บทที่19 เริ่มสร้างบ้าน
น้องชายสามกลับมาพร้อมกับคนงานจำนวนยี่สิบคน และของที่สั่งมาอีกเกือบสามคันรถ ทันทีที่เขามาถึงหมู่บ้านก็ตรงกลับไปยังบ้านทันที และปล่อยให้คนงานรอที่ทางเข้าหมู่บ้านเพราะเขาไม่รู้ว่าพี่สะใภ้จะให้เอาของไปไว้ไหนแต่ก่อนที่จะถึงตัวบ้านเขากลับได้ยินเรื่องราวที่น่าตกใต
“พี่รอง!”
และใช่ พอได้ยินว่าพี่ชายคนรองกลับมาแล้วหานหรงอี้ก็รีบวิ่งกลับบ้านทันที เขาเห็นพี่ชายนั่งอยู่หน้าบ้านเขาก็ตะโกนเรียกเสียงดัง ลืมแม้กระทั่งลูกสาวและหลานสาวที่น่าจะนอนไปด้วย
“เจ้าสาม!” หานหรงเหยาตอบกลับด้วยความยินดี นี่ก็หลายเดือนแล้วที่เขาไม่ได้เห็นน้องชายคนเล็ก
แต่ก็มีเรื่องราวที่น่าตกใจเช่นกันที่น้องชายของเขามีลูกก่อนเขาที่แต่งงานมาหลายปีเสียอีก แล้วเรื่องนี้ก็ไม่ใช่ความผิดของภรรยาเขาที่ตั้งท้องให้ไม่ได้ แต่ความผิดของเขาเสียอีกที่ตั้งแต่ไปเป็นทหารก็กลับบ้านนับครั้งได้ ขนาดพี่ชายคนโตของเขาที่แต่งงานก่อนก็เพิ่งจะมีลูกสาว แต่ก็น่าเสียดายที่แม้แต่หน้าของลูกสาว พี่ชายของเขาก็ยังไม่ได้เห็น
กัวเหม่ยอิงกับสะใภ้รองกลับมาถึงบ้านหลังซักผ้าเสร็จ แล้วก็จับกุ้งที่แม่น้ำมาได้หลายตัวอีกด้วย พอถึงบ้านพวกนางก็เห็นสองพี่น้องที่นั่งคุยกันอยู่หน้าบ้านจึงร้องทัก
“กลับมาแล้วเหรอ” กัวเหม่ยอิงถาม แต่ในระหว่างที่ถามเธอก็ไปตากผ้าที่เพิ่งไปซักมา
น้องชายสามพยักหน้า “ใช่ครับ จริง ๆ ถึงตั้งแต่เมื่อวานแล้ว แต่คนงานของลุงไฉ่หยุดพอดีก็เลยไม่ได้พามาครับ” เขาว่า
“แล้วตอนนี้พวกเขาอยู่ไหนกัน” กัวเหม่ยอิงถามเพราะเธอเห็นเพียงน้องชายสาม ถ้าว่าไปรอที่ที่ดินผืนนั้นก็ไม่น่าใช่เพราะถ้าไปรอเธอก็เห็นแล้ว
น้องชายสามตอบอย่างลืมตัว “พวกเขารออยู่ทางเข้าครับ เฮ้ย! ผมลืมไปเลย” เขาสะดุ้งลุกขึ้นอย่างเร่งรีบ
“ไปพาพวกเขาเข้ามาเร็ว ๆ” กัวเหม่ยอิงส่ายหัวให้กับความขี้ลืมของน้องชายสาม ไม่รู้ว่าคนงานรอนานแค่ไหนแล้ว
พอน้องชายสามวิ่งออกไปกัวเหม่ยอิงก็ตากผ้าเสร็จพอดีเพราะมันมีเสื้อไม่กี่ตัว จากนั้นเธอก็เอากุ้งเข้าครัวแล้วให้สะใภ้รองเตรียมซาลาเปาไว้ให้คนงาน
ยังดีที่ตอนนี้เป็นช่วงสายของวันแต่ยังไม่ถึงมื้อกลางวัน สะใภ้รองจึงอุ่นซาลาเปาเพราะมันเริ่มเย็น
กัวเหม่ยอิงปล่อยให้สะใภ้รองเข้าครัวคนเดียว ส่วนตัวเองก็พาน้องชายสามกับคนงานไปยังที่ดินของสามี แต่ระหว่างทางมันต้องผ่านแปลงนาที่คนในหมู่บ้านกำลังเก็บเกี่ยว พวกเขาจึงเห็นกัวเหม่ยอิงเดินนำคนงานแล้วก็ของสร้างบ้านอีกสามคัน สร้างความฮือฮาเป็นอย่างมาก
จ้างให้คนบ้านกัวถอนหญ้าให้พวกเขาก็ตกใจมากแล้ว ครั้งนี้คนบ้านสามยังจะสร้างบ้านอีก ซึ่งคนที่พอจะสร้างบ้านได้ย่อมรู้ว่าอิฐจำนวนมากพวกนี้สร้างห้องได้หลายห้อง
‘อย่าบอกนะว่าบ้านสามจะสร้างบ้าน!’
‘หมดไปเยอะแน่ ๆ’
‘เจ้ารองต้องได้เงินกลับมาเยอะแน่ พวกเขาจึงสร้างบ้าน’
‘เสียดายแทนบ้านใหญ่’
‘สิ้นเปลือง ๆ ’
‘บ้านสามทำเกินหน้าบ้านใหญ่ไปแล้ว’
‘ต้องเป็นสะใภ้ใหญ่แน่ที่ต้องการสร้างบ้าน’
‘ถ้ามีเงินฉันก็อยากได้บ้านใหม่แบบนี้บ้าง’
‘ฝันอยู่เหรอ’
‘บ้านใหญ่ต้องปรามบ้านสามแล้ว’
‘พวกเขาช่างสุรุ่ยสุร่ายจริง ๆ ’
‘บ้านกัวต้องรู้เห็นแน่’
‘ใช่’
‘บ้านสามคิดดีแล้ว’
เสียงของคนในหมู่บ้านแตกออกเป็นหลายส่วน บ้างก็บอกสร้างใหม่ก็ดีแล้วเพราะบ้านของบ้านสามนั้นเก่ามาก บ้างก็บอกสิ้นเปลืองเงินที่ใช้ซื้อของ บ้างก็บอกทำข้ามหน้าข้ามตาบ้านใหญ่
เพราะบ้านที่บ้านใหญ่อยู่ก็มีสภาพไม่ต่างกลับบ้านสาม แน่นอนว่ามีทั้งดีใจด้วยและอิจฉาบ้านสามที่จะได้บ้านใหม่ อีกอย่างมีใครบ้างที่ไม่อยากได้บ้านใหม่
“เรื่องนี้ต้องถึงหูคุณย่า” พี่ใหญ่หานเซินหรือก็คือหลานชายคนโตของคุณย่าหานกัดฟันพูดกับคนเป็นพ่อ
ที่ดินผืนนั้นเป็นที่ดินที่คุณย่าเก็บไว้ให้เขาแท้ ๆ แต่เพราะบ้านสามมาแย่งไปเขาก็เลยไม่ได้มัน ไหนจะเงินที่พวกเขาต้องทำงานเพื่อจ่ายให้พวกมันอีก
ลุงใหญ่พยักหน้าแล้วกระซิบลูกชาย “เราไม่ต้องไปบอก ให้บ้านอื่นเป็นคนไปบอก บอกลูกสะใภ้กับน้องชายน้องสะใภ้ของลูกด้วย” เพราะเขาเป็นลูกชายคนโตของบ้านที่มีมารดาที่เห็นดีเห็นด้วยไปทุกอย่าง จึงไม่ต้องการให้ครอบครัวของเขาพูด เพราะหากเขาต้องการที่ดินผืนนั้นคนในบ้านจะมีปัญหา และแม่ของเขาก็จะเอาที่ดินมายาก
“ทำไมล่ะครับ? ถ้าเราพูดไปคุณย่าก็เอามาให้เราทุกอย่าง” พี่ใหญ่หานเซินไม่เข้าใจ เพราะตั้งแต่เกิดมาย่ากับทุกคนในบ้านต่างก็ประเคนของทุกอย่างที่เขาอยากได้ให้
แม้พี่ใหญ่หานเซินจะอายุเยอะแล้ว แต่เพราะถูกคนในบ้านประเคนทุกอย่างให้จึงไม่แปลกหากเขาจะไม่เข้าใจ เพราะเวลามีปัญหาเขาก็ไม่ใช่คนแก้เอง เพราะมีย่าและแม่แก้ให้ทุกอย่าง
ลุงใหญ่มองลูกชายด้วยความโมโห แต่จะดุจะด่าก็ไม่กล้าเพราะตนก็รักลูกชายคนนี้มาก “แกก็เห็นคนในบ้านว่ารอบก่อนมันเป็นยังไง ถ้าเรารีบออกตัวหากมีปัญหาอีกคนในบ้านจะไม่พอใจ” พวกเขาอยู่รวมกันหลายบ้านและจำนวนคนในบ้านก็เยอะมาก พวกเขาอยู่รวม ๆ กันหลายสิบคนในห้องที่แคบ จึงไม่แปลกที่จะได้ยินเสียงนินทากัน
นอกจากครอบครัวของลุงใหญ่แล้ว ยังมีครอบครัวของลุงรอง ครอบครัวของอาสี่ และครอบครัวอื่น ๆ ในสกุลหานเช่นกันที่ไม่ค่อยจะพอใจ
ปกติบ้านสามก็ได้รับความสนใจแทบจะทุกอย่างในหมู่บ้านอยู่แล้ว พอสร้างบ้านแน่นอนว่าทุกคนก็ต้องการจะผูกความสัมพันธ์นี้ด้วย
อีกอย่างการที่จะสร้างบ้านนั้นไม่ใช่ว่าอยากสร้างก็สร้างได้เลย พวกเขาต้องหาของที่ใช้สร้างบ้านก่อนและต้องจองล่วงหน้า ถึงจะจองล่วงหน้าถ้าพวกเขามีเงินน้อยก็จะได้ช้าไปอีก คนบ้านสามย่อมต้องมีเส้นสายไม่อย่างนั้นพวกเขาคงจะไม่ได้สร้างบ้านเร็วขนาดนี้ เพราะพวกเขาเพิ่งจะได้ที่ดินกลับไป
“เหอะ!” เสียงร้องเหอะออกมาจากปากอาสี่ของสกุลหาน แน่นอนว่าเขาไม่ยอมแน่ ๆ
กัวเหม่ยอิงไม่รู้ว่าตัวเองได้สร้างระเบิดให้หลายบ้านแล้ว เธอมุ่งหน้าพาคนงานไปยังที่ดินที่จะสร้างบ้าน เพราะยิ่งไปถึงเร็วทุกคนก็จะได้พักเร็ว
“ถึงแล้วค่ะ”
กัวเหม่ยอิงเปิดประตูบ้านที่ลงกลอนประตูเอาไว้ ให้กับหัวหน้าไฉ่ ที่จะมาสั่งงานคนของตัวเองกับคนงานที่จะมาสร้างบ้าน เธอเดินนำคนอื่นเข้าไปในตัวกำแพงที่ล้อมรอบ
หัวหน้าไฉ่พยักหน้า “วันนี้พวกเราคงจะต้องวางแผนงานกันก่อนนะครับ คงจะยังไม่เริ่มสร้าง” เขาบอก
เพราะเพิ่งจะมาเห็นที่ดินที่จะใช้สร้างบ้าน หัวหน้าไฉ่จึงต้องการปรับเปลี่ยนโครงสร้างต่าง ๆ เพราะพื้นที่มันกว้างกว่าที่เขาคิดเอาไว้ อีกอย่างดูเหมือนอิฐคงจะไม่พอด้วย
“ไม่มีปัญหาค่ะ ฉันจ้างพวกคุณแล้ว” กัวเหม่ยอิงว่าพร้อมรอยยิ้ม
หัวหน้าไฉ่พยักหน้าก่อนจะเข้าไปดูพื้นที่เพราะต้องเอาของลงไว้ ไหนจะต้องวางไว้ในที่ไม่เกะกะอีก
เพราะจะได้ไม่ต้องย้ายบ่อย ๆ ส่วนน้องชายสามก็ไปช่วยยกของที่สามารถช่วยได้เพราะเขาว่าง
ต่างจากกัวเหม่ยอิงที่เดินตามหัวหน้าไฉ่เพราะหากเขาถามเธอจะได้ตอบถูก อีกอย่างเธอก็จะได้เห็นการทำงานของพวกเขาด้วย เพราะกัวเหม่ยอิงต้องการจะสร้างบ้านให้เสร็จเร็ว ๆ เธอจึงต้องการคนที่ขยัน ซึ่งหัวหน้าไฉ่ก็แนะนำว่าให้ทำข้อตกลงหากใครทำงานไม่ดีก็สามารถเปลี่ยนได้เลยเพราะจะได้ไม่เป็นตัวถ่วงของคนอื่น
พอถึงเวลามื้อกลางวันน้องชายรอง สะใภ้รอง และน้องชายสามที่กัวเหม่ยอิงบอกให้ไปช่วยยกซาลาเปามาให้คนงาน ก็พากันกลับมาด้วยถาดซาลาเปา
“ฉันเห็นว่าทุกคนทำงานให้พวกเราน่ะค่ะ ก็เลยทำซาลาเปาให้ มันอาจจะได้น้อยเพราะเราไม่ได้มีเงินเยอะ” กัวเหม่ยอิงตอบ
คนงานที่อยู่ตรงหน้ากัวเหม่ยอิงโบกมือแล้วพูด “ไม่รบกวน ๆ พวกเราก็เตรียมของกินมากันด้วย”
แม้จะบอกว่าเตรียมของกินมาด้วยแต่มันก็มีแผ่นแป้งที่เย็นและเนื้อที่แห้งหรือบ้างคนก็ผักเท่านั้น มันย่อมไม่สู้กับซาลาเปาลูกใหญ่ที่หอมและหวาน
ทุกคนต่างได้ซาลาเปาคนละสองลูก ลูกแรกเป็นไส้กะหล่ำปีผัดกับไข่ที่มีน้ำมันเยิ้ม ๆ ลูกที่สองเป็นไส้มันป่าที่มีรสหวาน จึงไม่แปลกที่มันจะอร่อย แล้วยิ่งไปกว่านั้นคนที่ทำซาลาเปาก็คือสะใภ้รองที่ทำกับข้าวอร่อยมาก
“แล้วใครดูแลเด็ก ๆ ” กัวเหม่ยอิงหันไปถามสะใภ้รองที่นั่งตรงข้าม เพราะพวกเธอสี่คนกำลังล้อมวงกินข้าวมื้อกลางวันที่สะใภ้รองเตรียมมา
“คุณแม่กัวเป็นห่วงว่าฉันจะเหนื่อยน่ะค่ะที่ต้องดูแลเด็ก ๆ เพราะเห็นพี่มาที่นี่ ตอนพักเที่ยงท่านก็เลยไปดูแลให้ แล้วบอกให้ฉันเอากับข้าวมาให้” สะใภ้รองตอบ
เพราะแม่กัวรู้ว่าสะใภ้รองต้องเอาซาลาเปามาให้คนงาน นางจึงสละเวลาที่ควรจะนอนพักตอนกลางวัน
ไปดูแลหลานสาวและอยู่เป็นเพื่อนแม่หาน ให้สะใภ้รองเอาซาลาเปามาส่งคนงานและกับข้าวให้ลูกสาวของนาง
“คุณแม่ก็จริง ๆ” กัวเหม่ยอิงว่า
ถึงเด็ก ๆ จะเลี้ยงง่ายแต่ตอนกลางวันทั้งสองต้องกินนมและต้องเปลี่ยนผ้ามันจึงต้องวุ่นวายไปบ้าง แม่กัวที่ผ่านการเลี้ยงลูก และมาดูแลเด็กทารกสองคนอยู่หลายครั้งมีหรือจะไม่รู้
น้องชายรองมองที่ดินรอบ ๆ ในกำแพงแล้วพูด “ผมไม่คิดว่ามันจะใหญ่ขนาดนี้”
เขารู้ว่าบิดาซื้อที่ดินให้พี่ชาย แต่เขาก็ไม่ได้อิจฉาเพราะเขารู้ว่าบิดาจะซื้อให้ลูกทุกคน แต่แล้วกลับเกิดเรื่องซะก่อน ยังดีที่พี่สะใภ้ของเขาสร้างบ้านให้ครอบครัวอยู่ไม่อย่างงั้นมันก็น่าเสียดาย
ถึงเขาจะเป็นน้องชายของพี่ใหญ่ แต่พี่สะใภ้ก็เป็นภรรยาของพี่ชาย และยิ่งมีลูกสาวอยู่ด้วย ที่ดินพื้นนี้จึงตกเป็นของพี่สะใภ้
“บัานหลังนี้ต้องใช้เงินเยอะมาก ตอนนี้เงินมีเหลืออยู่ไม่มากแล้ว ไม่รู้ว่ากว่าจะเสร็จมันจะพออยู่หรือเปล่า” กัวเหม่ยอิงว่า เพราะเธอกับน้องชายสามีและน้องสะใภ้แยกออกมานั่งห่างจากคนงานไกลพอสมควรจึงไม่ห่วงเรื่องที่คนอื่นจะได้ยิน
อันที่จริงกัวเหม่ยอิงอยากจะถามเรื่องเงินของสามีมากกว่า จะว่าเธอโลภก็ไม่ผิด แต่ที่เธออยากได้มันก็เพราะต้องการที่จะซื้อของบำรุงครอบครัวและหาแนวทางหาเงินอื่น ๆ และน้องชายรองก็ไม่ได้พูดเรื่องเงินเลยตั้งแต่ที่มาถึงเธอจึงไม่ได้ถาม
“นั่นสิ” สะใภ้รองเสริม หล่อนไปทุกที่ที่พี่สะใภ้ไป จึงรู้ว่าเงินที่ใช้สร้างบ้านหมดไปเท่าไรแล้วตอนนี้
“ผมว่าจะเข้าไปทำงานกับคุณลุงไฉ่” สหายของเขาก็จะเข้าทำงานกับคนเป็นพ่อ ลุงไฉ่จึงให้ไฉ่หูอ้ายมาถามว่าเขาต้องการจะไปทำงานด้วยหรือไม่
กัวเหม่ยอิงส่ายหัว “นายลืมเสี่ยวหนิงไปหรือเปล่า ตอนนี้พี่สะใภ้นายก็มีพี่ชายของนายที่ต้องดูแล จะเอาเวลาตรงไหนไปดูแลหล่อน คุณแม่แล้วก็ไหนจะทำงานบ้านอีก” เธอไม่เห็นด้วยกับการที่น้องชายสามจะเข้าไปทำงานในเมืองแล้วปล่อยให้สะใภ้รองดูแลหลานสาว ส่วนตัวเธอไม่ค่อยมีปัญหาเพราะสามารถเอาไปให้แม่กัวดูแลให้ได้ แต่ไม่ใช่กลับเสี่ยวหนิงถึงแม่กัวจะเอ็นดูหล่อนแต่เสี่ยวหนิงไม่ใช่หลานของนาง
ตอนนี้สะใภ้รองกับน้องชายสามยังไม่มีลูกพวกเขาจึงควรอยู่ด้วยกัน และบ้านของพวกเธอมีแต่หลานสาว บ้านใหญ่ที่แยกจากมาก็ต้องเพ่งเล็งและหาทางที่จะเข้ามาแทรก
“ผมไม่รู้” น้องชายสามถอนหายใจออกมาด้วยความเสียดาย
เงินเดือนที่หากทำกับคุณลุงไฉ่นั้นมีมากถึง 40 หยวน เพราะต้องทำงานเอกสาร เขาจึงอยากจะเข้าไปทำงานเพราะได้เงินเดือนที่สูง หากไปทำงานที่อื่นคงจะไม่ได้จำนวนนี้หรือไม่ก็คงไม่มีงานทำเลย
สะใภ้รองแย้ง “เราให้น้องชายสามอยู่บ้านสักเดือนดีไหมคะ แล้วหางานใกล้บ้านแทน ไม่ต้องเข้าไปพักในอำเภอ แบบนี้มันก็ไม่ได้ยุ่งยาก” หล่อนว่าเสียงเบา
เพราะหล่อนเสียดายที่น้องชายสามเรียนจบมัธยมปลายแล้วต้องมานั่งเลี้ยงลูกอยู่ที่บ้าน ค่าใช้จ่ายที่ใช้เรียนไม่ใช่น้อย ๆ หล่อนจึงคิดวิธีนี้ เพราะในตำบลก็เริ่มมีงานขึ้นมาแล้ว
กัวเหม่ยอิงพยักหน้าแล้วบอกค่อยกลับไปคุยกันต่อที่บ้านเพราะกินข้าวมื้อกลางวันกันอิ่มแล้ว กัวเหม่ยอิงกับน้องชายสามจึงหาที่นอนพัก ส่วนน้องชายรองกับสะใภ้รองก็ช่วยกันเก็บของแล้วกลับบ้าน เพราะมีแม่กัวช่วยดูแลเด็ก ๆ ให้ พวกเขาจึงต้องรีบกลับ เดี๋ยวอีกไม่นานแม่กัวก็ต้องกลับไปเก็บเกี่ยวผลผลิตของฤดูนี้
