เธอทะลุมิติมาแล้ว 1
เพราะตอนนี้เธอไม่ได้อยู่ในห้องนอน แต่กลับอยู่ที่ไหนก็ไม่รู้ มองรอบกายเป็นพื้นที่โล่งมีความกว้างประมาณหนึ่งไร่ก่อนที่จะมองเห็นแต่หมอกหนาทึบ และมีดวงอาทิตย์เป็นแสงสว่างซึ่งก่อนหน้านี้ที่เธออยู่เป็นเวลากลางคืนสี่ทุ่มครึ่งแล้ว
“ที่นี่ที่ไหน หรือเราหลับกลางอากาศแล้วฝัน?”
“โอ้ยยย เจ็บ!”
ซูลี่หยางลองบีบแผลเก่าที่มีเลือดออกเมื่อครู่ดูแต่กลับรู้สึกเจ็บจริงและยังมีเลือดออกจริง ๆ ด้วย เธออมนิ้วมือที่เปื้อนเลือดเข้าปากเพื่อห้ามเลือด ซึ่งไม่ถูกลักษณะอนามัยที่ดีนัก แต่มันเป็นนิสัยของเธอเอง ที่มือเป็นแผลเล็ก ๆ น้อย ๆ แล้วชอบดูดเลือดตัวเอง เธอหยุดคิดเรื่องไร้สะระของตัวเองมองสำรวจรอบกายอย่างหวาดระแวง เธออ่านนิยายมาก็หลายเรื่อง และเรื่องที่คล้าย ๆ กันนี้ก็เคยอ่านเจอ
“มิติหรือว่าข้ามภพข้ามชาติไปแล้ว”
ซูลี่หยางพึมพำกับตัวเองอีกครั้ง และเพราะเป็นสาวมั่นทำให้เธอไม่ได้หวาดกลัวจนตัวสั่น แต่กลับเดินสำรวจไปทั่วอย่างสนใจ เรื่องอัศจรรย์เช่นนี้ไม่คิดว่าจะมาเกิดกับตัวเอง แต่เมื่อฉุกคิดถึงแหวนบนนิ้วมือกลับมองไม่เห็นบนนิ้วมือเหมือนก่อนหน้านี้แล้ว
“หรือว่าที่นี่จะเป็นมิติในแหวนโบราณ”
ซูลี่หยางคุยกับตัวเองอีกครั้ง และลองตั้งจิตว่าจะออกไปข้างนอก ทว่าทันทีที่เธอคิดร่างเธอก็มาปรากฏในห้องอีกครั้ง ดวงตาหงส์เบิกกว้างอย่างตกตะลึง
ในยุคสมัยนี้มีเรื่องน่าเหลือเชื่อเช่นนี้จริง ๆ หรือ เธอไม่ได้เพ้อฝันไปเองคนเดียวใช่หรือไม่ และเพื่อให้แน่ใจคืนนั้นเธอลองเอาข้าวของภายในห้องเข้าออกในมิติลึกลับนั่นตลอดทั้งคืน!
เมื่อลงมารับประทานอาหารเช้า ต่างได้รับสายตาจากทุกคน ก่อนที่คุณพ่อผู้ไม่ค่อยพูดเอ่ยถามอย่างเป็นห่วง
“เมื่อคืนนอนไม่หลับหรือ”
ตั้งแต่วันนั้นซูลี่หยางก็ฝันเรื่องราวเดิม ๆ ติดต่อกันทุกวัน กอปรกับช่วงหลังมานี้ยิ่งชัดเจน ราวกับว่าเธอเป็นตัวละครตัวนั้นจริง ๆ ทั้ง ๆ ที่เธอกับผู้หญิงในฝันนั้นแตกต่างกันราวฟ้ากับดิน หญิงสาวคนนั้นทั้งอ้วนและดำ อีกทั้งยังเป็นคนโมโหร้ายเอาแต่ใจตนเองจนคนในครอบครัวที่รักเธอต้องลำบากใจไปด้วย
ยิ่งฝันก็เหมือนผู้หญิงคนนั้นเป็นเธอเอง เพียงแต่ไม่อาจควบคุมร่างกายและความคิดของตัวเองได้ ได้แต่มองผ่านร่างของหญิงอ้วนดำที่ชื่อเดียวกับเธออย่างหงุดหงิดใจ
เพราะเธอไม่สวยยังมาโง่อีก ใช้แต่อารมณ์แก้ปัญหาจนอยากจะตบหน้าเธอให้มีสติสักครั้ง แต่น่าเสียดายความฝันนี้เธอเป็นเพียงแค่ผู้เฝ้ามองเท่านั้น
และในยุคของหญิงสาวอ้วนดำอยู่นั้น เป็นยุคข้าวยากหมากแพง และยังมีการใช้คูปองในการซื้อของ ยิ่งเฝ้ามองก็ยิ่งรับรู้ถึงความยากลำบาก อีกทั้งเทคโนโลยียังล้าสมัย หากเปรียบเทียบน่าจะอยู่ในช่วงยุค1980 กระมัง
เสียงนาฬิกาปลุกดังขึ้นในตอนเช้า ซูลี่หยางได้ตื่นจากความฝันอันยาวนาน เช้านี้เธอก็ยังไม่สดชื้นราวกับถูกเคี่ยวกรำจากฝันร้าย เหตุการณ์ช่วงหลังมานี้ราวกับตัวเธอทะลุไปอยู่ที่นั่นจริง ๆ เพียงแค่ควบคุมร่างที่เธออยู่ไม่ได้เท่านั้น
และครั้งนี้ที่เธอฝัน ผู้หญิงที่ชื่อเดียวกับเธอได้แต่งงานและมีลูกแล้ว ทว่าสถานการณ์ของพวกเขาไม่ค่อยดีนัก จนกระทั่งมีการหย่าร้างกัน เพราะชายคนนั้นมีหญิงสาวที่งดงามกว่า
และยังเป็นลูกสาวของผู้บังคับบัญชาของตนเองอีกด้วย ไม่รู้ว่าเธอต้องฝันแบบนี้ไปอีกนานแค่ไหน และเธอก็ไม่เคยเล่าเรื่องนี้ให้ใครฟังกลัวคนฟังจะว่าเธอเป็นบ้า
เพราะตั้งแต่เรื่องแหวนโบราณ ที่สามารถเก็บของได้มากมาย ซึ่งเธอเล่าให้ครอบครัวฟังก็ไม่มีใครเชื่อเธอ เมื่อเธอจะแสดงให้พวกเขาดูว่าแหวนโบราณนี้เก็บข้าวของได้ กลับไร้การเคลื่อนไหวใด ๆ ทั้งสิ้น ราวกับมันเป็นแหวนธรรมดาเท่านั้น และเมื่อเธอพยายามถอดออกจากนิ้วก็ไม่สามารถถอดได้
