บท
ตั้งค่า

บทที่17 ไปซื้ออิฐ

กัวเหม่ยอิงกับสะใภ้รองขอติดเกวียนวัวของคนในหมู่บ้านเข้าอำเภอเพราะไม่ต้องการที่จะเหนื่อยเกินไป โดยที่เธอจ่ายค่าเดินทางให้คนละ 1 เหมา ไม่รวมกับตอนที่จะกลับเพราะไม่รู้ว่าจะได้กลับมาพร้อมด้วยหรือเปล่า

“เราไปหาน้องชายสามกันก่อน” กัวเหม่ยอิงบอกสะใภ้รองทันทีที่ลงจากเกวียนวัว

สะใภรองพยักหน้า “ได้ค่ะ เขาคงจะเตรียมตัวรอแล้ว” พวกเธอนัดกันเอาไว้ว่าจะมาวันนี้ ให้น้องชายสามเตรียมตัวรอไว้ได้เลย เพราะพวกเธอเป็นผู้หญิงคงไม่เหมาะหากจะออกหน้าซื้ออิฐเอง อันที่จริงจะซื้อเองก็ไม่ผิดแต่มีน้องชายสามไปด้วยก็อุ่นใจมากกว่า

กัวเหม่ยอิงเดินนำสะใภ้รองอย่างคุ้นชินทางในอำเภอที่จะไปห้องพักของน้องชายสาม ส่วนสะใภ้รองแม้จะเดิมตามแต่หล่อนก็จำทางได้

พอเดินมาถึงบริเวณหน้าห้องพักดูเหมือนทุกคนจะวุ่นวายกันอยู่ วันนี้พวกเธอออกมาตั้งแต่เช้าจึงไม่แปลกที่จะมีคนอยู่ที่ห้องพัก และบางส่วนก็คงจะไปทำงานกันแล้ว

สะใภ้รองพอมาถึงก็เอาของที่จะให้น้องชายสามติดตัวไปด้วยให้น้องชายสามที่หน้าห้องพัก แล้วให้เขาเอาเข้าไปเก็บไว้เพราะพวกเธอต้องไปด้วยกันอีก

“พี่สะใภ้มาเร็วเกินไปแล้ว” น้องชายสามว่าเมื่อเห็นพี่สะใภ้มาถึงห้องพักในเวลาเจ็ดโมงนิด ๆ แต่พี่สะใภ้ก็บอกว่าจะมาเวลานี้เขาจึงออกมารอ

กัวเหม่ยอิงหัวเราะ “ยิ่งมาเช้าก็จะเสร็จเร็ว ๆ ไม่ใช่เหรอ อีกอย่างเราต้องไปซื้อของอีก ถ้าช้ากว่านี้คงจะไม่เสร็จ” เธอตอบ

“ผมยืมจักรยานไว้สองคัน พี่สะใภ้ไปคันนั้นนะครับ” น้องชายสามชี้นิ้วบอก

“ได้” กัวเหม่ยอิงว่าแล้วให้สะใภ้รองเป็นคนปั่นจักรยานส่วนตัวเองนั่งซ้อนด้านหลัง

ปกติจะเป็นกัวเหม่ยอิงเองที่เป็นคนปั่นจักรยาน ส่วนสะใภ้รองจะเป็นคนนั่งซ้อน แต่วันนี้กัวเหม่ยอิงรู้สึกเหนื่อย ๆ เพราะเมื่อวานตากแดดนานเกินไป สะใภ้รองจึงเสนอตัวปั่นจักยานให้

สะใภ้รองปั่นจักรยานไปในเส้นทางที่เคยผ่าน เพราะพวกเธอมาแล้วจึงไม่แปลกที่จะคุ้นทางอยู่บ้าง แต่สะใภ้รองก็ปั่นตามหลังน้องชายสามอยู่ดี ต่อให้พวกเธอเคยมาแต่ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่หลงทาง

“ถ้าเรามีจักรยานก็คงจะดีนะคะ” สะใภ้รองว่า

กัวเหม่ยอิงพยักหน้าอย่างเห็นด้วย “ใช่ แต่เราคงต้องรอหลังจากสร้างบ้านเสร็จ”

เพราะการจะซื้อจักรยานหนึ่งคันมันใช้เงินไม่ต่ำกว่า 200 หยวน และคูปองอีกหลายใบ ซึ่งตอนนี้พวกเธอมีเงินกับคูปองอยู่ในมือก็จริง แต่ไม่รู้ว่าหากใช้ซื้อจักรยานแล้วมันจะเหลือใช้พอสร้างบ้านไหม อีกอย่างก็คือเงินที่จะใช้ซื้อจักรยานหากเป็นคนในหมู่บ้านเขาคงใช้ซื้อของกินได้อีกหลายปี และที่สำคัญการที่จะซื้อจักรยานไม่ใช่ว่าหาซื้อได้ง่าย ๆ

“น้องชายสามเรียนจบแล้ว แต่เรายังไม่ได้มีอะไรให้เขา” สะใภ้รองบอกเมื่อน้องชายสามปั่นจักรยานห่างไปพอสมควร

กัวเหม่ยอิงคิด “นั่นสิ” กว่าจะเรียนจบได้ต้องใช้ความรู้ไม่น้อยเลยทีเดียว อีกอย่างน้องชายสามก็ไม่เคยพูดว่าอยากจะได้อะไร พวกเธอจึงไม่รู้ว่าควรจะให้อะไรกับเขา

คุยกันได้ไม่นานทั้งสามก็มาถึงที่หมาย น้องชายสามเป็นคนไปลงชื่อเข้าไปในพื้นที่และฝากจักรยานเอาไว้กับเจ้าหน้าที่ ก่อนจะเดินนำพี่สะใภ้เข้าไป

“ต้องลงชื่อด้วยเหรอ” กัวเหม่ยอิงสงสัย เพราะวันนั้นที่มาพวกเธอไม่ได้ลงชื่อและสามารถเอาจักรยานเข้าด้านในได้ด้วย

น้องชายสามพยักหน้า “ปกติที่วันหยุดแล้วที่นี่จะไม่มีการลงชื่อครับเพราะทุกคนไม่ได้มา แต่วันปกติมีลูกค้ามาก็เลยต้องลงชื่อเอาไว้เป็นหลักฐาน”

กัวเหม่ยอิงร้องอ๋อในใจก่อนจะพยักหน้าหลังน้องชายสามพูดจบ พูดง่าย ๆ ก็คือที่นี่มีการลงชื่อเข้าออก อาจจะเพราะของข้างในเป็นของสำคัญสำหรับคนก่อสร้าง และประตูก็สามารถเข้าออกได้จึงต้องลงชื่อเอาไว้ เผื่อมีอะไรหายไปจะได้จับตัวถูก

“อ้าว ครอบครัวหานมาพอดี ๆ” เป็นหัวหน้าไฉ่ที่คุยกับคนงานอยู่ร้องทัก

วันนี้พวกเธอเป็นลูกค้ากลุ่มแรกที่เข้ามา จึงไม่แปลกเลยที่พอเดินเข้ามาจะมีคนเห็นและออกมาต้อนรับ แต่คงจะมีอภิสิทธิ์กว่าคนอื่นก็คือการที่หัวหน้าไฉ่ออกมาคุยด้วยตนเอง

“สวัสดีค่ะหัวหน้าไฉ่”

“สวัสดีครับคุณลุง”

“สวัสดีค่ะหัวหน้าไฉ่”

“สวัสดี ๆ มากันแต่เช้าเชียว” หัวหน้าไฉ่ว่าเมื่อหันไปมองนาฬิกาแขวนของที่นี่

กัวเหม่ยอิงหัวเราะ “พอดีพวกเราต้องไปทำธุระต่อน่ะค่ะก็เลยมาแต่เช้า ไม่รบกวนหัวหน้าไฉ่ใช่ไหมคะ?” เธอถามเพราะเห็นเขาคุยกับลูกน้องอยู่

หัวหน้าไฉ่โบกมือ “ไม่รบกวน ๆ เราเข้าไปคุยรายละเอียดกันเลยดีไหมจะได้ไม่เสียเวลา”

“ได้ค่ะ” กัวเหม่ยอิงพยักหน้าตกลง

กัวเหม่ยอิงเซ็นสัญญาการซื้อขายอิฐ ปูน เสา และของที่ต้องใช้ก่อสร้างอื่น ๆ อีก พร้อมกับการที่จ้างให้คนงานในสำนักก่อสร้างไปสร้างบ้านให้ด้วยเลย และด้วยความที่เธอซื้อเยอะจึงได้ส่วนลดมาอีกห้าเปอร์เซ็นต์ ซึ่งนับว่าเป็นเรื่องที่ดีมากเพราะมันสามารถซื้อของได้อีกหลายอย่าง

“เดี๋ยวเริ่มงานสัปดาห์หน้าใช่ไหมครับ?” หัวหน้าไฉ่ถามเมื่อรับเงินจากกัวเหม่ยอิงไป

กัวเหม่ยอิงพยักหน้า “ใช่ค่ะ หลังจากที่น้องชายสามกลับมาจากศึกษางานเขาจะเป็นคนพาไปที่บ้านเอง”

“ตกลงครับ”

กัวเหม่ยอิง สะใภ้รองและน้องชายสามเอ่ยลาหัวหน้าไฉ่ก่อนจะพากันกลับเพราะทำธุระเสร็จหมดแล้ว และคงจะไม่ดีที่เธอกับสะใภ้รองจะอยู่ที่นี่นาน ๆ เพราะเต็มไปด้วยผู้ชาย

“พวกพี่จะไปไหนกันต่อครับ” น้องชายสามถามพี่สะใภ้ทั้งสองเพราะเขาได้ยินว่าจะไปทำธุระต่อ

สะใภ้รองตอบ “ไปซื้อของน่ะ ของกินที่บ้านหมดแล้ว”

น้องชายสามพยักหน้า “พรุ่งนี้ผมคงต้องไปที่มณฑลอื่นเป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์ ถ้ากลับมาแล้วผมจะรีบกลับบ้านนะครับ” จริง ๆ ตอนแรกวันนี้เขาคงต้องกลับไปหาลูกสาวได้แล้ว แต่อยู่ ๆ ครูใหญ่ก็เปลี่ยนใจจะพาพวกเขาไปศึกษางานเป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์ เพราะปีนี้นักเรียนจบไม่กี่คนจึงไม่ใช่เรื่องยากที่จะไป และโรงเรียนของเขาเป็นโรงเรียนประจำอำเภอที่มีงบเข้ามาตลอด

“นายมีเงินหรือเปล่า?” กัวเหม่ยอิงถามเพราะต้องไปมณฑลอื่นเขาจึงไม่ควรที่จะเอาอาหารที่มีไปด้วย และไปที่นู้นก็คงต้องซื้ออาหารกิน

น้องชายสามพยักหน้า “มีครับ ที่พี่สะใภ้ให้มารอบก่อนยังเหลืออยู่”

ปกติเขาได้เพียงเดือนละ 10 หยวนเท่านั้น แต่เดือนนี้เขาได้ถึง 50 สิบหยวน จึงเหลือเงินใช้อีกมาก

“อืม พวกเราคงต้องไปแล้ว” กัวเหม่ยอิงตอบเพราะต้องกลับให้ถึงบ้านก่อนเที่ยง

“ไว้เจอกันครับ”

“อืม”

“เดินทางปลอดภัยนะน้องชายสาม”

“ครับพี่สะใภ้รอง”

พอน้องชายสามเอาจักรยานไปคืนเจ้าของ กัวเหม่ยอิงกับสะใภ้รองก็เดินออกจากห้องพัก และรีบเดินไปที่สหกรณ์เพราะเวลาเริ่มจะสายแล้ว

ที่สหกรณ์ก็ยังเหมือนเดิม แต่ที่ไม่เหมือนเดิมก็คงจะมีคนบางตา เพราะหลายคนต่างทำงานจึงไม่มีเวลามาเลือกซื้อของ และทันทีที่กัวเหม่ยอิงเดินเข้าสหกรณ์ของอำเภอก็มีคนมาต้อนรับ

“ฉันคิดแล้วว่าคุณผู้หญิงจะต้องมา” หล่อนยิ้มจนเห็นฟันที่ขาว

กัวเหม่ยอิงหัวเราะ “พอดีน้องสะใภ้ฉันจะมาซื้อของน่ะค่ะก็เลยมาเป็นเพื่อน” เธอว่า

หล่อนกระซิบ “แล้วยังจะเอานมผงไหมคะ แต่ตอนนี้นมผงเหลือเพียง 5 กระป๋องเท่านั้น”

“ไหนวันนั้นบอกจะมีเข้ามาอีก 10”

“ของถึงเมื่อวานค่ะ แล้วฉันหยุดงานจึงมีคนเอาออกมาขาย” หล่อนว่าอย่างน่าเสียดาย

ปกติหล่อนจะเป็นคนรับผิดชอบเรื่องการสั่งซื้อนมผงจากร้านใหญ่ในเมือง และจากที่คาดการณ์ว่าของจะถึงวันนี้กลับไม่เป็นไปตามที่คาดเพราะของมาส่งเร็วกว่าปกติ และกว่าจะรู้นมผงจาก 10 กระป๋อง ก็เหลือเพียง 5 กระป๋องแล้ว

กัวเหม่ยอิงพยักหน้าแล้วว่าเสียงเรียบ “ฉันเอาทั้งหมดเลยค่ะ” เรื่องนี้มันไม่ใช่ความผิดของพนักงานเพราะใคร ๆ ก็มีสิทธิ์จะซื้อกันทั้งนั้น

“เสียดายที่รอบนี้ได้นมผงไปน้อย” กัวเหม่ยอิงคุยกับสะใภ้รองที่เลือกของอยู่ข้าง ๆ

สะใภ้รองหัวเราะ “พี่จะซื้อไปตุนไว้ตลอดไม่ได้นะคะ ที่มีก็กินได้อีกหลายเดือนแล้ว” นมผงที่ฝากน้องชายรองเอาไว้รอบก่อนตอนนี้ก็เอากลับบ้านไปหมดแล้ว

จริง ๆ หากเป็นบ้านอื่น เด็ก ๆ ก็คงต้องกินน้ำข้าวกันทั้งนั้น ไม่มีใครซื้อนมผงกันหรอกเพราะมันสิ้นเปลือง ดีไม่ดีหากมีใครซื้อให้ลูกให้หลานกินพวกเขาคงจะให้กินเพียงไม่หนึ่งเดือนก็สองเดือน แต่พี่สะใภ้ของนางตอนนี้กลับตุนไว้เยอะมาก

ซึ่งกัวเหม่ยอิงรู้ดีว่ายุคนี้ส่วนมากทุกคนจะขาดแคลนสารอาหาร จึงต้องการให้เด็ก ๆ กินนมไปอีกสักพัก และต้องรอให้ยัยหนูทั้งสองครบหกเดือนก่อนค่อยจะเริ่มป้อนข้าว ซึ่งตอนนี้ทั้งสองก็ใกล้จะสามเดือนกันแล้ว

“เหลือก็ดีกว่าจะขาดนี่” เธอตอบ

สะใภ้รองส่ายหัว “เอาองุ่นไปให้คุณแม่ดีไหมคะ” นางชี้ไปที่พวงองุ่นในกล่องบนชั้นวางผลไม้

“เอาสิ เราก็ไม่ได้กินกันนานแล้ว” กัวเหม่ยอิงพยักหน้าอย่างเห็นด้วย

เพราะไม่ได้เข้าไปหาหน่อไม้ ผลไม้ป่าที่เคยได้กินจึงไม่ได้ไปเก็บ และส่วนมากพวกเธอก็จะซื้อผลไม้ในสหกรณ์ไปกินกัน ซึ่งส่วนมากก็จะเป็น แอปเปิล สาลี่ และแตงโม ส่วนองุ่นนั้นมีราคาที่แพงกว่าจึงเลือกที่จะไม่ซื้อ และสะใภ้รองก็จำได้ว่าแม่สามีชอบกินมันมาก

องุ่น 2 กล่อง สตรอว์เบอร์รี่ 1 กล่อง กล้วย 5 ลูก และแอปเปิลกับสาลี่อย่างละหนึ่งถุง ถูกสะใภ้รองหยิบใส่ตะกร้า ส่วนที่มันล้นก็ถือเอาไว้ แล้วไปเลือกซื้อของอย่างอื่นเพิ่ม

ต้องบอกว่าสะใภ้รองรู้จักของอร่อยหลาย ๆ อย่าง และหล่อนก็รู้ว่าควรจะซื้ออะไร เพราะแบบนี้แล้วหล่อนจึงหยิบเอาของที่ใช้ทำกับข้าวไปหลายอย่าง

วันนี้กัวเหม่ยอิงใช้เงินไปเกือบสี่พันหยวนในการซื้อของสร้างบ้านและซื้อของไปทำกับข้าว มันเป็นเงินที่ทำให้พวกเธออยู่ได้อย่างสบาย ๆ ได้อีกหลายปีเลย แต่เธอเลือกที่จะสร้างบ้านเพราะห่วงความปลอดภัยของคนในบ้าน

“ดูเหมือนว่าน้องชายรองจะกลับมาแล้ว” กัวเหม่ยอิงบอกสะใภ้รองที่กำลังนวดแป้ง

“อะไรนะคะ?” สะใภ้รองถามด้วยความไม่แน่ใจ

กัวเหม่ยอิงถอนหายใจ “เลขาธิการให้คนมาบอกว่าน้องชายรองโทรมาแล้วฝากบอกว่าจะกลับมาแล้ว แต่จะถึงวันไหนไม่รู้เพราะสหายเขาไม่ได้บอก และเขาทำเรื่องออกจากกองทัพแล้ว”

จริง ๆ เขาจะมาตั้งนานแล้วแต่กัวเหม่ยอิงให้สะใภ้รองโทรไปบอกว่าหากรักษาไม่หายไม่ต้องกลับมา

เพราะพวกเธอไม่ได้มีเวลามาดูแล อีกอย่างที่หมู่บ้านก็ห่างจากโรงพยาบาลมาก หากเกิดอะไรขึ้นมันจะเดินทางลำบาก ซึ่งน้องชายรองก็โอเค และเหมือนตอนนี่เริ่มจะหายดีแล้ว

สะใภ้รองเอ่ยอย่างตื่นเต้น “ไม่รู้ว่าเขาจะเป็นยังไงบ้างนะคะ” หล่อนแต่งกับเขามาหลายปีย่อมมีความผูกพันธ์กับเขา และตอนเกิดเรื่องหล่อนก็เป็นห่วงเขามากแต่ทำอะไรไม่ได้จึงได้แต่รอ

กัวเหม่ยอิงพยักหน้า “อืม แต่คงต้องให้เสี่ยวหนิงไปนอนในห้องคุณแม่” เพราะน้องชายรองกลับมาแล้ว สามีภรรยาย่อมต้องการใช้ชีวิตร่วมกันการที่จะให้หลานสาวอยู่ด้วยคงจะไม่ใช่เรื่องที่ดี

“แต่มันจะรบกวนคุณแม่เปล่า ๆ นะคะ” สะใภ้รองกล่าวอย่างไม่เห็นด้วย แม่สามีของเธอนั้นตื่นง่ายมาก หลานสาวเลี้ยงง่ายก็จริงแต่ตอนการคืนหล่อนก็ไม่สบายตัวอยู่บ้างก็จะงอแง จะให้แม่สามีดูแลหลานสาวก็ยังไงอยู่

“จะให้นอนในห้องกับฉันคงจะเป็นไปไม่ได้ ถ้าคนหนึ่งร้องไห้อีกคนก็จะร้องตาม” กัวเหม่ยอิงว่า

เหมือนเด็กสาวทั้งสองจะมีความรู้สึกเชื่อมกันยังไงยังงั้น เพราะเมื่อไรที่ได้ยินเสียงอีกคนร้อง อีกคนก็จะร้องตาม

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel