กลับบ้านเรา
11วัน 13 ชั่วโมง ก่อนทะลุมิติ
“แม่จ๋า....เมกลับมาจ้าา” เมษาโผล่หัวออกทางกระจกตะโกนบอกแม่ด้วยรอยยิ้ม
“เมเหรอลูก แล้วไปเอารถใครมาขับ มาๆๆ เข้าบ้านกันก่อนๆ” แม่นางบอกด้วยความตื่นเต้น
เมขับรถมาจอดลานหน้าบ้าน เธอลงมาจากรถยังไม่ถึงวิแม่นางก็คว้าตัวเมไปกอดแน่น
“วันหยุดเหรอลูก แล้วลาได้กี่วัน ปะๆ เข้าบ้านก่อนข้างนอกร้อน” แม่นางลูบหน้าลูบแก้มเมด้วยความคิดถึง เพราะตั้งแต่เมไปทำงานตอนอายุ 15 ก็ไม่ค่อยได้กลับบ้าน นานๆ ได้กลับทีเพราะต้องหาเงินเรียน กลับมาล่าสุดก็เกือบสี่ปีที่แล้ว ถึงเมษาจะเป็นหลานสาว แต่เธอก็รักเมษามากเพราะเธอเลี้ยงเองตั้งแต่เมษาอายุ 4 ขวบ ที่พี่สาวและพี่เขยเธอเสียชีวิต ตอนนั้นเธออายุเพียง20ปี ทั้งยังไม่แต่งงาน พอเมอายุได้ 9 ขวบเธอก็ได้แต่งงานกับสามีคนนี้ เธอโชคดีที่ได้สามมีดีเพราะสามีก็เอ็นดูเมษาด้วย ถึงแม้บ้านสามีจะไม่ค่อยดีเท่าไรก็เถอะ
“เมลาออกแล้วจ้ะแม่ เข้าบ้านก่อนหนูมีอะไรจะบอก” เมษาตอบพร้อมเดินเข้าบ้าน เมษาตัดสินใจบอกแม่นางว่าเธอมีเวลาไม่มากแต่จะบอกว่าเป็นโรคร้ายแทน อยากให้แม่นางทำใจไว้ “ว่าไงลูกมีอะไรหรือเปล่า”
“จริงที่หนูกลับบ้านมาเพราะหนูไม่สบายมีเวลาเหลือไม่มากแล้วค่ะ แล้วหนูก็ลาออกแล้ว” เธอบอกแม่นางด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“ไม่สบายเป็นอะไรลูก ไปหาหมอมาหรือยังมีทางรักษาไหม หรือต้องใช้เงินเท่าไหร่บอกแม่ แม่จะหามาให้” แม่นางถามด้วยความร้อนรน
“หนูเป็นมะเร็งระยะสุดท้าย มันไม่มีทางรักษาแล้วจ้ะแม่ นอกจากประคองอาการไปเรื่อย ๆ แต่ตอนนี้หนูไม่ไหวแล้ว ช่วงสุดท้ายของชีวิตหนูอยากมาอยู่กับแม่ จ๊ะ”
เธอตอบพลางสะอื้นเพราะเอาเข้าจริงๆ เธอเสียใจมากที่ต้องจากแม่นางจากครอบครัวนี้เพราะทุกคนดีกับเธอมากจริงๆ พอเธอรู้ความเธอก็เห็นแม่นางทำงานเลี้ยงเธอคนเดียวมาตลอด จนเธออายุได้ 9 ขวบ แม่นางก็แต่งงานกับพ่อยศ หลังจากแต่งงานไม่นานทั้งสองก็มีลูกชายหนึ่งคน พอเธออายุ 14 ก็มีลูกสาวอีกหนึ่งคน ถึงแม้ว่าทั้งสองจะมีลูกแต่ก็ไม่เคยปล่อยปละละเลยเธอเลยสักครั้ง เพียงแต่คนมากขึ้นค่าใช้จ่ายก็มากตาม เธอเห็นพ่อยศทำงานหนักมาก เลยตัดสินใจไปทำงานหลังจบ ม.3 มรดกทุกอย่าง หลังจากเธอจากไปเธอจะยกให้แม่นางทุกอย่าง ประกันชีวิตของเธอผู้รับผลประโยชน์ก็เป็นแม่นางกับพ่อยศเหมือนกัน อย่างน้อยๆ ทั้งสองท่านจะได้ไม่ต้องลำบากอีก เพราะเด็กทั้งสองคนก็ยังไม่เรียนไม่จบ (ปัจจุบัน คนโตอายุ 16 ปี คนเล็กอายุ 11 ปี แม่นางแต่งงานมีลูกตอนอายุ 25 ปี)
“จริงเหรอลูกไม่มีหวังเลยเหรอ” แม่นางพูดมองคนที่เปรียบเสมือนลูกสาวคนโตทั้งน้ำตา
“แม่ไม่ต้องร้อง” สองแม่ลูกกอดกันร้องไห้อยู่นานสองนานจนกระทั่ง สมยศสามีของนางกลับมาจากทุ่งนาก็แปลกใจว่ารถใคร พอเข้าบ้านก็ต้องตกใจเพราะเมียกอดกันร้องไห้กับเมษาหลายสาวที่เปรียบเสมือนลูกสาวคนโตของตัวเอง
“แม่มึงเป็นอะไรร้องไห้ทำไม แล้วเมกลับมาตอนไหนลูกไม่เห็นโทรมาบอกพ่อก่อน พ่อจะได้ไปรับที่ บขส. แล้วรถใครอยู่หน้าบ้านของเต็มหลังรถเลย” พ่อยศถามมารัวๆ
“สวัสดีจ้ะพ่อ หนูพึ่งกลับมาถึงวันนี้จ้ะ รถหน้าบ้านของหนูเองที่หนูกลับบ้านเพราะมีเหตุผลบางอย่างจ๊ะ” เธอบอกเหตุผลว่าทำไมถึงกลับมา พอพ่อยศรู้เรื่องถึงกับน้ำตาคลอ เพราะไม่ทันได้เตรียมใจ
“พ่อกับแม่ไม่ต้องร้องนะจ๊ะ คนเราเกิดแก่เจ็บตายเป็นเรื่องปกติ เพียงมันมาไวกว่าปกติเท่านั้นเอง หนูซื้อของมาฝากทุกคนเยอะเลย” เธอบอกทั้งสองด้วยรอยยิ้ม สักพักทุกคนก็ล้างหน้าล้างตาไปดูของฝากที่เธอเอามา
“นี่ซื้ออะไรมาเยอะแยะลูก ไม่เห็นต้องซื้อของมาเยอะขนาดนี้เลย แล้วนี่ดีนะที่ของสดอัดน้ำแข็งมาไม่งั้นเสียดายตายเลย” แม่นางบ่นพลางช่วยยกของบนหลังรถเข้าบ้าน หลังจากยกของต่างๆ ลงหมดก็เหลือแต่ มอเตอร์ไซค์ ทั้งสามช่วยกันยกลงมาอย่างระมัดระวัง
“พ่อจ๊ะแม่จ๊ะ พรุ่งนี้เราไปโอนรถกันเถอะรถทั้งสองคันหนูซื้อมาให้พ่อกับแม่ แล้วเราไปเที่ยวกันดีไหมจ๊ะ ให้เด็กๆ ลาครูไปเที่ยวกันสักอาทิตย์ ตอนหนูลาออกหนูได้เงินชดเชยมาค่อนข้างเยอะ เวลาสุดท้ายของชีวิตหนูอยากอยู่กับทุกคน”
พอเมษาพูดจบทั้งสองก็น้ำตาคลอทันที “ตกลงจ้ะเราไปเที่ยวกันนะ งั้นหนูเข้าไปพักผ่อนก่อนเถอะอีกไม่นานน้องๆ ก็เลิกเรียนแล้ว” เมนอนหลับไปพักใหญ่ๆ ก็ตื่นเพราะเสียงโหวกเหวกโวยวายของข้างนอก
“พ่อแม่!!รถใครมาจอดในบ้านเราเนี๊ย” หนุ่มลูกชายคนโตตะโกนถามลั่นบ้าน
“แล้วเอ็งจะเสียงดังทำไมนักหนาพี่สาวเอ็งนอนหลับอยู่” แม่นางเอ็ดลูกชายเสียงเบา
“พี่เมมาเหรอแม่ มาเมื่อไร อยู่นานไหมแม่” หนุ่มถามแม่อย่างตื่นเต้น
“มาเมื่อตอนบ่าย แต่จะกลับตอนไหนเอ็งถามพี่เขาเอาเองนู้นข้างหลังนั้น” แม่นางตอบลูกชายพลางบุ้ยปากมาทางเมที่อยู่หน้าห้องฝั่งข้างหลังเจ้าหนุ่ม
“พี่เมสวัสดีครับ คราวนี่กลับมาอยู่บ้านนานไหม” หนุ่มถามอย่างตื่นเต้นเพราะพี่สาวเขาไม่ได้กลับบ้านมาหลายปีแล้ว “พี่กะว่าจะมาอยู่บ้านน่ะหนุ่ม คงไม่มีโอกาสได้กลับไปทำงานแล้วล่ะ” เมยิ้มยอมน้องชาย
“อย่าพูดเป็นลางแบบนี้สิ” หนุ่มกอดแขนอ้อนพี่สาว “ไปๆ ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเดียววันนี้จะพาไปกินหมูกระทะน้องแกพร้อมแล้วนะ” เธอบอก
“จริงเหรอ ไปกินร้านที่มีกุ้งตัวใหญ่ๆ นั้นได้ไหม ผมอยากกิน”
“ได้ๆ อยากกินร้านไหนบอกเลยเจ้เลี้ยงเอง”
“เย้” หนุ่มตะโกนลั่นบ้านแล้ววิ่งเข้าห้องไปเปลี่ยนเสื้อผ้า
“โอ๊ยทำไมเสียงดังจังเจ้าลูกคนนี้” แม่นางบนลูกชาย
หลังจากทุกคนหนุ่มเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จ ก็พากันไปกินบุฟเฟ่ต์ทะเลเผาให้สมใจเจ้าหนุ่ม หลังจากกินเสร็จก็พากันไปเดินช้อปปิ้งย่อยอาหาร เมซื้อโทรศัพท์ใหม่ให้กับทุกคน ส่วนน้องนิ่มสาวน้อยของบ้านยังเด็กเลยซื้อแท็บเล็ตให้แทน หลังจากช้อปปิ้งพอใจก็พากันกลับบ้านไปพักผ่อน ก่อนที่จะหลับเธอ ก็พึ่งจะนึกขึ้นได้ว่าเธอลืมซื้อเมล็ดผักและอุปกรณ์ทางการเกษตร และพวกยา
“เดี๋ยวพรุ่งนี้หลังโอนรถค่อยไปซื้อละกัน” เพราะพรุ่งนี้เด็กๆ ยังต้องไปโรงเรียนอีกวันไหนๆ ก็จะวันหยุดแล้วเธอเลยให้ไปเรียน
