บทที่ 12 ไม่ควรแต่งงาน
ในฐานะที่เป็นแก้วตาดวงใจของบ้าน กวนรุ่ยเจี๋ยไม่เคยทำงานบ้านมาก่อน
แต่เพราะคำมั่นสัญญาของพี่สาวคนโต และความช่วยเหลือจากพี่สาวคนรอง ทำให้เขาเริ่มทำได้อย่างคล่องแคล่วและจัดเรียงได้เป็นระเบียบมากขึ้นเรื่อย ๆ
หนึ่งชั่วโมงต่อมา ในที่สุดพวกเขาก็จัดกองฟืนเหล่านั้นเสร็จเรียบร้อย กวนรุ่ยเจี๋ยยังอาสาไปกวาดลานหลังบ้านด้วยตัวเอง
เป็นเวลาเกือบสามทุ่มแล้ว หมู่บ้านเงียบสนิทมานานแล้ว ร้านค้าก็ปิดไปนานแล้ว กวนโย่วซวงให้ลูกอมกับน้องชายหนึ่งกำมือ และสัญญาว่าจะพาเขาไปซื้อปืนของเล่นในเช้าวันพรุ่งนี้
ที่แผนกเอกสารของสำนักงานไฟฟ้าและน้ำประปาประจำอำเภอ
กู้เอ่อหรงยังคงก้มหน้าเขียนเอกสารอยู่ เสียงปากกาเสียดสีกับกระดาษดังครืด ๆ ส่วนเซี่ยหย่วนหางหาวติดต่อกันหลายครั้งและถามเขาว่าเมื่อไรจะเลิกงานเสียที
“นายกลับไปก่อนเลย ฉันยังเขียนไม่เสร็จ คืนนี้คงต้องนอนที่ออฟฟิศแล้ว”
“ไม่ถึงขนาดนั้นมั้ง อาทิตย์นี้นายไม่ได้หยุดเลยนะ ไปเถอะ พรุ่งนี้มาเช้าหน่อยก็ได้นี่”
“ไม่ได้ ฉันอยากจะขอลาพักบ่ายวันพรุ่งนี้ ดังนั้นคืนนี้ต้องเขียนรายงานนี้ให้เสร็จ พรุ่งนี้นายช่วยดูให้หน่อยนะ ถ้าไม่มีปัญหาฉันก็จะส่งแล้ว”
“นายไม่ได้แต่งงานวันพฤหัสหน้าเหรอ? ทำไมรีบขอลาขนาดนี้ คิดถึงเจ้าสาวแล้วเหรอ?”
“ไปไกล ๆ เลย” หูกู้เอ่อหรงแดงขึ้น ราวกับว่าความลับในใจถูกเปิดเผย
“ฉันจะกลับไปเก็บของเร็วหน่อย พี่ชายยังไม่กลับมา ส่วนพ่อนายก็รู้ว่าท่านหกล้ม”
สิ่งที่เขาพูดเป็นความจริง แต่...
ตั้งแต่ได้พบกับกวนโย่วซวงในวันนี้ ภาพอันงดงามนั้นก็วนเวียนอยู่ในสายตาเขาตลอดเวลา บ่ายวันนี้ดูเหมือนเขากำลังจ้องมองเอกสารอยู่ แต่ไม่ว่าจะเขียนอะไรก็ไม่รู้เรื่อง
บางครั้งยังเผลอเขียนชื่อกวนโย่วซวงลงไปตอนที่กรอกตัวเลขข้อมูลด้วยซ้ำ
นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเสียอาการขนาดนี้
โชคดีที่เซี่ยหย่วนหางไม่รู้เรื่องนี้ ไม่อย่างนั้นไม่รู้ว่าจะโดนล้อขนาดไหน
กู้เอ่อหรงบังคับตัวเองให้สงบใจ
ยังไงวันหยุดสุดสัปดาห์ก็ไม่มีใครอยู่ในออฟฟิศ เซี่ยหย่วนหางชงชาหนึ่งกาแล้วก็จุดบุหรี่สูบอย่างกล้าหาญ
โทรศัพท์ดังขึ้น
เป็นหวังฮุ่ยอิง แม่ของกู้เอ่อหรงนั่นเอง
เธอบอกหลี่จิ่งผิงบอกว่ารถสามล้อถูกญาติยืมไปกะทันหัน พวกเขาเลยต้องรีบหารถสำหรับขบวนขันหมากคันอื่น
“ลูกว่ามันจวนตัวขนาดนี้แล้ว เราจะไปหาที่ไหน?” หวังฮุ่ยอิงพูดด้วยความโกรธและความกระวนกระวาย
“นี่มันคนแบบไหนกัน พูดว่าจะเปลี่ยนก็เปลี่ยน ทั้งที่ตอนแรกตกลงกันไว้อย่างดิบดี พ่ออุตส่าห์เอาบุหรี่หงต้าซานไปให้เขาตั้งแถบหนึ่ง”
กู้เอ่อหรงยังไม่ทันได้พูด
หวังฮุ่ยอิงก็พูดต่ออีกว่า “หรงเอ๋อร์ แม่รู้สึกว่าการแต่งงานครั้งนี้ไม่ค่อยราบรื่นเลย พวกเราเลื่อนไปอีกหน่อยดีไหม? แม่เพิ่งเอาวันเดือนปีเกิดของลูกสาวคนโตบ้านกวนไปให้ท่านปู่หน้าหมู่บ้านดูดวงมา
ท่านบอกว่าเดือนนี้ไม่ควรแต่งงาน แต่เดือนสิงหาคมฤกษ์ดี”
“แม่ครับ อย่างมงายเลยครับ เรื่องรถขันหมากแม่ไม่ต้องกังวล ผมจะหาทางจัดการเองครับ”
“แล้วลูกจะมีวิธีอะไรล่ะ ทั้งหมู่บ้านก็มีรถสามล้อคันเดียว ลูกจะใช้เกวียนเก่า ๆ ไปรับเจ้าสาวเหรอ?”
“แม่ครับ อย่าเพิ่งกังวล ผมจะกลับถึงบ้านบ่ายวันพรุ่งนี้ครับ พี่ชายกับพี่สะใภ้จะกลับมาเมื่อไรครับ?”
“พวกเขาเพิ่งโทรมาบอกว่าโรงงานจะจ่ายเงินเดือนพรุ่งนี้ พวกเขาจะกลับมาได้ก็มะรืนนี้”
หลังจากวางสาย กู้เอ่อหรงก็นวดขมับ
หมู่บ้านของพวกเขาเมื่อก่อนใช้ลา ช่วงสองปีที่ผ่านมาชีวิตความเป็นอยู่ของทุกคนดีขึ้นเล็กน้อยก็เปลี่ยนมาใช้จักรยาน
ปีนี้หลี่จิ่งผิงในหมู่บ้านไปทำงานนอกบ้านแล้วได้เงิน จึงซื้อรถสามล้อมาใหม่เอี่ยมดูสง่างาม
กู้อวิ้นเหลียงพ่อของกู้เอ่อหรงจึงรีบไปคุยกับเขาล่วงหน้า โดยหวังว่าจะได้ยืมรถมาใช้ในงานแต่งงานของลูกชายคนเล็ก
“อย่ากังวลเลย มีทางออกเสมอ” เซี่ยหย่วนหางรินชาให้ แล้วเลื่อนไปตรงหน้ากู้เอ่อหรง
“ถ้าไม่ได้จริง ๆ ก็ใช้จักรยานไปก็ได้ รูปแบบไม่สำคัญหรอก ที่สำคัญคือคน”
ที่สำคัญคือคน
ใจของกู้เอ่อหรงหยุดชะงัก ชัดเจนว่าเพราะหญิงสาวคนนั้นคือเธอ เขาถึงอยากจะมอบสิ่งที่ดีที่สุดให้
เขาประเมินเงินเก็บของตัวเอง แล้วกัดฟันตั้งใจว่าจะไปเช่ารถยนต์ขนาดเล็กในตัวอำเภอวันพรุ่งนี้
ในเวลาเดียวกัน
ที่ห้องเล่นไพ่ประจำอำเภอ
จ้าวหยางที่โกนหัวแล้วคาบบุหรี่ไว้ในปาก ในม่านควันบุหรี่ เขาเหลือบมองไพ่นกกระจอกในมือ
เขาสวมเสื้อเชิ้ตแขนสั้นสีฟ้าอ่อนตัวใหม่ แต่ตอนนี้เสื้อเชิ้ตเปิดออก เผยให้เห็นขนหน้าอกจำนวนมาก
“พี่จ้าว ถึงตานายแล้ว เร็วเข้า” ชายผมทองที่นั่งเยื้อง ๆ ดื่มเบียร์อยู่เร่ง
“ไพ่ดอกเดียวกัน” จ้าวหยางหยิบไพ่สามใบแล้วโยนออกไป
“พี่จ้าว ได้ยินว่าเจ้าสาวของพี่จะเปลี่ยนคนเหรอ?” ชายหนุ่มหน้ามีรอยแผลเป็นอีกคนถามพลางเอียงหน้า
“โว้ว พวกนายข่าวไวกันจังนะ ฉันก็เพิ่งรู้เมื่อกี้เหมือนกัน” จ้าวหยางสูบบุหรี่แล้วพ่นควันต่อ
“ครั้งนี้ฉันได้รู้ซึ้งจริง ๆ ว่าสวรรค์ประทานโชคเป็นยังไง พวกนายเชื่อไหม? เปลี่ยนคนแล้วสินสอดลดไป 200 หยวนเลย ฉันยังรู้สึกว่ามันเหลือเชื่อเลยว่ะ ฮ่าๆๆ”
“อ๊ะ จริงเหรอ? สินสอดลดได้ขนาดนั้นเลยเหรอ? ลดตั้งเยอะแน่ะ ผู้หญิงคนนั้นไม่มีปัญหาอะไรใช่ไหม?” ชายผมทองถามอย่างประหลาดใจ
“เฮ้ย จะมีปัญหาอะไร พี่สาวน้องสาวคลานตามกันมา” จ้าวหยางโบกมือ
“ตามความหมายของแม่ฉัน ไม่รู้ว่าน้องสาวคนนี้ไปได้ยินเรื่องของฉันมาจากไหนถึงได้ชอบฉัน แถมได้ยินมาว่าน้องสาวคนนี้คล่องแคล่วกว่าและหน้าตาก็ดีกว่าด้วย”
“สุดยอดไปเลยครับพี่” ชายมีแผลเป็นยกนิ้วโป้ง
“ใช่แล้ว งานเลี้ยงแต่งงานของฉันจะจัดวันที่สิบหกของเดือนนี้ พวกนายต้องมาดื่มเหล้าให้ได้นะ”
“แน่นอนครับ งานของใครก็พลาดได้ แต่งานของพี่จ้าวพลาดไม่ได้ครับ”
ชายมีแผลเป็นจุดบุหรี่ “อ้อ พี่จ้าว เงินค่าจ้างโครงการของเรายังไม่ได้เหรอครับ? ที่บ้านผมจะไม่มีข้าวกินอยู่แล้ว”
“ใกล้แล้ว ใกล้แล้ว ฉันตามอยู่ตลอด ไม่ต้องกังวลนะ อย่างช้าที่สุดก็เดือนหน้า รับรองว่าจะทวงมาให้ได้ เงินก้อนนี้เอาไปใช้ก่อน”
พูดแล้วจ้าวหยางก็ล้วงธนบัตรห้าหยวนสองใบที่ยับยู่ยี่ออกมาจากกระเป๋ากางเกงขาสั้น แล้วยื่นให้
“ขอบคุณครับพี่จ้าว”
ขณะที่ทุกคนกำลังสนุกกับการเล่นไพ่ ชายชราผมหงอกคนหนึ่งก็เดินเข้ามา
“พ่อหนุ่มทั้งหลาย ได้เวลาแล้ว พวกนายรีบเก็บของแล้วจ่ายเงินซะ เดี๋ยว 5 ทุ่มก็จะปิดร้านแล้ว”
“ได้ครับคุณตา คุณตาช่วยคิดเงินก่อน พวกเราจบตานี้ก็จะไป” จ้าวหยางดูไพ่ในมือแล้วพูดอย่างไม่ใส่ใจ
ชายชราหยิบสมุดขึ้นมา และอาศัยแสงไฟสลัว ๆ อ่านว่า
“เบียร์ 25 ขวด บุหรี่ 6 ซอง เมล็ดทานตะวันครึ่งกิโล หมาก 20 ลูก รวม 98 หยวน”
“98 หยวน? คุณตาคิดผิดหรือเปล่าครับ?” ดวงตาของชายผมทองแทบจะถลนออกมา “บุหรี่หงต้าซานซองละเท่าไรครับ?”
“9 หยวน”
“คุณตาล้อเล่นหรือเปล่าครับ? ปกติขายแค่ 6.5 หยวนไม่ใช่เหรอครับ?”
“ไม่ใช่นะพ่อหนุ่ม เดือนที่แล้วขาย 8.5 หยวน ของชุดนี้ราคาต้นทุนขึ้น ก็เลยขาย 9 หยวนมาตลอด”
“ฉันจ่ายเอง” จ้าวหยางทิ้งไพ่ บี้ก้นบุหรี่แล้วลุกขึ้น แสร้งทำเป็นล้วงหาในกระเป๋ากางเกงขาสั้น จากนั้นสีหน้าก็ซีดเผือด
“แย่แล้ว กระเป๋าสตางค์ฉันโดนขโมยไป”
“อ้าว จริงเหรอ? ตั้งแต่เมื่อไร?”
“แล้วจะทำยังไงครับพี่ เงินของพวกเราก็อยู่ในนั้นด้วย”
“ฉันจำได้ว่าตอนกินข้าวเย็นกระเป๋าสตางค์ยังอยู่นะ หรือว่าทำหายที่ร้านอาหาร?”
ชายมีแผลเป็นและชายผมทองก็แสดงความประหลาดใจและเสียใจอย่างเห็นได้ชัด
“นี่...” ชายชราขมวดคิ้ว
