของตอนแปดโมงครึ่ง”

หลังจากออกมาจากห้องเล่นไพ่นกกระจอกแล้ว พวกเขาก็อดทนไม่ไหวอีกต่อไป และระเบิดเสียงหัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่ง

“เจ๋งไปเลยพี่จ้าว การแสดงของพี่นี่สุดยอดจริง ๆ เมื่อกี้ผมยังเชื่ออย่างสนิทใจเลย” ไอ้หน้าบากพูด

“ก็เพราะข้อมูลสอดแนมของแกมันดีนี่นา ถ้าเจอเถ้าแก่ที่เป็นลูกชายของตาแก่คนนี้เฝ้าร้านอยู่ล่ะก็ คงหลอกไม่ง่ายขนาดนี้หรอก”

“ฮ่าๆๆ ต้องโทษตาแก่คนนั้นแหละที่ตาฝ้าฟาง” ไอ้หัวทองหัวเราะพลางกระดกดื่มเบียร์อึกใหญ่

ก่อนออกจากร้าน เมื่อเดินผ่านชั้นวางสินค้า ขณะที่ชายชรากำลังทำความสะอาดอยู่ เขาก็คว้าเบียร์มาหนึ่งขวดติดมือมาด้วย

“ว่าแต่พี่จ้าว ถ้าคุณตาคนนั้นเอาบัตรประชาชนไปแจ้งตำรวจจริง ๆ พรุ่งนี้จะทำยังไงครับ? ตำรวจจะไม่ตามเบาะแสมาจับเราจริง ๆ เหรอ?” ไอ้หัวทองถาม

“ดูความขลาดของแกสิ มีความกล้าแค่นี้ยังคิดจะทำเรื่องใหญ่ บัตรประชาชนใบนั้นถูกแจ้งระงับในหนังสือพิมพ์ไปแล้วเมื่อเดือนก่อน”

“แล้วตำรวจจะไม่ใช้วิธีอื่นเหรอครับ? อย่างเช่นสอบถามลักษณะภายนอกของเรากับคุณตา อะไรทำนองนั้น โอ๊ย ตอนนี้ผมจะไปย้อมผมเลย สีเหลืองมันสะดุดตาเกินไป”

จ้าวหยางส่ายหัวอย่างมั่นใจ “สบายใจได้ ไม่มีปัญหาหรอก เมืองเล็ก ๆ ของเรานี่ไม่เหมือนเมืองใหญ่แถบชายทะเลที่มีกล้องวงจรปิดหรอก”

“เยี่ยมเลยครับ”

“เอาล่ะพวก ตอนนี้ฉันต้องกลับบ้านแล้ว ที่บ้านยังจัดไม่เรียบร้อยเลย เฟอร์นิเจอร์ก็ยังซื้อไม่ครบ พวกแกอยู่เฝ้าไซต์งานที่นี่ไว้ก่อน มีอะไรก็โทรศัพท์มาหาฉัน

แล้วก็ พรุ่งนี้วันที่สิบหก พวกแกจะมาบ้านฉัน ก็ระวังกันหน่อย คำไหนไม่ควรพูดก็ห้ามพูดเด็ดขาด เข้าใจไหม?”

“เข้าใจครับพี่”

วันรุ่งขึ้น

ที่แผนกเอกสารสำนักงานการไฟฟ้าและประปาประจำอำเภอ

เนื่องจากต้องมีการประชุมในวันจันทร์ หลิวเหนียนชิ่งจึงมาถึงเร็วมาก

ในอดีตเขาเข้ามาทำงานที่การไฟฟ้าและประปาประจำอำเภอในฐานะนักศึกษาจบใหม่ และเริ่มต้นจากแผนกเอกสารเช่นกัน

จนถึงตอนนี้เขาทำงานที่นี่มาเกือบ 20 ปีแล้ว และเป็นรองผู้อำนวยการของหน่วยงาน

เป็นผู้นำระดับสูงที่มีความสำคัญอย่างยิ่ง

หลิวเหนียนชิ่งเป็นเพื่อนที่ดีกับอดีตผู้บังคับบัญชาสมัยเป็นทหารของกู้เอ่อหรง ด้วยความสัมพันธ์นี้ เขาจึงดูแลกู้เอ่อหรงในทุกด้าน

และยังกำชับว่าหากมีปัญหาด้านการงาน สามารถรายงานตรงกับเขาได้เลย

สัปดาห์ที่แล้วเขาไปทำธุระที่ต่างจังหวัด และกลับมาในวันเสาร์ ได้ยินเลขาฯ บอกว่าช่วงนี้กู้เอ่อหรงเข้างานล่วงเวลาบ่อยครั้ง

วันนี้พอมาทำงาน เขาก็ตรงมาที่แผนกเอกสารเป็นที่แรก อยากรู้ว่าหนุ่มน้อยคนนี้กำลังวุ่นวายอยู่กับอะไร

กู้เอ่อหรงมีรอยคล้ำใต้ตาและยังคงก้มหน้าอ่านข้อมูลอย่างตั้งใจ

“เสี่ยวกู้! เมื่อคืนนายไม่ได้กลับบ้านอีกแล้วเหรอ? งานสำคัญก็จริง แต่สุขภาพคือรากฐานสำคัญของเราเหมือนกันนะ!”

“ขอบคุณท่านรองหลิวที่เป็นห่วงครับ” กู้เอ่อหรงลุกขึ้นยืนและยื่นรายงานที่เขาเขียนให้ด้วยความเคารพ

“นี่คือรายงานความเป็นไปได้เบื้องต้นของโครงการจัดสรรแหล่งน้ำ ผมเขียนเสร็จแล้ว กำลังจะนำไปให้ท่านตรวจสอบพอดีครับ”

“โอ้? โครงการนี้ฉันรู้ดี เป็นโครงการที่หน่วยงานของเราให้ความสำคัญในปีนี้ สัปดาห์ที่แล้วฉันไปประชุมที่ฉงชิ่ง ยังได้พูดคุยกับผู้นำที่นั่นเกี่ยวกับโครงการของเราด้วย”

หลิวเหนียนชิ่งพยักหน้าหลายครั้ง “พวกเขาให้ความสนใจโครงการนี้มาก คาดว่าเดือนหน้าจะมาตรวจสอบพื้นที่จริง”

“แต่จากข้อมูลในอดีต รวมกับการวิเคราะห์ตำแหน่งทางภูมิศาสตร์ของเรา ความเป็นไปได้อยู่ที่ 50% เท่านั้นครับ” กู้เอ่อหรงกล่าว

หลิวเหนียนชิ่งมองกู้เอ่อหรงด้วยความชื่นชม

แน่นอนว่าเขารู้ว่าโครงการนี้ยากที่จะดำเนินการ ก่อนการจัดตั้งโครงการ พวกเขาเคยจัดบุคลากรที่เกี่ยวข้องมาพูดคุยกันแล้ว

แต่ส่วนใหญ่เอาแต่พูดจาโอ้อวด พูดตามน้ำไปวัน ๆ บอกว่าไม่มีปัญหาและมีความมั่นใจเต็มเปี่ยม

เขาชอบคนหนุ่มสาวที่ยึดมั่นในความจริงเช่นนี้

“อืม ฉันจะพิจารณาเรื่องนี้” หลิวเหนียนชิ่งพยักหน้าและพูดด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม

“ท่านรองหลิวครับ ผมมีเรื่องจะเรียนให้ทราบอีกเรื่องคือ ผมจะแต่งงานในวันพฤหัสบดีนี้ครับ ที่บ้านยังมีของหลายอย่างที่ยังไม่ได้เตรียม ผมเลยอยากจะขอลาพักร้อนหนึ่งสัปดาห์

เริ่มตั้งแต่บ่ายวันนี้เป็นต้นไปครับ”

“โอ้? เสี่ยวกู้จะแต่งงานแล้วเหรอ? นี่เป็นเรื่องมงคลยิ่งนัก! ทำไมไม่เคยได้ยินนายพูดถึงเลย สาวบ้านไหนกันนะที่โชคดีถึงขนาดนี้?”

กู้เอ่อหรงกล่าวอย่างเขินอาย “ท่านพูดเกินไปแล้วครับ เป็นสาวจากหมู่บ้านข้าง ๆ บ้านผมครับ การได้พบกับผู้หญิงที่ดีขนาดนี้เป็นโชคดีของผมต่างหาก”

หลิวเหนียนชิ่งมองกู้เอ่อหรงอย่างสนใจ

ตั้งแต่หนุ่มคนนี้มาทำงานที่การไฟฟ้าและประปาประจำอำเภอ เขาก็กลายเป็นจุดสนใจของหน่วยงานไปเลย เขาทั้งสูงและหล่อเหลา ทำงานได้รวดเร็วและดีเยี่ยม

แถมยังมีความสามารถทางศิลปะเป็นเลิศ ทั้งเป่า ร้อง เล่น ดนตรี ทำได้ทุกอย่าง

มีสาวสวยมากมายในหน่วยงานที่ชื่นชอบเขา แม้แต่สาว ๆ ที่มีทะเบียนบ้านในเมืองก็พยายามทุกวิถีทางเพื่อเข้าใกล้เขา

แต่หนุ่มคนนี้ก็แสดงออกอย่างเย็นชามาตลอด

แม้กระทั่งก่อนหน้านี้ที่เขาพยายามจะแนะนำลูกสาวของผู้นำการไฟฟ้าให้ แต่กู้เอ่อหรงก็ปฏิเสธอย่างสุภาพ

ดังนั้น ผู้หญิงที่สามารถทำให้คนอย่างเขายินดีที่จะก้าวเข้าสู่พิธีแต่งงานอย่างกะทันหันได้ ต้องไม่ธรรมดาแน่

เขายิ้มและกล่าวว่า “เรื่องดี เรื่องมงคล มีปัญหาอะไรก็บอกได้เลยนะ”

“ขอบคุณท่านรองหลิวครับ ไม่มีปัญหาอะไรครับ”

ในขณะนั้น เซี่ยหย่วนหางที่เพิ่งกลับมาจากห้องน้ำก็พูดขึ้นว่า“ท่านรองหลิวครับ พวกเราขอยืมรถโฟล์คสวาเกน ซานตาน่าของหน่วยงานได้ไหมครับ?”

“หืม?”

“พี่หรงจะแต่งงาน รถสำหรับรับเจ้าสาวที่ตกลงกันไว้ก่อนหน้านี้มาไม่ได้แล้วครับ พี่หรงทำงานที่หน่วยงานของเรา ผมคิดว่าถ้าขับรถเก๋งของหน่วยงานไปรับเจ้าสาว ก็น่าจะดูดีมีหน้ามีตามากใช่ไหมครับ?”

“โอ้ เรื่องนี้เองเหรอ? ได้สิ นายไปถามทางแผนกธุรการดู ให้ยืมคันที่ใหม่ที่สุดนะ” หลิวเหนียนชิ่งยิ้มและกล่าวว่า “ถึงเวลานั้นฉันก็จะไปร่วมงานเลี้ยงด้วย”

กู้เอ่อหรงรู้สึกปลาบปลื้มใจอย่างยิ่งจนพูดไม่ออกไปชั่วขณะ

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel