ทะลุมิติไปเป็นแม่สามีในยุค 70

315.0K · จบแล้ว
pelsoganzi
84
บท
10.0K
ยอดวิว
8.0
การให้คะแนน

บทย่อ

เมษา เกิดใหม่ในร่างของแม่สามีปากร้าย ที่กดขี่ลูกสะใภ้ รักหลานชายมากกว่าหลานสาว แถมยังอยู่ในยุคข้าวยากหมากแพง แต่ยังดีที่มี"มิติ"ตามมาด้วย

นิยายรักโรแมนติกนิยายแฟนตาซีนิยายจีนโบราณนิยายรักนิยายย้อนยุคเกิดใหม่ในนิยายนิยายแฟนตาซีนิยายทหาร

แหวนเงิน

'' เมพี่ฝากคีย์ใบสั่งซื้อพวกนี้เข้าระบบทีนะ เจ้านายขอวันนี้นะ”

'' ค่ะพี่ '' เมษายิ้มตอบพลางเหลือบมองนาฬิกา 16:45 (เมษาเลิกงานห้าโมง)

'อีดอกจะเลิกงานอยู่แล้วพึ่งมาสั่ง' เมได้แต่บนในใจ ทำไงได้ละนะถึงจะทำงานบัญชีแต่ก็เป็นเพียงผู้ช่วยเงินเดือนหมื่นนิดๆ กว่าเมษาจะทำงานเสร็จเวลาก็ล่วงเลยไปถึง หกโมงเย็น ถึงได้เก็บของกลับห้อง

เมษาเป็นเด็กกำพร้าพ่อแม่เสียตั้งแต่เด็ก ได้น้องสาวของแม่รับเลี้ยงและส่งเรียน แต่น้าสาวก็ไม่ได้ร่ำรวยมากนั้กแค่พอมีพอกินเท่านั้น เมเรียน จบ ม.3ก็เข้ากรุงเทพฯ มาหางานทำเพื่อเก็บเงินเรียนต่อ อย่างน้อยๆ ก็ขอให้จบ มัธยมปลาย มุ่งมั่นเก็บเงินได้ก้อนหนึ่งก็ได้สมัครวิทยาลัยแห่งหนึ่งที่เขาบอกว่าจบแล้วมีงานรองรับ แถมเรียนฟรี (ถึงจะต้องทำงานชดใช้หนี้หลังเรียนจบอะนะ)

กว่าจะจบบวกกับทำงานใช้หนี้จบอายุก็ปาไป 25แล้ว ยังดีที่ความเป็นติ่งเกาหลีทำให้เจอเพื่อนในโซเชียลที่ดี ฝากงานที่สบายกว่าให้ ไม่ต้องเป็นกรรมกรห้องแอร์ที่ต้องยืนทั้งวัน ยกของหนักงานเยอะแต่พนักงานน้อยมากแถมเงินเดือนเหมือนเงินทอน

ขอบ่นหน่อยเถอะเพราะงานมันเยอะจริงๆ แล้วงานที่เพื่อนฝากให้ก็คือ งานบัญชีที่ทำอยู่ปัจจุบันนี้แหละ ถึงงานจะสบาย (สบายตรงไหนก่อน...) แต่เงินเดือนก็พอมีเก็บทุกเดือน เมษานั่งรถคิดถึงความหลังสักพักก็มาถึงปากซอยห้องเช่า กะแวะซื้อกับข้าวตลาดนัดซอยข้างๆ เดินดูของตลาดนัดสักพักก็เห็นหญิงชราแต่งตัวมอมๆ คนหนึ่งปรี่เข้ามาหา

“แม่หนูสนใจแหวนไหมจ๊ะ เป็นเงินแท้เลยนะยายขายไม่แพงเลย ช่วยซื้อยายหน่อยได้ไหมจ๊ะ”

“เอ่ออ…..ได้ค่ะยายเท่าไรคะ” เธอยิ้มรับ

“ยายขายแค่ 100 จ๊ะ” หญิงชราตอบ

“นี้ค่ะยาย หนูให้เพิ่มนะคะเอาไว้ใช้” เธอยื่นเงินให้ พร้อมรับแหวนเงินมาสวม

“ขอบใจมากนะจ๊ะหนู ใสพอดีเลยนะ มันถูกสร้างให้เป็นของแม่หนูจริงๆ” หญิงชรามองเมษาแล้วพูดอีกว่า

“อีกไม่นานจะต้องเดินทางไกลเตรียมตัวดีๆ ละ”

หญิงชราคนนั้นพูดพลางตีมือปรกๆ เบาๆ ที่มือของเธอ เธอก็ได้แค่ยิ้มรับแบบ งงๆ เธอได้ให้หญิงชราคนนั้นเพิ่มอีก200 เพราะเธอค่อนข้างอ่อนไหวไม่ว่าจะเกี่ยวกับเด็กคนชราหรือแม้แต่แมวหมาก็ด้วย

หลังจากหญิงชราคนนั้นจากไปเมษาก็เดินไปซื้อหมูมาทำกับข้าว อยู่ดีๆ ก็อยากกินสามชั้นพริกเกลือซะงั้น  ซื้อของเสร็จก็เดินกลับหอ ระหว่างทางเธอได้ยินเสียงหัวเราะเล็กๆ แหลมๆ มันหลอนหูมาก

เมษาจึงได้วิ่งสับตีนแตกกลับหอ เพราะเมกลัวผีแบบขึ้นสมอง กลับถึงห้องก็ยืนพักให้ใจเต้นตึกตักอยู่หน้าประตูห้องด้านใน สักพักก็ลงมือทำกับข้าว ระหว่างที่เธอกำลังหั่นหมูเป็นชินพอดีคำมีดมันเฉียงเพราะตัวหนังหมูมันลื่นมีดเลยไปบาดที่นิ้วมือของเธอ เธอเลยรีบยกมือขึ้นตามสัญชาติยานแล้วจะไปล้างแผล เลือดบางส่วนค่อยๆ ไหลซึมหายเข้าไปแหวนโดยที่เมษาไม่รู้ตัว……

---------------------------------------

เมษาทำแผลเสร็จแล้วก็กลับมาทำอาหารทาน และอาบน้ำเข้านอน โดยไม่ทันได้สังเกตเลยว่าแหวนวงนั้นค่อยๆ ผสานลงกับนิ้วของตนแล้วค่อยๆ จางหายไปกลายเป็นปานแดงเส้นเล็กๆ เพียงเท่านั้น

……………………………………….

เช้าวันใหม่ เมษา ตื่นเวลา ตี5 เป็นปกติ สะลึมสะลือไปอาบน้ำแปรงฟันด้วยความเคยชิน หลังจากอาบน้ำเสร็จเมษาเดินกลับมาที่เตียงนอน เอื้อมมือไปจับผ้าห่มในขณะที่ในใจคิดว่าจะเก็บที่นอน อยู่ดีๆ ผ้าห่มก็หายไปต่อหน้าต่อตา เมษายืนนิ่งด้วยความตกตะลึงไปพักใหญ่

“เชี่ย…ผ้าห่มหาย..หายไปแล้ว”

พอตั้งสติได้ก็มานั่งคิดว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันนะ เพราะหาทั่วห้องแล้วยังไงก็ไม่เจอ จะว่าเมาขี้ตาก็ไม่ใช่ขนาดพลิกที่นอนก็ยังไม่เจอผ้าห่ม แล้วก็มาได้สังเกตว่าแหวนที่นิ้วตนนั้นได้หายไป

“แต่เดี๋ยวนะแหวนที่ซื้อเมื่อวานหายไปไหน แล้วเส้นแดงๆ นี้มาจากไหนวะ” เมษาบ่นพลางพลิกดูมือซ้ายขวาก็ไม่เจอแหวนเจอเพียงเส้นสีแดงที่นิ้วมือ

“หรือจะเป็นเหมือนนิยายที่เคยอ่านที่มีของวิเศษ….ลองดูไม่เสียหาย มิติ… ไม่ใช่ ผ้าห่มออกมา” พรึบ…

หลังพูดจบผ้าห่มก็ออกมากลางอากาศ เมษาที่ทำใจแข็งไว้รอยังสะดุ้งตกใจ ที่ผ้าโผล่ออกมา

“แม่เจ้าออกมาแล้วผ้าห่มออกมาแล้ว!! ฉันมีมิติจริงๆ ด้วย555555555555  วู้บ!!….” เมษานั่งหัวเราะเหมือนคนบ้าอยู่สักพัก มืออีกข้างก็ไปโดนเส้นสีแดงแล้วก็มีความรู้สึกเหมือนโดนดูด ตกลงก้นจ้ำเบ้า 

เมษามองซ้ายทีขวาทีด้วยอาการตกตะลึง ข้างหน้าคือพื้นที่สีเขียวกว้างขวางสุดลูกหูลูกตา ด้านซ้ายเป็นภูเขาเขียวชอุ่ม ด้านขวาเป็นน้ำตกเล็กๆ สีเขียวมรกต เมอึ้งอยู่สักพัก ก็นั่งขำเหมือนคนบ้าอีกรอบ

“นี้เราเป็นลูกรักพระเจ้าหรือเปล่าเนี่ย55555555….. แอ๊ะ มีมิติมาไม่ใช่ว่าต้องทะลุมิติอะไรเทือกๆ นั้นหรอกนะ”

เมษาหยุดขำแล้วมานั่งนึกเพราะในนิยายส่วนใหญ่เวลามีมิติก็จะทะลุมิติไปสู้ชีวิตในที่ต่าง ๆ เมสำรวจไปเรื่อย ๆ แล้วก็เจอโกดังสี่หลังเรียงกัน จึงเดินเข้าไปดู เปิดเข้าไปโกดังแรก ก็เจอผ้าห่มที่เข้าใจว่าตัวเองเอาออกไปแล้ว

“หืม?? ไม่ใช่ว่าเอาผ้าห่มออกไปแล้วไม่ใช่เหรอทำไมยังอยู่ที่นี่ละ”

มือลูบผ้าห่มแล้วก็เดินออกไปสำรวจโกดังถัดไป แต่เป็นโกดังว่างเปล่าทุกหลัง เมษาจึงคิดว่าคงเป็นโกดังสำหรับจัดเก็บสิ่งของ แต่จะเป็นแบบใช้ไม่มีวันหมดเหมือนในนิยายไหมต้องลองพิสูจน์อีกที เมษาสำรวจ พอประมาณแล้วจึงออกจากมิติ

พอออกมาแล้วเมษามองไปเห็นเวลา ก็พึ่งจะนึกได้ วันนี้เป็นวันทำงาน แล้วตอนนี้ก็สายเสียแล้ว

“ฉิบหายแล้วอีเม สายแล้วตายห่าๆๆๆ โทรลาต้องโทรลาก่อน” เมบ่นพึมพำมือก็ควานหาโทรศัพท์เพื่อที่จะโทรไปลางานในช่วงเช้าเพราะตอนนี้สายมากแล้ว

ตื้ดดดด…………….. ตื้ดดดดดดดดด……….

"ว่าไงคะน้องเม"

“พี่บุ๋มคะ คือเมอยากจะขอลาช่วงเช้าหน่อยค่ะ พอดีเหตุสุดวิสัยนิดหน่อยค่ะ”

“อืม...เมจะมาช่วงบ่ายใช่ไหมจ๊ะ 'งั้นได้จ้ะ”

“ค่ะ ขอบคุณค่ะพี่”

เมษาวางสายแล้วก็เก็บที่นอนพับผ้าห่มต่อจากตอนเช้า แล้วลองตั้งจิตสำรวจมิติก็เจอผ้าห่มแบบเดิมอีกผืนอยู่ข้างในโกดังลองเอาออกมาอีกสองสามครั้งในมิติก็ยังมีเหมือนเดิม ลองเอาผ้าที่เอาออกมาใส่กลับไปกลับกลายว่าผ้ามันเพิ่มขึ้นเป็น5 ผืน

“งืม...แสดงว่าของที่ใส่เข้าไปใช้ได้ไม่มีวันหมดแถมใส่เข้าไปยังทบให้เพิ่ม ไหนๆ ก็ได้มิติแล้วก็ตุนของไว้ละกัน ถ้าไม่ได้ทะลุไปไหนก็ยังเอาไว้ใช้ได้”

พูดเสร็จแล้วก็นำสมุดเล่มเล็กมาลิสต์ของที่จำเป็นที่จะตุนไว้ใช้เวลาจนถึงเที่ยง พอใกล้เวลาบ่ายก็แต่งตัวออกไปทำงานตามปกติ